ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/268429
วันพฤหัสบดี ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.
x
นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เป็นฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกที่จะออกสู่ตลาดในปริมาณมาก ทั้งทุเรียน มังคุด และเงาะ สศก.คาดว่าปีนี้ปริมาณผลไม้ภาคตะวันออกจะมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย และเกษตรกรชาวสวนผลไม้มีการบริหารจัดการแปลงที่ดีตามมาตรฐาน มีระบบน้ำ ที่สำคัญคือมีการรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ผลไม้ เพื่อรวมกันผลิต ใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ผ่านการศึกษาจากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ในพื้นที่ ส่งผลให้ผลไม้ภาคตะวันออกมีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยปีที่ผ่านมามีการส่งออกทุเรียนสูงถึง 20,000 ล้านบาท มังคุด 4,200 ล้านบาท และเงาะ 550 ล้านบาท คาดว่าปีนี้มูลค่าการส่งออกผลไม้จะเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่ต่ำกว่า 10%
ขณะที่ล่าสุด กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมมือกับ จ.จันทบุรี เปิดตลาดประมูลผลไม้จากแปลงใหญ่ นำร่องที่แปลงใหญ่มังคุดของอำเภอเขาคิชฌกูฏ รวบรวมเกษตรกรที่ปลูกมังคุดในแปลงใหญ่ นำผลผลิตมาคัดแยกเกรด และเชิญผู้ประกอบการ โมเดิร์นเทรด ผู้ส่งออกผลไม้ มาร่วมประมูลสินค้าในราคาตามคุณภาพ มีการกำหนดราคากลางที่ 120 บาท/กก. ซึ่งผลจากการประมูลพบว่าราคามังคุดเกรด A ขายได้ที่ราคาเฉลี่ย 133 บาท/กก. และลดลงมาตามลำดับจนถึงตกเกรดราคาอยู่ที่ 20 บาท/กก. ผลจากการจัดกิจกรรมดังกล่าวคือได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตและผู้ซื้อมาเจอกันโดยตรง ได้เห็นผลผลิต ปริมาณและคุณภาพ มีการกำหนดราคาซื้อขายที่เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
“ผลไม้ภาคตะวันออกแปลงใหญ่กำลังเข้าสู่กลไกที่สมบูรณ์อย่างครบวงจร สามารถนำรูปแบบนี้มาขยายผลไปสู่สินค้าทั้ง 33 ชนิดในแปลงใหญ่ได้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 600 แปลง พื้นที่ 1.5 ล้านไร่ เกษตรกรที่เข้าร่วมเกือบ 1 แสนราย กระทรวงเกษตรฯ วางแผนขยายแปลงใหญ่ให้ได้ 1,512 แปลงภายในปีนี้ ถ้านำระบบบริหารจัดการมังคุดแปลงใหญ่แบบครบวงจรนี้มาใช้ จะนำไปสู่การจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการกับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่มากขึ้น เกิดการร่วมกันพัฒนาการผลิตโดยใช้การตลาดนำและสามารถตอบโจทย์ด้านการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน ผลิตสินค้าที่มีมาตรฐาน และมีการซื้อขายที่เป็นธรรม สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร และนำประเทศไปสู่การเป็นครัวอาหารที่ปลอดภัยของโลก” นางสาวจริยา กล่าว