ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/243123

พสกนิกรเนื่องแน่น! ถวายสักการะพระบรมศพ (ประมวลภาพ)
4 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นวันที่ 7 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น.ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท)
โดยวันนี้ เมื่อเวลา 05.00 น.เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนที่เดินทางมารอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ตามปกติ กระทั่งเวลา 08.30 น.ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าชมความงดงามของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เปลี่ยนให้ประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะทางประตูมณีนพรัตน์ แล้วเดินตามทางพระระเบียงคด ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านประตูศรีรัตนศาสดาราม เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถวบนถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมศพ
ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง ได้นำภาพพระบรมโกศพระบรมศพ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคน ที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

นางกันยากร สุขแก้ว พนักงานบริษัทเอกชน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พร้อมด้วย น.ส.ปัทมาวดี สุขใส พนักงานบริษัทเอกชน ต.รัษฎา อ.เมทอง จ.ภูเก็ต และ น.ส.ศุภรนัน สุขแก้ว ธุรกิจส่วนตัว ต.ควนรัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
โดย นางกันยากร กล่าวว่า ตนอยากมาหลายวันแล้ว แต่พึ่งมีโอกาสในวันนี้ ก็รู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต ก็จะขอเป็นคนดีอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือครองบครัวและสังคม เหมื่อนที่พระองค์ท่านทำไว้เป็นแบบอย่าง พระองค์ท่านเปรียบเสมือนหัวหน้าครอบครัว เป็นครู เป็นแบบอย่างที่ดีในทุกๆ ด้านให้กับคนไทย เป็นผู้ให้ชีวิต จึงปฏิญาณไว้ว่าจะเปลี่ยนชีวิต จะเป็นคนดี และทำดีให้มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนที่พระองค์ท่านสอนไว้ว่าต้องอดทน และเป็นคนดี
“ปีที่พระองค์ท่านฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ช่วงนั้นมาเรียนที่กรุงเทพฯ เคยได้เฝ้ารับเสด็จฯ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า รู้สึกดีใจและตื้นตันใจมากที่ได้เห็นพระองค์ท่าน แต่ความรู้สึกที่ได้มากราบถวายสักการะในครั้งนี้ มีความรู้สึกว่าสูญเสียมากที่สุดในชีวิต พระองค์ท่านเป็นพ่อที่ประเสริฐที่สุดในโลกนี้ ก็จะน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านไปปฏิบัติ และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง และไม่อยากให้คนไทยแบ่งแยก ให้คิดว่าเราทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะพวกเราเป็นลูกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยกันทุกคน และขอขอบพระคุณที่พระองค์ให้ทุกอย่างกับพวกเราคนไทย ขอขอบพระคุณที่พระองค์สอนให้รู้จักหลักเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้รู้จักอดทน รู้จักแบ่งปัน และสอนให้คนไทยรักกัน และให้เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
“การสูญเสียครั้งนี้สอนให้รู้ว่า หากจะทำอะไรให้กับคนที่เรารักที่สุดก็อย่ารอ ไม่ว่ากับพ่อแม่ เพื่อนร่วมงาน และบ้านเมือง เพราะหากรอวันต่อไปเราอาจจะไม่ได้ทำ เหมือนอย่างที่เราอยากมาเห็นพระองค์ท่านตอนมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้เห็น เราเห็นแต่ทางทีวี วันนี้จึงตั้งใจว่าจะต้องมาให้ได้ มาเห็นพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย และพระองค์จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป มีลูกมีหลานก็จะสอนให้ระลึกถึงพระคุณของพระองค์ท่านตลอดไป”

ขณะที่ นางจุฑารัตน์ สุเมขะโส อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองขาหยั่ง อ.บางแขม จ.นครปฐม กล่าวว่า ตนเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ เป็นครั้งที่ 2 โดยในวันนี้เดินทางมาพร้อมกับลูกชาย และสะใภ้ ซึ่งได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จฯ ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งในช่วงนั้นพระองค์ท่านยังทรงแข็งแรง เห็นแล้วก็ปลื้มปีติมาก ต่างกับวันนี้ซึ่งความรู้สึกเหมือนสูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยว ตอนท่านประชวรก็คิดว่ายังไงท่านก็ยังอยู่ ก็ได้มาลงนามถวายพระพร 2 ครั้ง แต่พอรู้ว่าท่านเสด็จสวรรคต ก็ร้องไห้เสียใจมากทำอะไรไม่ถูก พระองค์ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน ตนก็ได้น้อมนำหลักคำสอนของพระองค์มาสอนลูกๆ ให้มีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการฉ้อฉล ขณะนี้ลูกๆ ทุกคนทำงานรับราชการ และบริษัทเอกชน คิดว่าที่ลูกๆ ได้ดี เพราะคำสอนของพระองค์ท่าน






