นายสืบพงษ์ ออเพชร ประธานกลุ่มนาแปลงใหญ่ ต.บ้านดอน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า พื้นที่ ต.บ้านดอน ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีคลองส่งน้ำชลประทานตัดผ่าน จึงทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่มีอาชีพการทำนาแต่ที่ผ่านมาต้องประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาข้าวตกต่ำ ดินเสื่อมโทรม จนกระทั่งปี 2559 รัฐบาลมีนโยบายการทำเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ พร้อมกับส่งเสริมให้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้ครอบคลุมทุกด้านในการทำเกษตรกรรมทุกสาขา

สำหรับการรวมแปลงใหญ่ของ ต.บ้านดอน ประกอบด้วยพื้นที่ทำนาแปลง 1 แปลง พื้นที่ 1387 ไร่ เกษตรกร 101 ราย โดยก่อนที่จะมีการรวมแปลงใหญ่ เกษตรกรมีต้นทุนการผลิต 4,000-5,000 บาท/ไร่ ส่วนใหญ่มาจากค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมี และสารเคมี แต่หลังจากที่มีการรวมแปลงใหญ่ ศพก.ได้ถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมในการเพาะปลูกข้าว ด้วยเทคโนโลยี “3 ลด 1 เพิ่ม 2 ปฏิบัติ” มาใช้ ได้แก่ 3 ลด ประกอบด้วย 1.ลดการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว จากเดิม 30-40 กก./ไร่ เหลือ 8-10 กก./ไร่ช่วยลดเงินลงไปได้ 150-300 บาท/ไร่2.ลดการใช้ปุ๋ยเคมี หันมาใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินในปริมาณที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อพืชสูงสุด 3.ลดการใช้สารเคมีลง หันมาผลิตสารชีวภัณฑ์ใช้เอง ได้แก่ ไตรโคเดอร์มา บิวเวอเรีย และบีที ส่วน 1 เพิ่ม ประกอบด้วย เพิ่มมูลค่าของดิน ด้วยการไถกลบตอซัง ปลูกปอเทือง ปลูกพืชตระกูลถั่ว เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน และ 2 ปฏิบัติ ประกอบด้วย 1.ทำบัญชีครัวเรือน เกษตรกรจะต้องรู้ทำบัญชีครัวเรือนเพื่อรู้รายได้ รายจ่าย 2.การนำเกษตรทฤษฎีใหม่เกษตรผสมผสานมาปรับใช้สร้างรายได้รายวัน และสร้างอาหารให้กับครัวเรือนของตนเอง

นายสืบพงษ์กล่าวอีกว่าจากภาพรวมสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ อ.อู่ทอง ที่มีการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ จาก ศพก. มีการบริหารจัดการแปลงปลูกอย่างเหมาะสมและถูกต้อง ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงข้าวลงเหลือเฉลี่ยไร่ละ 3200 บาท/ไร่ คิดเป็นร้อยละ 20 ขณะเดียวกันยังเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวขึ้นจากเดิมเฉลี่ยร้อยละ12.5 หรือคิดเป็น 100 กิโลกรัม/ไร่ รวมทั้งเกษตรกรยังหันมาทำเกษตรในรูปแบบทฤษฎีใหม่ผสมผสานการปลูกพืช โดยแบ่งพื้นที่ทำนามาเลี้ยงสัตว์ ทำประมง ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล สมุนไพร เพื่อบริโภคในครัวเรือนเป็นการลดรายจ่าย ที่เหลือก็แบ่งขายสร้างรายได้ตลอดทั้งปี