“ย้อนรอย” รพ.ศิริราช ตามรอยเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/243212

"ย้อนรอย" รพ.ศิริราช  ตามรอยเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9

“ย้อนรอย” รพ.ศิริราช ตามรอยเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9

วันเสาร์ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 05.00 น.

ณ โรงพยาบาลศิริราช หลังจากในหลวงเสด็จสวรรคต

วันนี้ดูเงียบเหงากว่าทุกที หลังจากที่พ่อหลวง ผู้เป็นที่รักของปวงชาวไทยเสด็จสวรรคต ที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนไป จากที่เราเคยเห็นข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ ยืนประจำจุดทั่วทุกพื้นที่ของโรงพยาบาลศิริราช ผู้คนที่หลั่งไหลมาส่งกำลังใจให้พ่อหลวงหน้าอาคารศาลาศิริราช 100 ปี เพราะเป็นจุดที่สามารถมองเห็น ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ “ที่ประทับ” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ชัดที่สุด แต่วันนี้บรรยากาศแบบนั้น….“ไม่มีอีกแล้ว”

                นี่ก็เป็นระยะเวลากว่า 23 วันแล้วที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต แต่ “ความทรงจำ”ในศิริราชยังคงอยู่

“สกู๊ปแนวหน้า” ได้มีโอกาส ไปโรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปตามรอย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งยังทรงประทับรักษาพระอาการประชวรและพักผ่อนพระอิริยาบท ว่าพระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินไปยังบริเวณใดของโรงพยาบาลศิริราชบ้าง โดยเริ่มจาก…

ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

เป็นที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นต้นแบบ “ความกตัญญู” เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เราติดตามข่าวตามหน้าสื่อต่างๆ โดยเฉพาะ “ข่าวในพระราชสำนัก” ที่เราจะเห็นพระองค์ เสด็จฯ มาทรงสักการะ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสักการะพระรูปหล่อ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ประดิษฐาน ณ ศาลาศิริราช 100 ปี ก่อนเสด็จฯ ไปที่อื่นทุกครั้ง

โดยเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2555 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ลงจากที่ประทับรักษาพระอาการประชวร ชั้น 16  อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อทรงวางพวงมาลาถวายสักการะหน้าพระราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นได้เสด็จฯ ไปยังศาลาศิริราช 100 ปี และทรงวางพวงมาลาถวายสักการะรูปหล่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เภสัชกรชำนาญการ ผู้เคยถวายการรับใช้ในหลวง ของ โรงพยาบาลศิริราชท่านหนึ่ง ถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สึกประทับใจในครั้งนั้นว่า…

“เป็นบุญเหลือเกินที่ได้ถวายงานรับใช้ในหลวง โดยหน้าที่ของตนนั้นจะต้องตรวจสอบการจัดจ่ายยาให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเริ่มตั้งแต่ดูขนาดยา ,ข้อบ่งใช้ และคอยดูว่ามียาตีกันหรือไม่ ถึงแม้เราจะมั่นใจอยู่แล้ว แต่เราก็ย้ำคิดย้ำทำเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งมันคือหน้าที่ของเรานั้นที่จะต้องมีความละเอียด รอบคอบ”

ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ทำงานมาก็จะเห็นข้าราชบริพารของพระองค์ท่านเดินเข้า-ออก และประจำจุดต่างๆ ทั่ว โรงพยาบาลศิริราช ทำให้รู้สึกอุ่นใจเสมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว แต่ความรู้สึกนี้ก็หายไปหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต จากที่เคยมีพวกเขาเหล่านี้อยู่ก็กลายเป็นความว่างเปล่า เงียบเหงาหวนระลึกถึงวันเก่าๆ เภสัชกรฯ เล่าด้วยสีหน้าเศร้าหมองแววตาแดงกล่ำ

จากนั้นทีมข่าวก็เดินไปยัง “ต้นศรีตรัง”…ต้นไม้ของพ่อ

ที่ทรงปลูกไว้บริเวณสนามหญ้าด้านซ้ายและด้านขวาของลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จำนวน 2 ต้น เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2554  จากนั้นเป็นต้นมาพระองค์ได้เสด็จฯ ออกจากห้องประทับ ชั้น 16 เพื่อมาทอดพระเนตรต้นศรีตรังทั้งสองอยู่บ่อยครั้ง

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปดู “ต้นศรีตรัง” นั้นด้วยตาตนเอง แต่ต้อง “ตกใจ” เมื่อพบว่า ต้นศรีตรังทางด้านอาคารเฉลิมพระเกียรติ ลำต้นแห้งแตก ใบร่วงโรยหมดต้น คล้ายกับรอวันตาย ต่างจากอีกต้นหนึ่งที่แผ่กิ่งก้านออกไป มีใบเขียวชะอุ่มลู่ลมพริ้วไหวไปมา ทางผู้สื่อข่าวเห็นความผิดปกติของต้นศรีตรังต้นแรกจึงถ่ายรูปส่งไปให้ นางอำนวยพร ชลดำรงค์กุล ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อสอบถามว่าต้นศรีตรังต้นแรก “ยืนต้นตายแล้วหรือไม่” แต่ไม่นานก็มี “ทีมรุขกรป่าไม้” นำโดย ดร.คงศักดิ์ มีแก้ว (หมอต้นไม้) จากกรมป่าไม้เข้ามาดูแล พร้อมกับบอกให้ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวลว่า…

“ต้นศรีตรังไม่ได้ยืนต้นตายอย่างที่แชร์กันในโลกโซเชียล แต่เกิดโรคเชื้อรา หากปล่อยไว้นานเกินกว่านี้อาจจะตายได้ ทีมรุกขกร จึงทำการเร่งฟื้นฟูส่วนรากที่เกิดเชื้อราเป็นลำดับแรก โดยเปลี่ยนดินผสมปุ๋ย ทายากันเชื้อราที่กิ่งและลำต้น คลุมแสลนกันแดด พร้อมทั้งต่อท่อเพื่อให้น้ำซึมไหลผ่านได้ง่าย ไม่ให้มีความชื้นมาก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาติดตามดูแล 1 เดือน” หมอต้นไม้ ระบุ

พอช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทีมข่าวจึงวิ่งไปหลบฝนใต้อาคารของโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์  โชคดีตรงที่เป็นสถานที่ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จฯ ทอดพระเนตรทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยาพอดี ผู้สื่อข่าวไม่รอช้ารีบกดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 7 ทันที  พอออกจากลิฟต์ภาพที่ปรากฎบนสายตาของเราคือ…“ภาพวิวแม่น้ำเจ้าพระยา 180 องศา”

ด้านซ้ายมองเห็นสะพานพระปิ่นเกล้า ด้านหน้ามองเห็นโรงละครแห่งชาติและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ด้านขวาเป็นวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร หากมองเบื้องล่างจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยากั้นกลางอยู่ระหว่างธนบุรีกับพระนคร

ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำชั้น 7 โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์  บอกกับทีมข่าวว่า ทุกครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ มา ณ ที่แห่งนี้ พระองค์ทรงใช้เวลาประมาณ 30 นาทีประทับพักพระราชอิริยาบถ โดยมีผู้ติดตามไม่กี่ท่านคอยถวายรายงานต่างๆ แด่พระองค์ท่าน จากนั้นจึงเสด็จฯ กลับที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช

“ทุกคนสามารถขึ้นมาใช้ชั้น 7 กันได้ทุกคน ปัจจุบันก็มีนักศึกษาแพทย์เข้ามาที่ “โถงสหัสธารา” แห่งนี้เพื่อติวหนังสือ หรือพักผ่อนสมองกัน นอกจากนั้น ยังเป็นสถานที่ที่ญาตินั่งรอผู้ป่วยอีกด้วย  แต่มีข้อห้ามอยู่ 2 ข้อ คือ ไม่ให้นอนหรือยกขาขึ้นพาดโต๊ะ/โซฟา” เจ้าหน้าที่ประจำชั้น 7กล่าว

                จากนั้นทีมข่าวก็เดินต่อไปยังอาคารปิยมหาราชการุณย์ ชั้น B1 ก็พบกับ โกลเด้น เพลส (Golden Place) “ขุมทรัพย์โครงการหลวง” ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ต่างๆของโครงการหลวงเอาไว้ที่นี่ ภายในร้านฯ ยังมีสินค้าอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรแปรรูป ,ผลิตภัณฑ์จากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ,ผลิตภัณฑ์จากโครงการตามพระราชดำริ ไม่เพียงเท่านี้หากเจ็บป่วยต้องการยาสมุนไพร ที่นี่ก็มีทุกตัวยาส่งตรงจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสุดยอดการรักษาด้วยแพทย์แผนไทย

เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2558 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ประทับรถพระที่นั่งไปยังร้านโกลเด้นเพลซ ชั้นบี โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์ หลายครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ โดยรถพระที่นั่งมายังร้านโกลเด้น เพลส พระองค์จะทรงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงดอยคำ ผักจากกลุ่มแม่บ้านเกษตร และจากโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ซึ่งเป็นผักปลอดสารพิษ อาทิ แอปเปิ้ล กีวี แอปเปิ้ลไซเดอร์ อินทผาลัมอบแห้ง ไอศกรีม เป็นต้น

Leave a comment