ย้อนรอยเสด็จฯ ‘ในหลวง ร.9’ ‘15ครั้ง’ ในความทรงจำชาวสุราษฎร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/258667

วันศุกร์ ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

“สุราษฎร์ธานี”…

ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ของประเทศไทย ที่มีประวัติศาสตร์ผูกพันกับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย นำมาซึ่ง “ความภูมิใจ” ที่ “ชาวสุราษฎร์” มีต่อบ้านเกิดของตน

พระองค์ทรงเคยเสด็จฯ จ.สุราษฎร์ธานี ถึง 15 ครั้ง และทุกครั้งนำมาซึ่ง “ความทรงจำ” และ “คุณภาพชีวิต” ที่ดีขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้ามาส่งเสริมเส้นทางสายประวัติศาสตร์ “ย้อนรอยเสด็จฯ ในหลวง ร.9” แห่งนี้ ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ “ทรงคุณค่า” อีกเส้นทางหนึ่ง

“เทพสิน ผ่องแก้ว” นายหนังคณะ “หนังเทพศิลป์ ผ่องแก้ว” กล่าวว่า “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เสด็จฯ จ.สุราษฏร์ธานี…ครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2502 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มาประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เสด็จฯเยี่ยมราษฎร ทรงทอดพระเนตรขบวนแห่พระทางน้ำที่แม่น้ำตาปี จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังเขาท่าเพชร ทรงสักการะพระธาตุศรีสุราษฎร์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินมายัง ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน เพื่อประทับรถไฟพระที่นั่งเสด็จฯ กลับกรุงเทพมหานคร

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2505 เสด็จฯ เกาะพะงัน ซึ่งที่นี่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ “ภปร.” ลงบนแผ่นหินเดียวกันกับที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงจารึกไว้แต่ครั้งอดีต ณ น้ำตกธารเสด็จ จากนั้นเสด็จฯ ไปหมู่เกาะอ่างทอง และ เกาะสมุย ตามลำดับ

“การเสด็จฯครั้งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเกรงว่าต่อไปอนาคตข้างหน้าเกาะสมุย จะขาดแคลนน้ำ จึงขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาป่า อย่าตัดไม้ทำลายป่าอันเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ” เทพสิน กล่าว

ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2510 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ กลับจากเยี่ยมเยียนพสกนิกรทางภาคใต้ โดยขบวนรถไฟพระที่นั่ง ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังสะพานข้ามทางรถไฟ พร้อมโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน

ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2510 เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มายังวัดพระบรมธาตุไชยา เพื่อประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชา

ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2511 ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร “ในหลวงรัชกาลที่ 10” เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ เสด็จพระราชดำเนินมายัง อ.เมือง เพื่อพระราชทาน “พระพุทธวราชบพิตร” ให้ประจำจ.สุราษฎร์ธานี แทนการพระราชทาน “พระแสงราชศาสตรา” ที่พระมหากษัตริย์องค์ก่อนๆ ได้พระราชทานให้เมืองต่างๆ จากนั้นเสด็จฯโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง อ.พระแสง พระองค์ได้รับฟังปัญหาและทอดพระเนตรเห็น “ความทุรกันดาร” ลำบากต่อการเดินทางของพสกนิกร

ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2511 เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อพระราชทาน “รถถากถาง” หรือรถแทรกเตอร์ดีซี สำหรับใช้พัฒนาเส้นทางคมนาคม

ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ใน รัชกาลที่ 9 ไปยัง อ.คีรีรัฐนิคม โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง

ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2513 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ใน รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯยัง อ.ดอนสัก เพื่อทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี แล้วเสด็จฯไปทรงนมัสการหลวงพ่อจ้อย เจ้าอาวาสวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ หลวงพ่อได้ถวายพระเครื่องควนเสมอ เรือหงส์มุก พร้อมตู้กระจกยาวหนึ่งเมตรครึ่ง

“ทั้ง 2 พระองค์ ได้เสด็จฯเยี่ยมราษฎร พร้อมพระราชทานเงินส่วนพระองค์ 500 บาท ให้นางเอี่ยน เรืองแสวง ผู้ยากจน มีบุตร 15 คน เพื่อบวชลูกชายในปีนั้น” นายเทพสิน เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้น

ครั้งที่ 9 วันที่ 29 เม.ย.2515 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเรือพระที่นั่งจันทร์ มายัง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย มาประทับลงเรือยางเทียบชายหาด ได้พระราชทาน “ยารักษาโรค” และสิ่งของพระราชทานให้ประชาชนที่เฝ้าฯรับเสด็จฯ

ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2515 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรเทพรัตนสุดา และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดสมัยสุวรรณ ต.สองแพรก อ.พระแสง (ปัจจุบันขึ้นอยู่กับอำเภอชัยบุรี) แล้วเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎร หมู่บ้านโตรม ต.สองแพรก อ.พระแสง (ชัยบุรี)

ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2516 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ใน รัชกาลที่ 9เสด็จฯ มายัง ต.ไทรขึง อ.พระแสง นับเป็นครั้งที่ 4 ที่เสด็จฯมาที่ อ.พระแสง เนื่องจากพระองค์ทรงสนพระทัยในการพัฒนา อ.พระแสง อย่างต่อเนื่อง หลังจากพระราชทานรถถากถางให้ในครั้งก่อน

ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2517 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรเทพรัตนสุดา และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จพระราชดำเนินมายัง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พระราชทาน “ธงประจำรุ่น” ให้แก่กองลูกเสือชาวบ้าน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งขณะนั้นเป็นอำเภอที่มีภัยจาก “ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์”

ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2518 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินมายังโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เนื่องจากทรงทราบว่ามีตำรวจ ทหาร และลูกเสือชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งขณะนั้นพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็น “พื้นที่อันตราย” จากภัยผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2519 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรเทพรัตนสุดา และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ อ.ดอนสัก เนื่องจากในอดีต อ.ดอนสัก เป็นอีกอำเภอหนึ่งที่การคมนาคมไม่สะดวก มีปัญหาทั้งน้ำ ไฟ ถนน และการลอกปากคลอง

“ด้วยพระปรีชาสามารถในการมองเห็นปัญหา คือ ปัญหาแหล่งน้ำบริโภค จึงรับสั่งให้ หม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ ราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้ประสานการจัดสร้างประปาผิวพื้นขึ้น โดยมอบหมายให้ กรป.กลาง และกรมชลประทานรับผิดชอบดูแลจนกระทั่งเสร็จในปลาย พ.ศ.2518 ทำให้ชาว อ.ดอนสักมีน้ำสะอาดบริโภคมาถึงปัจจุบัน”

ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2530 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน มาเปิด “เขื่อนรัชชประภา” และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ที่ อ.บ้านตาขุน หลังเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 ก.พ.2525 แล้วเสร็จในเดือนก.ย. 2530 ซึ่งเดิมมีชื่อเรียกว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่ 2 ของภาคใต้ เมื่อก่อสร้างแล้ว เสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานนามให้ใหม่ว่า เขื่อนรัชชประภา มีความหมายว่า…

“แสงสว่างแห่งรัชกาล”!!!

มิใช่แค่ “สุราษฎร์ธานี” เพราะนับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ขึ้นครองราชย์ ใน พ.ศ.2493 พระองค์ได้เสด็จฯไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ราษฎรของพระองค์ให้ดีขึ้น แม้หลายพื้นที่จะ “ทุรกันดาร” ยากแก่การเข้าถึงเพียงใดก็ตาม แต่พระองค์ก็ไม่เคยย่อท้อ จนมีคำกล่าวกันว่า…

ไม่มีที่ใดบนแผ่นดินไทย

ที่ “พระราชา” พระองค์นี้จะเสด็จฯไปไม่ถึง!!!

Leave a comment