พสกนิกรเนืองแน่น เข้าถวายบังคมพระบรมศพ (ประมวลภาพ)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/244188

พสกนิกรเนืองแน่น เข้าถวายบังคมพระบรมศพ (ประมวลภาพ)

พสกนิกรเนืองแน่น เข้าถวายบังคมพระบรมศพ (ประมวลภาพ)

วันศุกร์ ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 11.47 น.

11 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 05.00 น. สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนทยอยเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 โดยมีพสกนิกรซึ่งเดินทางมาเข้าคิวรอตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ด้วยความโศกเศร้าอาลัยและเทิดทูนเป็นครั้งสุดท้าย

ด้าน น.ส.กัญญาภัค ฉิมพันธุ์ อายุ 31 ปี จ.ระยอง พร้อมด้วย น.ส.กัลยารัตน์ แก้วเทศ อายุ 36 ปี กล่าวพร้อมกันว่า หลังจากเลิกงานเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และมาถึงท้องสนามหลวงตอน 03.30 น. เมื่อเดินทางมาถึงก็มีประชาชนเข้าคิวรออยู่แล้วจึงได้มาต่อแถวเข้าคิวรอ ตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช รู้สึกตื้นตันใจที่อย่างน้อยได้มีโอกาสมากราบครั้งหนึ่งในชีวิตเพราะเกิดมายังไม่เคยรับเสด็จเลยสักครั้งเดียว ในวันที่พระองค์ท่านสิ้นก็เสียใจมากเลิกงานรีบกลับบ้านไปฟังข่าวพอมีแถลงการณ์ชัดเจนแล้วเหมือนใจสลายร้องไห้กินข้าวไม่ลง เสียใจมาก พระองค์ทำสิ่งที่ดีไว้มากมายบางอย่างก็ไม่สามารถพูดได้หมด คำสอนของพระองค์ที่นำมาใช้ได้ในชีวิตจริงที่ดีที่สุดคือหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เราใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น รู้จักเก็บออม และยิ้มสู้กับปัญหา ก็ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย อย่างไรก็ตาม พวกตนจะเดินทางมาอีกอย่างแน่นอนโดยจะพาพ่อกับแม่ และญาติๆ มาด้วย เพราะท่านอยากจะมากราบสักการะพระบรมศพด้วยเช่นกัน

ด้านนางพะเยาว์ ศิธราชู อายุ 47 ปี ชาวบ้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว มาถึงหน้าพระบรมมหาราชวังประมาณ ตี 2 และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ตี 5 กว่า ๆ ตื้นตันใจที่ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพอย่างใกล้ชิดแล้ว เคยไปเฝ้ารับเสด็จพระองค์ที่หัวหิน แต่ก็เห็นไกลๆ เสียใจที่สุดที่สูญเสียพระองค์ท่านไป ไม่เคยเสียใจอะไรมากขนาดนี้ ก้มกราบก็อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์อยู่ในที่สบายที่สุดไม่ต้องห่วงประชาชน ก็จะตั้งใจทำความดี

ด้าน นายวีรายุทธ วชิราพิภพ อายุ 48 ปี ชาวอินเดีย ที่เดินทางมาพร้อมภรรยาชาวอินเดีย นางนวลีน กอร์ อายุ 44 ปี อาชีพค้าขายที่ย่านเทศบาลเมืองพัทยา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวเป็นคนอินเดีย ที่มาอยู่อาศัยในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ การที่เดินทางสักการะพระบรมศพในวันนี้ เป็นความรู้สึกเหมือนเราเสียพ่อไปคนหนึ่งจึงอยากจะเดินทางมา ถ้าแลกชีวิตกับทั้งตระกูลเพื่อให้พระองค์ท่านกลับมาก็ยอม เพราะไม่อยากให้พระองค์ท่านไปไหน

นายวีรายุทธ กล่าวด้วยว่า ตนเกิดมาก็เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานมาตลอด จำได้ว่าตั้งแต่เด็กไปโรงหนังมีเพลงสรรเสริญพระบารมี ตนก็จะร้องไห้ในทุกครั้ง เพราะรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มีบุญที่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ครอบครัวตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่อย่างสุขสบาย จนเรารู้สึกว่าเราเป็นคนไทย แม้ว่าหน้าตาผิวพรรณจะไม่ใช่ก็ตาม อยากบอกให้คนไทยรู้ว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดใต้ร่มโพธิสมภาร ส่วนตัวมีภาพความทรงจำที่ประทับใจในการเสร็จไปเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ และชอบรอยพระสรวล และแววพระเนตรที่ทรงมีพระเมตตา

ขณะที่ โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน ลพบุรี นำโดย นางสาวอิสรีย์ วงศ์ทอง ผู้จัดการโรงเรียนฯ พร้อมตัวแทนนักเรียนผู้พิการทางสายตาจำนวน 7 คน และบุคลากรอีก 7 คน เผยว่า ได้ออกเดินทางจากจังหวัดลพบุรีมาตั้งแต่เวลา 02.00 น. เพื่อให้ทันเวลาถวายสักการะพระบรมศพในช่วงเช้า นอกจากไม่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยจากการอดนอนแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าปลื้มใจมากๆ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

“ตั้งใจพานักเรียนและคณะบุคลากรมาสักการะพระบรมศพ พระองค์ท่านที่ทรงเมตตาให้การดูแลและให้โอกาสผู้พิการทางสายตา ไม่เฉพาะแค่ที่โรงเรียนเราเท่านั้นแต่ยังรวมถึงทั่วประเทศ ทุกคนได้รับโอกาสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และแนวพระราชดำริต่างๆ ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งโรงเรียนเองก็ได้น้อมนำเอามาปฏิบัติด้วยการจัดทำสวนเกษตรพอเพียงในโรงเรียนให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมและเรียนรู้ หากว่าเมื่อเด็กๆ เหล่านี้กลับไปอยู่บ้าน หรืออยู่ในชุมชนของตัวเอง จะได้นำเอาหลักดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไปตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนเอาไว้” นางสาวอิสรีย์ กล่าว

หนึ่งในตัวแทนนักเรียนผู้พิการทางสายตา นางสาวเพชรไพรินทร์ ลักษณะพอ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เผยว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จฯ​ แต่พอทราบว่าพระองค์เสด็จสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมากที่พระองค์ท่านทรงจากพวกเราไปแล้ว อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ได้แต่ระบายความรู้สึกออกมาผ่านการร้องเพลง และถึงจะมองไม่เห็นว่าพระองค์ทรงงานอะไรบ้าง แต่ก็รับรู้ผ่านการฟังมาโดยตลอดว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำงานหนักมาถึง 70 ปี ทั้งลุยน้ำลุยโคลน เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น ครั้งนี้จะเป็นการเดินทางถวายพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรกในชีวิต  ตื้นตันใจมาก ตอนที่กราบถวายบังคมพระบรมศพพระองค์ท่านนั้น ตนเองได้พูดในใจว่า ถึงพระองค์จะจากพวกเราไปแล้ว แต่ท่านก็จะอยู่ในใจหนูและประชาชนคนไทยทุกคนไปตลอดกาล

Leave a comment