เดินหน้าผัน‘น้ำโขง’1.7ล้านล้าน กรมชลยันผลการศึกษาคุ้มค่า-ได้น้ำมากกว่าเขื่อนภูมิพล3เท่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/268433

วันพฤหัสบดี ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล ทั้งด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม พร้อมจัดทำแบบจำลองทางกายภาพของโครงการตามที่

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้ศึกษารายละเอียดเพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนว่า จะสามารถส่งน้ำให้ไหลผ่านทางอุโมงค์ที่มีขนาดใหญ่และมีความยาวได้ และไม่กระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง

ทั้งนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่การเกษตรมากที่สุดถึง 69.91 ล้านไร่ แต่มีพื้นที่ชลประทานน้อยที่สุดเพียง 8.06 ล้านไร่ หรือร้อยละ 11.53 ทำให้เกิดน้ำท่วมและภัยแล้งซ้ำซาก นอกจากนี้ลักษณะภูมิประเทศก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างอ่างเก็บน้ำ กรมชลประทานจึงวางแผนโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง เพื่อแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ เกิดประโยชน์ครอบคลุมทั้งภาค

สำหรับการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วงนั้น หากพัฒนาให้เต็มศักยภาพ ซึ่งจะต้องดำเนินการปรับปรุงแม่น้ำเลย ขุดคลองชักน้ำ สร้างอุโมงค์ส่งน้ำยาว 64.8 กม. 17 แถว และคลองส่งน้ำสายหลัก 6 สาย ระยะทางรวม 2,084 กม. แล้ว จะทำให้มีพื้นที่รับประโยชน์ครอบคลุมถึง 20 จังหวัด 281 อำเภอ สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานที่จะเปิดใหม่ได้ 33.50 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วง 21.78 ล้านไร่ และพื้นที่ส่งน้ำด้วยระบบสูบน้ำอีก 11.72 ล้านไร่

รองอธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวถึงแม้จะต้องใช้เงินลงทุนสูงประมาณ 1.785 ล้านล้านบาท แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่า เพราะจะสามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ได้ถึง 32,534 ล้าน ลบ.ม. หรือเท่ากับปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลที่เต็มความจุ 3 เขื่อน โดยนำมาใช้ช่วงฤดูฝนประมาณ 22,274 ล้าน ลบ.ม. และในช่วงฤดูแล้งประมาณ 10,260 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอสำหรับการนำมาใช้ในทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืนแก้ปัญหาน้ำในภาคอีสานได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งในภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังสามารถนำน้ำไปเติมให้กับเขื่อนต่างๆ คือ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ และเขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี ได้อีกถึง 1,062 ล้าน ลบ.ม. เสริมความมั่นคงในเรื่องน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานเดิมกว่า 802,728 ไร่ รวมทั้งยังสามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่สะอาดปราศจากมลพิษได้อีกด้วย

สำหรับผลกระทบต่อแม่น้ำโขงนั้นมีน้อยมาก เพราะเมื่อมีการพัฒนาโครงการเต็มศักยภาพจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงบริเวณอำเภอโขงเจียมลดลงเพียง 11% นอกจากนี้การสร้างเขื่อนของประเทศจีนและประเทศลาว ก็จะส่งผลบวกต่อโครงการเพราะจะช่วยเสริมน้ำในแม่น้ำโขงช่วงฤดูแล้งให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามในการดำเนินงานโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วงนั้น กรมชลประทานจะดำเนินการพัฒนาโครงการในระยะที่ 1 ก่อน โดยจะสร้างอุโมงค์ส่งน้ำจำนวน 1 แถว คลองส่งน้ำสายหลัก 2 สาย ระยะทางรวม 244 กม. เมื่อแล้วเสร็จจะมีพื้นที่รับประโยชน์ 6 จังหวัด 22 อำเภอ สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานได้ 1.69 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วง 0.94 ล้านไร่ และส่งน้ำด้วยระบบสูบน้ำ 0.75 ล้านไร่ ปริมาณน้ำส่งในฤดูฝน 1,669 ล้าน ลบ.ม. และปริมาณน้ำส่งในฤดูแล้ง 1,259 ล้าน ลบ.ม.

Leave a comment