รายงานพิเศษ : เกษตรเขต5‘สงขลา’ส่งเสริมทำนาข้าวแบบกึ่งอินทรีย์ เป็นต้นแบบแห่ง‘ศพก.อำเภอกระแสสินธุ์’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/271714

วันพุธ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) คือแหล่งเรียนรู้การผลิตสินค้าเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับชุมชน เป็นศูนย์กลางการบริการ และแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานต่างๆ กับเกษตรกรในชุมชน โดยดำเนินการในพื้นที่ของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ สามารถเป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกรในชุมชน ในการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนกิจกรรมการเกษตรที่สำคัญของพื้นที่ ตั้งแต่การผลิต การบริหารจัดการ จนถึงการตลาด มีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 องค์ประกอบ คือ เกษตรกรต้นแบบ แปลงเรียนรู้หลักสูตรการเรียนรู้ และ ฐานเรียนรู้

นายไพศาล สังข์มงคล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง มีทั้งสิ้น77 ศูนย์ ประกอบด้วยสินค้าหลัก ข้าว จำนวน 21 ศูนย์ ยางพารา 32 ศูนย์ ปาล์มน้ำมัน 8 ศูนย์ มังคุด 5 ศูนย์ ลองกอง 5 ศูนย์ ทุเรียน 3 ศูนย์เกษตรผสมผสาน 1 ศูนย์ สละ 1 ศูนย์ และจำปาดะ 1 ศูนย์ สำหรับข้าว จำนวน 21 ศูนย์ กระจายอยู่ทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา มีถึง 5 ศูนย์ กระจายอยู่ในอำเภอรัตภูมิ สทิงพระ สิงหนคร ระโนด และ กระแสสินธุ์

ด้าน นายประถม มุสิกรักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ราบลุ่มทะเลสาบ เกษตรกรส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา แต่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูง คือใช้เมล็ดพันธุ์ต่อไร่สูง เมล็ดพันธุ์ในพื้นที่มีน้อย ทำให้ราคาเมล็ดพันธุ์ในพื้นที่สูงและต้องพึ่งพาปัจจัยการผลิตภายนอก อีกทั้งความไม่แน่นอนของราคาพืชผลทางการเกษตรจึงทำให้เกษตรกรขาดทุนหรือได้กำไรไม่เท่าที่ควร ศพก.อ.กระแสสินธุ์จังหวัดสงขลา มีสินค้าหลักคือ ข้าว มีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 17,613 ไร่เกษตรกรเป้าหมาย จำนวน 1,335 ราย ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 3 ตำบลเชิงแสอำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา มีเกษตรกรต้นแบบเจ้าของแปลงเรียนรู้คือ นายปัญญา แก้วทอง ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าว มีต้นทุนการผลิตข้าว เฉลี่ยไร่ละ 4,552.64 บาท โดยมีเป้าหมาย ลดต้นทุนการผลิตข้าวไร่ละ 390 บาท ผลิตข้าวให้ได้คุณภาพดี เพิ่มผลผลิต 700 กก. ต่อไร่ มีหลักสูตรเรียนรู้คือการทำสารชีวภัณฑ์ ได้แก่ การทำเชื้อไตรโครเดอร์ม่า การเก็บตัวอย่างดิน การวิเคราะห์ดิน และการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และการแปรรูปข้าว การบรรจุภัณฑ์ จุดเด่นของศูนย์คือการทำนาข้าวแบบกึ่งอินทรีย์

นายปัญญา แก้วทอง ประธาน ศพก.อ.กระแสสินธุ์ กล่าวว่า ยึดอาชีพเกษตรสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ทั้งทำนา ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ แต่ในอดีตทำนาไปตามภูมิปัญญาเดิม ไม่ได้ศึกษาหาวิธีใหม่ๆ มาประกอบเพิ่มเติม ทำให้การทำนาไม่ได้ผลตามต้องการ จึงเริ่มปรับวิธีคิดและเริ่มหาความรู้ใหม่ๆ ศึกษาแนวทางและทดลอง ปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ จนสามารถพัฒนาการทำนาให้สำเร็จได้ตามเป้าหมายในระดับหนึ่ง ปัจจุบันมีพื้นที่ทำนาจำนวน 63 ไร่เป็นที่นาของตนเองจำนวน 20 ไร่ นาเช่า 43 ไร่ สามารถสร้างฐานะทางครอบครัวให้มีกินมีใช้อยู่ในชุมชนได้ มีความภูมิใจในอาชีพการทำนาของตนเอง ปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำนา มองจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์มากขึ้น จึงได้ศึกษาการผลิตข้าวระบบเกษตรอินทรีย์และปรับลดการใช้สารเคมีในการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ในปีการผลิต 2557/58 ทดลองใช้จุลินทรีย์ในการหมักตอซัง เพื่อเป็นการลดข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าวเมาตอซัง จนกระทั่งรอบการผลิตปี 2558/59 ได้ทดลองการผลิตข้าวแบบพิถีพิถันลดการใช้สารเคมีหรือกึ่งอินทรีย์อย่างจริงจัง ซึ่งจากพื้นที่ทำนาทั้งหมดประมาณ 65 ไร่ ได้แบ่งที่นาส่วนหนึ่งใช้ทำนาข้าวแบบเกษตรอินทรีย์หรือกึ่งอินทรีย์ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่จำนวน 5 ไร่ โดยก่อนปลูกข้าวหว่านปอเทืองแล้วไถกลบ ใช้วิธีหว่านน้ำตม ใช้เมล็ดพันธุ์ไร่ละ 10 กิโลกรัม ใช้มูลไก่และปุ๋ยอินทรีย์ที่ผ่านการรับรอง การเก็บเกี่ยวผลผลิตจะแบ่งผลผลิตที่ได้ทำเป็นเมล็ดพันธุ์ดี และแปรรูปเป็นข้าวสาร ซึ่งจะขายได้ราคาดีกว่าผ่านพ่อค้าคนกลาง ผ่านโรงสี โดยส่วนหนึ่งเก็บไว้บริโภคภายในครัวเรือน ในอนาคตตั้งใจจะเพิ่มจำนวนที่นาในการผลิตข้าวกึ่งอินทรีย์ให้มากขึ้น เพราะเป็นทางเลือกที่ดี ต้นทุนการผลิตต่ำ มีความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม เป็นอีกทางเลือกเพื่อลดต้นทุนของการผลิตข้าวและเพิ่มมูลค่าทำให้ชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และอาชีพทำนาอยู่คู่กับคนไทยตลอดไป และบรรลุเป้าประสงค์ผู้ผลิตปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย

“ปัจจุบันได้รวบรวมสมาชิกที่ทำนาในชุมชนได้ประมาณ 30 คน ตั้งเป็นกลุ่มหลักที่ดำเนินการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อส่งให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวปัตตานี มีการฝึกอบรมสมาชิกในการทำแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ ศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้ และพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และพื้นที่ตามภูมิประเทศของตนเอง ทั้งสายพันธุ์ข้าวและเครื่องมือ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในกระบวนการทำนายุคปัจจุบัน พัฒนาให้สมาชิกกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์มีความชำนาญในการทำแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ดีมีความต้องการพัฒนาในอาชีพของตัวเกษตรกรเอง เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และรักในอาชีพของตน สามารถพัฒนาการทำนาให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพดี และเพิ่มผลผลิตในนาข้าวได้มากขึ้น ไม่ต้องนำข้าวไปขายโรงสีหรือพ่อค้าคนกลาง” นายปัญญา กล่าวทิ้งท้าย

Leave a comment