ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/269716
พื้นที่จังหวัดยะลา ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งภาคเศรษฐกิจและเกษตรกรรม แต่ด้วยปัญหาสภาพพื้นที่นาข้าวบางส่วนเป็นพื้นที่นาดอนและลุ่มน้ำเกินไปจึงไม่มีความเหมาะสมที่จะทำนาข้าว แต่เหมาะสมต่อการปลูกปาล์มน้ำมัน อีกทั้งเกษตรกรขาดแคลนเงินทุนในการพัฒนาการผลิต ประกอบกับขาดความรู้ในการพัฒนาปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดยะลาปล่อยทิ้งนาให้รกร้างว่างเปล่า แล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นแทนดังนั้น สถานีพัฒนาที่ดินยะลา กรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมด้านความรู้และปัจจัยการผลิตเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน จึงได้จัดทำโครงการปรับปรุงพื้นที่นาร้างเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน ให้เกษตรกรในพื้นที่ตำบลวังพญา อ.รามัญ และอำเภออื่นๆ ในจังหวัดยะลา
นายสุชล แก้วเกาะสะบ้า ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินยะลา เปิดเผยว่า จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกรมพัฒนาที่ดิน โดยสถานีพัฒนาที่ดินยะลา จึงดำเนินโครงการฟื้นฟูพื้นที่นาร้างให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้งโดยกระบวนการทำงานของกรมพัฒนาที่ดินคือการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ด้วยการขุดคูยกร่องเพื่อให้สามารถปลูกปาล์มน้ำมันบนคันดินได้ และสามารถเก็บกักน้ำในบริเวณร่องคูเพื่อให้ต้นปาล์มน้ำมันดึงน้ำขึ้นจากคูมาใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแล้ว ยังมีในเรื่องของฟื้นฟูดินเนื่องจากสภาพดินในพื้นที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ จึงต้องมีกระบวนการปรับปรุงบำรุงดิน โดยใช้วัสดุปรับปรุงบำรุงดิน เช่น การใช้ปูนโดโลไมน์ การส่งเสริมให้เกษตรกรทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสารเร่ง พด. เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องของดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ซึ่งปัจจุบันโครงการปรับปรุงพื้นที่นาร้างเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน ได้รับความสนใจจากเกษตรกรในอำเภอรามัญและอำเภออื่นๆ เป็นอย่างมาก

นายแวยูโซะ นาแว เกษตรกรตำบลวังพญา อ.รามัญ จ.ยะลา ที่เข้าร่วมโครงการพลิกฟื้นพื้นที่นาร้างเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันจนปัจจุบันมีความเป็นอยู่ที่ดี กล่าวเสริมว่า ในอดีตยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก แต่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการทำเกษตร อีกทั้งสภาพดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ไม่อุ้มน้ำ ทำให้น้ำแห้งเร็ว ข้าวไม่ทันตั้งท้องน้ำก็แห้งหมดเสียก่อน จึงทำให้ได้ผลผลิตต่ำ ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ทำให้ได้รับความรู้ในเรื่องของการปลูกปาล์มน้ำมันแบบยกร่องได้รับการสนับสนุนพันธุ์ปาล์ม รวมถึงรับความรู้ในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว ด้วยการผลิตปุ๋ยหมักจากสารเร่ง พด.1 และน้ำหมักชีวภาพ พด.2 ไว้สำหรับใช้เองในแปลง
“ระหว่างดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในโครงการเจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาที่ดินยะลาเข้ามาให้คำแนะนำ ส่งเสริมด้านองค์ความรู้อยู่ตลอดเวลา เช่น การตรวจสอบคุณภาพดิน วิธีการดูแลรักษา การใส่ปุ๋ยที่ถูกวิธีให้ช่วยลดต้นเพิ่มผลผลิต เป็นต้น รวมถึงจัดฝึกอบรมดูงานนอกสถานที่ พาไปดูงานสวนปาล์มที่ประสบความสำเร็จ จึงทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีกำลังใจที่จะปฏิบัติตามต่อไป ซึ่งปัจจุบัน เกษตรกรในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดี มีอาชีพที่มั่นคงด้วยการทำสวนปาล์มน้ำมันโดยไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่อีกเลย”นายแวยูโซะ กล่าวทิ้งท้าย
