‘มาครง’ฉลุย ปธน.ฝรั่งเศส ผู้นำโลกร่วมยินดี ‘อียู’เฮ-ไม่ถอนตัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 9 พ.ค. 2560 08:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/935618


“เอ็มมานูเอล มาครง” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศฝรั่งเศส คว้าเก้าอี้ “ประธานาธิบดี” ของแดนน้ำหอมคนล่าสุดได้สำเร็จ โดยได้คะแนนชนะแบบขาดลอย เป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้ ด้าน “เลอ เปน” คู่แข่งหญิงโชว์สปิริตแสดงความยินดีหลังพ่ายแพ้ผู้นำนานาชาติส่งสารร่วมยินดี รวมทั้ง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศเฝ้ารอทำงานร่วมกัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 8 พ.ค.ว่า การเมืองฝรั่งเศสพลิกโฉมครั้งใหญ่ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 2 ซึ่งเป็นรอบชี้ขาด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. ผลปรากฏว่า นายเอ็มมานูเอล มาครง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ผู้นำพรรค “ออง มาร์ช” (เดินหน้า) ฝ่าย เสรีนิยมสายกลาง เอาชนะนางมารีน เลอ เปน ผู้นำ พรรค “แนวร่วมแห่งชาติ” (เอฟเอ็น) สายชาตินิยมฝ่ายขวาจัดได้อย่างขาดลอย ด้วยคะแนนเสียง 66.1% ต่อ 33.9% ส่งผลให้นายมาครงวัย 39 ปี กลายเป็นผู้นำฝรั่งเศสที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งเป็นผู้นำคนแรกที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมืองหลัก 2 พรรคใหญ่คือพรรคสังคมนิยมและพรรครีพับลิกัน ซึ่งผลัดกันครองอำนาจตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสยุคใหม่ตั้งแต่ พ.ศ. 2501 เป็นต้นมา

หลังทราบผลการเลือกตั้ง นายมาครงประกาศว่าประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่แล้ว ตนหวังว่าจะเป็นหน้าใหม่แห่งความหวังและความเชื่อมั่นครั้งใหม่ ได้รับฟังความเดือดดาล ความวิตกกังวล ความเคลือบแคลงสงสัยที่ประชาชนจำนวนมากได้แสดงออก ขอสัญญาว่าจะใช้เวลา 5 ปีในตำแหน่งผู้นำต่อสู้กับความแตกแยกที่บ่อนทำลายฝรั่งเศส ขอรับประกันความเป็นเอกภาพของชาติและปกป้องคุ้มครองยุโรป

จากนั้น นายมาครงเดินทางไปพบกับผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ชุมนุมฉลองชัย ที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในกรุงปารีส และแถลงว่าคืนนี้พวกท่านชนะ ฝรั่งเศสชนะ ทุกคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขาไม่รู้จักฝรั่งเศส พร้อมทั้งย้ำหลายครั้งว่างานที่ตนและฝรั่งเศสต้องเผชิญนั้นใหญ่โตมหึมา แต่พวกเรามีความเข้มแข็ง มีพลัง จะไม่ยอมแพ้ต่อความหวาดกลัว จะทำทุกอย่างเท่าที่สามารถ เพื่อรับประกันว่าในอนาคตไม่มีเหตุผลใดที่จะลงคะแนนเลือกพวกสุดโต่ง

ส่วนนางเลอ เปน แถลงแสดงความยินดีและอวยพรให้นายมาครงประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับความท้าทายใหญ่หลวงที่รออยู่ และขอบคุณประชาชนประมาณ 11 ล้านคนที่ลงคะแนนเลือก การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกระหว่าง “ผู้รักชาติและผู้นิยมโลกาภิวัตน์” ทั้งยังเรียกร้องให้มีพลังทางการเมืองใหม่ และว่าพรรคเอฟเอ็นจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง พร้อมประกาศจะนำพรรคต่อสู้การเลือกตั้งทั่วไปในเดือน มิ.ย.

สำหรับนายมาครงจะเข้าพิธีสาบานตน รับ ตำแหน่งแทนประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลองด์ ที่พระราชวังเอลิเซย์ หรือทำเนียบประธานาธิบดีในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. แต่เขาต้องเผชิญความท้าทายมากมาย เพราะพรรคออง มาร์ช ที่เขาเพิ่งตั้งขึ้นเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้วหลังลาออกจากตำแหน่ง รมว.เศรษฐกิจในรัฐบาลนายโอลองด์ ยังไม่มีที่นั่ง ส.ส.ในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่คนเดียว จึงต้องนำพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไปใน 11 มิ.ย. และ 18 มิ.ย. ถ้าพรรคออง มาร์ช ไม่สามารถครองเสียงข้างมาก ในสภาได้ อาจต้องตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคอื่นเพื่อให้บริหารประเทศได้ เขายังต้องต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ อัตราว่างงานสูง ปัญหาผู้อพยพ ไปจนถึงการก่อการร้าย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งตั้งแต่ปี 2558 ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 230 คน

ในช่วงหาเสียง นายมาครงชูนโยบายเสรีนิยมสายกลาง ส่งเสริมนักธุรกิจ สนับสนุนสหภาพยุโรป (อียู) กระบวนการโลกาภิวัตน์ และอยู่ร่วมกับกลุ่มยูโรโซนที่ร่วมใช้เงินสกุลยูโรอย่างแน่วแน่ ทั้งสัญญาจะลดตำแหน่งงานภาคราชการลง 120,000 ตำแหน่ง ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐลง 60,000 ล้านยูโร ลดอัตราการว่างงานลงจาก 10% ให้เหลือ 7% ผ่อนคลายกฎหมายแรงงานและปกป้องผู้ทำธุรกิจของตนเอง นโยบายของเขาตรงข้ามกับนางเลอ เปน ที่ต่อต้านอียู องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กลุ่มยูโรโซน และต่อต้านผู้อพยพ

ด้านผู้นำนานาชาติต่างส่งสารแสดงความยินดีกับนายมาครง โดยผู้นำชาติยุโรปโล่งอกที่นายมาครงชนะเลือกตั้ง เพราะถ้านางเลอ เปน ชนะ จะส่งผลให้อียูอ่อนแอลงและฝ่ายชาตินิยม-ประชานิยมฝ่ายขวาจัดในยุโรปเข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังอังกฤษลงประชามติถอนตัวจากอียูหรือ “เบร็กซิต” เมื่อ 23 มิ.ย.ปีที่แล้ว และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชูนโยบายชาตินิยม “อเมริกาต้องมาก่อน” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีที่แล้วทำให้โลกปั่นป่วน

นายฌองคล็อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปทวีตข้อความว่า ดีใจที่ชาวฝรั่งเศสเลือกอนาคตยุโรป ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับนายมาครงที่ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่และว่าเฝ้ารอที่จะทำงานร่วมกับเขา นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีแถลงว่า ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดและเฝ้ารอทำงานร่วมกับนายมาครง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียส่งโทรเลขแสดงความยินดีและว่ารัสเซียพร้อมร่วมทำงานที่สร้างสรรค์ทั้งในด้านทวิภาคีและกิจการโลกกับฝรั่งเศส ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ส่งสารยินดีและว่าจีนกับฝรั่งเศสร่วมรับผิดชอบในสันติภาพและการพัฒนาโลก ส่วนนายโอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง แถลงว่า ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสเป็นเอกภาพและยึดมั่นในคุณค่าของสาธารณรัฐ

การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ออก เสียง 47.58 ล้านคน แต่มีผู้งดใช้สิทธิ์ออกเสียงถึง 25.44% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีใน พ.ศ.2512 นอกจากนี้ ยังมีบัตรเสียและมีผู้ไม่ยอมกาบัตรเลือกใครสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 9% มีรายงานด้วยว่า หลังนายมาครงชนะการเลือกตั้งเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค. ตำรวจฝรั่งเศสปะทะและจับกุมผู้ประท้วงที่ก่อความวุ่นวายทางตะวันออกกรุงปารีสถึง 141 คน โดยในช่วงหาเสียง กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งมีหลายกลุ่มทั้งชุมนุมต่อต้านนายมาครง นางเลอ เปน และพรรครีพับลิกัน

ประวัตินายมาครงเคยเป็นนักเปียโน นาย ธนาคารเพื่อการลงทุน และเจ้าหน้าที่รัฐบาล ก่อนได้เป็น รมว.เศรษฐกิจในรัฐบาลประธานาธิบดีโอลองด์ ชีวิตรักสมรสของเขาไม่ธรรมดาและเป็นที่ฮือฮาไปทั้งโลก เพราะแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 ปีกับนางบริจิตต์ โทรนเญอซ์ อายุ 64 ปี ที่แก่กว่าเกือบ 25 ปี โดยมาครงตกหลุมรักนางบริจิตต์ขณะเป็นนักเรียนอายุแค่ 15 ปี ส่วนนางบริจิตต์เป็นครูสอนการแสดง ภาษา และวรรณคดีฝรั่งเศสในโรงเรียนมัธยมเมืองเอเมียงส์ ที่มาครงเรียนอยู่และลูกสาวของเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับมาครง ทำให้มาครงถูกครอบครัวคัดค้านอย่างหนัก แต่ด้วยความรักแท้แน่วแน่ หลังนาง บริจิตต์หย่าขาดจากสามี ทั้งคู่ก็แต่งงานกันในที่สุด โดยนางบริจิตต์มีลูกติด 3 คน มีหลาน 7 คน ปัจจุบันนายมาครงกับนางบริจิตต์ยังไม่มีลูกด้วยกัน ส่วนนักวิเคราะห์ชี้ว่านางบริจิตต์ “สตรีหมายเลข 1” คนใหม่ของฝรั่งเศสจะมีบทบาทสำคัญร่วมกับสามีในการบริหารประเทศ

ส่วนความเคลื่อนไหวของไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเอ็มมานูเอล มาครง ได้รับเลือกตั้งเป็นว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ว่า ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประเทศไทยเป็นมิตรกับฝรั่งเศสทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีก็เป็นเพื่อนกันทั้งโลก นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ส่งสารแสดงความยินดีต่อนายมาครง ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ ระบุว่าในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอแสดงความยินดีที่ชาวฝรั่งเศสไว้วางใจและเชื่อมั่นในศักยภาพ ให้ท่านได้รับชัยชนะเพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า มั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศสจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นภายใต้การนำของท่าน ตนรอจะได้ร่วมงานกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความรุ่งเรืองของเราทั้งสองประเทศและประชาชนทั้งสองฝ่าย

 

Leave a comment