Star Retro :‘นีโน่-เมทนี’ ชีวิตนี้ ไม่เคยเหงา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/273528

Star Retro :‘นีโน่-เมทนี’ ชีวิตนี้ ไม่เคยเหงา

Star Retro :‘นีโน่-เมทนี’ ชีวิตนี้ ไม่เคยเหงา

วันอาทิตย์ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ชีวิตได้บ่มเพาะเรื่องราวไว้หลากหลาย เช่นเดียวกับผลงานที่ “นีโน่-เมทนี บุรณศิริ” รังสรรค์ไว้มากมาย “สตาร์เรโทร” สัปดาห์นี้จึงขอพาไปค้นใจ หนุ่มอารมณ์ดีมากความสามารถ กับ 30 ปีของการเวียนว่ายในวังวนแห่งโลกมายา!! และกับหน้าที่ใหม่ในฐานะ “ผู้จัดละครทีวี.”

อาชีพใหม่ “ผู้จัดละคร”

ผมเคยเป็นผู้จัดฯมาแล้วนะครับ แต่ส่วนใหญ่จะทำรายการทีวี. ละครไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย ไม่คิดที่จะทำด้วย แต่เพราะ “หนิง” (ปณิตา ธรรมวัฒนะ) เป็นคนที่อยากทำละครมาก ก่อนที่เขาจะแต่งงานกับ “จิน”(จรินทร์ ธรรมวัฒนะ) ซึ่งจินเป็นน้องรักของผม เขาก็มาบอกว่าหนิงอยากทำละครผมก็บอกไปว่าผมทำได้ แต่ว่าจะต้องให้หนิงรับผิดชอบนะ เพราะรายละเอียดเยอะมาก เยอะกว่ารายการโทรทัศน์อีกร้อยเท่าพันเท่า และมันไม่ใช่ว่าทำวันเดียวจบ อย่างน้อยต้องหกเจ็ด เดือน เราจะต้องอยู่กับมัน และคลุกคลีกับมัน ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นผู้จัดละครมันจะเหนื่อยขนาดนี้ เหนื่อยจนร้องไห้ปณิตาร้องไห้เลย ไปไม่ถูกไม่รู้จะไปยังไงเราก็ได้แต่คอยให้กำลังใจกัน

ถ้าไม่ใช่หนิง ก็จะไม่ทำละคร

ตอนที่ทำรายการไม่เคยคิดเลยว่าจะมาทำละคร ถ้าไม่ใช่หนิงกับจินผมไม่ทำ คือจินตัวหาเรื่องเลย (หัวเราะ) หาเรื่องให้พี่กับเมีย จริงๆ แล้วจินไม่ได้อยากทำหรอก แต่ว่าเมียจินอยากทำ หนิงเขาก็บอกว่าลำพังเขาคนเดียวคนคงจะไม่เชื่อใจว่าจะทำได้ เพราะว่าเขายังเด็ก เราก็บอกว่าเขาไม่เด็กหรอก แต่ถ้าหนิงอยากทำ จะทำด้วยกันก็ทำ เรื่องแรกก็ซอฟท์ๆ วอร์มกันมา “มนต์รักเพลงผีบอก” ซึ่งก็คลำผิดคลำถูกกันมาเหมือนกัน เป็นละครเย็น แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรได้รับคำชมทั้งจากสถานีแล้วก็ “มีเดีย สตูดิโอ” เพราะถือว่าเราตั้งใจแล้วเราทุ่มทุนให้กับสิ่งที่เขาให้มา จนมาถึงเรื่อง “พริ้ง คนเริงเมือง” ด้วยบทประพันธ์ที่เราก็บอกว่าเราเล่นไม่ได้นะเรื่องนี้เหนื่อยแน่นอน แต่ก็ยังต้องเล่นด้วยกันทั้งคู่ แล้วเฟอร์นิเจอร์ที่เอามาเข้าฉาก ยังไม่ได้คืนเลยนะ หายไปไหนหมดไม่รู้ ขนมาจากโกดัง ถมกันเข้าไปโล่งไม่ได้ ไม่สวยไม่เอา เราก็ไม่ยอม “บุ๋ม” (รัญญา ศิยานนท์) เองเราก็ไปดึงมาให้ช่วยกำกับ แล้วเราก็พูดตั้งแต่ต้นว่าเรื่องนี้ต้องบุ๋มเท่านั้น เพราะถ้าเป็นคนอื่นเราว่ามันไม่ขาด

แนวทางละครของ “นีโน่ บราเดอร์ส”

เราได้หมดนะ จริงๆ ผมชอบคอเมดี้ ผีเผออะไรก็อยากทำ แต่ว่าหนิงเขาชอบแซ่บๆ อย่างที่บอกว่าหนิงเป็นคนอยากทำ ถ้าเอาเรื่องที่หนิงไม่อยากทำ มันจะไม่สนุก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูน้องเราด้วยว่าอยากทำเรื่องอะไร แต่ว่าหลังจากพริ้งแล้วเป็นเรื่องใหม่ก็จะยังแซ่บเหมือนเดิม แต่เรื่องถัดจากนั้นไปใจผมกับ “พี่สุ” (สุชีลา ธนภูวนัย) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ เราก็อยากทำผี เพราะว่าไม่เคยได้เล่นละครผีมาก่อน ไม่ได้เล่นก็ทำซะเลย และผมเป็นคนที่ชอบดูละครผี ชอบดูหนังผี เรามีความรู้สึกว่าทำไมละครผี มันไม่น่ากลัวคือมันต้องหลอน เราอยากให้ละครของค่ายเรามีหลากหลายครับ ถ้าแซ่บอย่างเดียวอาจจะเอียน

กับรายการโทรทัศน์ที่ผลิต

เริ่มทำรายรายการครั้งแรกให้กับช่อง 3ดิ แอดเวนเจอร์ เที่ยวกับลิง กินกับเจ้า Food Prince ช่องวัน รายการครัวอิเลค ซึ่งทำหลายรายการมาก แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว พอเราต้องจ้างผลิตแล้วก็ให้น้อย มันก็ไม่ไหว เราไม่รู้จะทำให้ได้ไง คือพอเป็นดิจิตอล ก็จะชวนเรามาแบ่งไทม์แชร์ริ่ง เราไม่มีทีมขายก็ลำบากอีก เลยหยุด คือ ถ้าจ้างผลิตก็ต้องสมน้ำสมเนื้อให้เราอยู่ได้ ลูกน้องเราอยู่ได้ เพราะส่วนใหญ่ที่รับมาคือรับมาเลี้ยงลูกน้องทั้งนั้น ตอนนี้เลยหันมาทำละครดีกว่า รอให้ดิจิตอลอยู่ตัวซะก่อน สำหรับผมเองก็เลยรับงานพิธีกรอย่างเดียว ทำเบื้องหน้า ตอนนี้ก็มีอยู่หลายรายการอย่างมาสเตอร์คีย์ก็อยู่มาอย่างยาวนาน 23 ปี เปลี่ยนไปไม่รู้กี่รูปแบบแล้ว แต่ว่าก็อยู่ช่อง 3ตลอดนะ

กลายเป็นโลโก้ของรายการมาสเตอร์คีย์

เราไม่รู้จะเปลี่ยนยังไงแล้วครับ ก็อยู่กันมาขนาดนี้ แถมออกอากาศ 5 วันนะ นับชั่วโมงแล้ว โอ้โห! ตกใจว่าเราทำงานมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยหรือไง ก็มีคิดอยู่ แต่ว่าก็โอเค เรามีความสุขที่เวลามีคนมาทัก หลายคนถามว่าพี่โน่ไม่กลัวการเสียความเป็นส่วนตัวเหรอ เลยบอกว่าถ้าคนไม่ทักนั่นล่ะน่ากลัว ถ้าคนทักไม่น่ากลัว คือถ้าคนไม่ทักแสดงว่าเขาไม่เอาเราแล้ว เขาเบื่อเราแล้ว

ชินกับการยืนจนลืมเหนื่อย

โอ้โห! วันก่อน “พี่ยิ่งยง”, “ตั๊ก-ศิริพร” มาออกรายการเทปพิเศษ แล้วเขาต้องยืนอยู่กับผมตลอดงาน พอเลิกถ่ายเสร็จ พี่ยิ่งยงกับตั๊กบอกเลยว่าพี่โน่ยืนได้ไง ก็ยืนตั้งแต่บ่ายโมงยันเที่ยงคืน หรือสี่ห้าทุ่ม มันกลายเป็นเรื่องปกติของเรา ซึ่งเป็นมานานมาก และตั้งแต่เป็นพิธีกรมาไม่เคยได้นั่งเลย มีได้นั่งอยู่ไม่กี่รายการ แต่นี่เพิ่งจะเปลี่ยนคือ รายการบัลลังก์เสียงทอง ที่เป็นรายการใหม่ของทีวีธันเดอร์ เราก็จะย้ายไปเป็นคนนั่งแล้ว เป็นคอมเมนเตเตอร์บ้าง ขอเขาเลย ไม่อยากเป็นพิธีกรแล้ว เบื่อ แต่ว่าจริงๆ มันก็ทิ้งไม่ได้หรอก คืออาชีพหลักๆ เราที่ถนัดที่สุดตอนนี้พูดง่ายๆ ก็คือพิธีกร นักแสดงเราก็ถนัด เล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นบทไหน เราก็เล่นได้ทั้งนั้น แต่ว่าตรงนั้นต้องแล้วแต่คนจะจ้างหรือไม่จ้าง มันไม่มีความแน่นอน

อีกหนึ่งบทบาทที่รอการสัมผัส

เป็นมาแล้วทุกอย่างนะครับทั้ง นายแบบนักร้อง พิธีกร นักแสดง ผู้จัด ขาดอย่างเดียวคือผู้กำกับ ถามว่าอยากเป็นไหม ขอตอบเลยว่ายัง (ยิ้ม)หนิงบังคับจะตาย ว่าให้เป็นเถอะ เรื่องหน้านะกำกับ ยัง.. ยังไงก็ยังไม่เป็นครับ เพราะว่าการจะมาเป็นผู้กำกับ เราต้องรับผิดชอบเยอะ ถ้าเกิดเราทำ เรารู้ตัวเลยว่าเราจะต้องไปอยู่กับมัน ผูกพันกับมันขนาดไหน ไม่มีทางเลย ดูแล้วมันยากมากกับการทำงาน เพราะว่าการบ้านเยอะ และคนอย่างเรา ถ้าคิดจะทำมันต้องทำให้ดี มันรับผิดชอบมากกว่านักแสดงเยอะเป็นสิบเท่า เราต้องดูนักแสดงทุกตัว ดูทีมงานทุกคน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เลยขอเวลาก่อน แต่ถามถึงความอยากน่ะอยากเป็นอยู่แล้ว เพราะเป็นอาชีพที่เรายังไม่เคย กำกับรายการเราก็ทำมาแล้ว โปรดิวเซอร์เราเคยทำมาแล้ว เราก็ไม่กลัว แต่ถ้าเป็นไดเร็กเตอร์เป็นผู้กำกับจริงๆ เราไม่เคย ผมทำแน่นอนครับ แต่ขอเวลาเราหน่อย ถ้าเป็นทางของผมคอเมดี้ได้แน่ๆทุกอาชีพที่ทำมาก็คนละแบบหมดเลยนะครับ บอกไม่ได้ว่าไม่ชอบอันไหน แต่ร้องเพลงตอนนี้ไม่อยากเป็นอาชีพ อยากร้องเล่นมีความสุขกับการร้องเพลง

ความสำเร็จของเพลง “คนขี้เหงา”

มันเป็นเอ็นไตเติ้ลของละครเรื่อง “ความรักของคุณฉุย” เป็นละครที่ดังมากในสมัยนั้น “เอ-อนันต์” และ “แอน-สิเรียม” แต่เราเป็นพระเอก เอเป็นตัวนำเรื่อง คนก็จะคิดว่าเอเป็นพระเอกซึ่งตอนหลังเราได้เป็นแฟนกับนางเอก แล้วเพลงก็ดังสนั่นหวั่นไหว ดังมากจนผับใช้เป็นเพลงปิดผับ คือแทบทุกผับเลย พอจะปิดร้านก็จะเปิดเพลงนี้ และก็กลายเป็นเพลงประจำตัวผมไปเลย ปัจจุบันนี้ ผ่านมา 25-26 ปี คนก็ยังถามหาเวลาขึ้นเวที ก็ต้องให้ร้อง มันก็ภาคภูมิใจนะ คือถ้าเป็นคนรุ่นเรา เขาก็ยังฟังอยู่ คนที่แก่กว่าเราก็ฟัง เวลาไปไหนมาไหนก็จะขอ เด็กถามว่ารู้จักไหม คือมีคนเขาเอามาคอฟเวอร์ และมีอยู่วันหนึ่งไปร้องงานเพื่อนรุ่นน้องและเขาก็พาเด็กๆ มาในงาน เด็กก็กรี๊ดว่าพี่โน่ร้องเพลงนี้เป็นด้วย คือเขาไม่รู้ว่าเป็นเพลงเรา แต่คือเขาฟังคอฟเวอร์ของใครมาก็ไม่รู้ เราก็ขำๆ ไม่ได้ว่าอะไร (ยิ้ม) คือมันไม่ได้น่าอายหรอก เพราะว่าเด็กเขาก็ไม่ทันฟังเราจริงๆ

ชีวิตตอนนี้…เหงาไหม?

ไม่เหงาเลยครับ (ยิ้ม) มีทั้งงาน มีทั้งแมว มีทั้งหน้าที่ทุกอย่างที่ต้องทำในชีวิต ไม่มีเวลาให้เหงาเลย เดี๋ยวก็ไปหาคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งท่านก็เริ่มแก่แล้ว ชีวิตมันว่างก็กลายเป็นว่าเรามีเวลาเข้าไปหาพ่อหาแม่เราเยอะขึ้น เพราะว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งดีมากเลยนะคือเราก็เห็นอยู่แล้วว่าพ่อแม่เพื่อนก็เริ่มไปกันแล้วมันก็ถึงเวลาที่เราจะต้องทำใจเหมือนกัน และเราต้องใช้เวลาตรงนี้อยู่กับเขาให้มากที่สุด ลูกเราก็ไม่มีให้ต้องดูแล อยู่ตัวคนเดียวและก็มีแมว 7 ตัว นี่คือลูกทั้งหมด

ชีวิตหลังกลับมาโสดอีกครั้ง

ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรครับ มีแต่คนถาม คือผมว่าเหมือนก่อนแต่งแหละครับ แถมเราต้องระวังตัวมากกว่าก่อนแต่งอีก มันมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากพลาด ไม่อยากผิด ไม่อยากมีอะไรอีกแล้ว และอายุมันก็เยอะแล้ว ความอยากความอะไรมันก็น้อยลงไปไอ้ที่จะไปเที่ยวตะแล๊ดแต๊ดก็ไม่ใช่แล้ว เพราะว่าไปมาหมดตั้งแต่หนุ่มแล้ว จะเอาอะไรตั้งแต่เลานจ์ ซ่อง อาบอบนวดไปมาตั้งแต่หนุ่ม บางคนบอกเขี้ยวเล็บไม่มีแล้วเหรอ ก็เออ..ไม่มีแล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉัน(หัวเราะ) คือมันเบื่อแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปไหน นานๆเพื่อนลากไป เราก็ไปกัน อย่างบาร์โฮสที่เป็นข่าวนั่น เพื่อนก็ลากไปนะ ไปกันทั้งแก๊งและเป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ผู้ใหญ่กว่าเราอีก ไปก็ต้องกลับบ้านก่อน เพราะว่าเราเบื่อ แล้วก็เป็นข่าว ถึงบอกไงว่าไปไหนมันก็เป็นเรื่องเป็นราวได้หมด ถ้าอยากจะเป็น พอไม่ไปก็หาว่าเราเก็บใครไว้ที่บ้านหรือเปล่า

ปิดตัวเองเลยไหม

ไม่ปิดครับ ถ้ามันเจอ มันใช่ มันก็ใช่ แต่ว่าเราคือไม่ได้ขวนขวายหา เห็นคนที่สวยก็ว่าสวย แต่ถามว่าจะกล้าเข้าไปจีบเขาไหม ไม่กล้าเลย เหมือนกับเรามีบาดแผลของเราอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถ้าเราเข้าไปแล้ว เขาปฏิเสธ ก็เหมือนไอ้หมาแก่ หรือว่าไอ้วัวแก่ตัวนึง ที่คิดจะมากินหญ้าอ่อน แก่ๆ ด้วยกันก็คงไม่จีบ เพราะโดยนิสัยก็ไม่มีทาง เพราะตอนเด็กเราก็มีแฟนเป็นคนแก่ พอหนุ่มๆ ก็เริ่มมีแฟนรุ่นใกล้กัน หรือเด็กกว่าพอแก่แล้ว ถ้ามีแฟนแก่กว่าอีก คงไม่ใช่เราแล้วแหละหรือเท่าๆ กันมันก็คงไม่ใช่ คงไม่มีอารมณ์ทางเพศ(หัวเราะ) เยอะขนาดนั้น มันก็ต้องเด็กแหละ แต่เด็กในที่นี้ไม่ใช่ว่าเด็ก 17-18 นะ เพราะถ้าเด็กขนาดนี้จะเริ่มคุยด้วยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ขนาด 20 กว่ายังคุยไม่รู้เรื่องแล้วเลย ต้องอยู่ที่ประมาณสามสิบกว่าๆ มันอยู่ที่วุฒิภาวะ เพราะว่าวุฒิภาวะของเราก็เริ่มแล้วไงนี่ก็เกินครึ่งชีวิตแล้วด้วย เขี้ยวเล็บมันไม่มีถอดหรอก เสือมันโรยรา มันอ่อนแรง มันเหนื่อย แต่มันมีจังหวะ ถ้ามุมมันพลิกมันขบเลยนะ ประสบการณ์มันเยอะมันก็ยังไหว เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่มันล้าแล้ว มันก็ไม่อยากสู้ ก็เลยเลี่ยงๆ

บั้นปลายชีวิตที่เป็นไป

ถึงไม่มีลูก ผมก็มีหลานๆ ไม่เป็นไรครับผมไม่ซีเรียสเลยเรื่องนี้ คือถ้ามีแล้วเลี้ยงไม่ดียิ่งวุ่นกันไปใหญ่เลย ตอนนี้เห็นหลานๆ เขาเป็นคนดีเราก็แฮปปี้ เท่านี้เลย อยากได้อะไรก็เอาไปเลย เราก็ใช้ของเรา ไม่ต้องมาห่วงว่าบั้นปลายจะไม่มีคนมาดู ถ้าเราไม่มีก็ไม่มีใครมาดูหรอก ถ้ามีเดี๋ยวหลานก็แย่งกันมาดู เพราะเขาก็รู้ว่าเราไม่มีลูก ยังไงก็ต้องให้เขา “นิลิน” (ลูกสาวหนิง) ได้หมดแหละ เพราะถือว่าเป็นหลานในไส้เหมือนกัน นี่วันก่อนพี่ชายปันปัน ป๋อมแป๋มก็เหมือนลูกเรา เพราะเป็นลูกเพื่อน เขาไปอังกฤษไม่ห้อยพระ เราก็ถอดพระจากคอแขวนให้เลย เมาอยู่ด้วยก็ถอดให้เขาไปเลย ทั้งสร้อยทองคำขาว ทั้งพระเลี่ยมทอง กลัวว่าเขาเดินทางไปไหนไกลๆ จะไม่ปลอดภัย ก็เลยต้องมีพระไว้ติดตัว คือจะเป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้เพื่ออะไร นาฬิกาสี่สิบกว่าเรือน ก็นั่งดูว่าเรามีไว้เพื่ออะไร เราใส่พร้อมกันได้ไหม ก็ให้หลานไป นี่อีกคนกำลังจะกลับจากออสเตรเลีย ก็บอกว่ามาเอานาฬิกาด้วย

วันสบายๆ สไตล์นีโน่

ถ้าอยู่เชียงใหม่ก็จะทำสวน ปลูกต้นไม้ ถ้าอยู่คอนโดก็จะดูซีรี่ส์ดูหนัง ดูเยอะมาก ที่ต้องดูเพราะว่าใช้ในงานของเรา เราดูว่าต่างประเทศเขาไปถึงไหนแล้วส่วนใหญ่จะดูฝรั่งและญี่ปุ่น ดูแนวหลากหลายครับ แล้วก็หลุดไปอีกแนว คืออินเดีย คือเขาเชย แต่ในความเชยของเขามันมีอะไรซ่อนอยู่ ที่กลับเชียงใหม่นี่ถ้าว่างก็จะไปอยู่กับต้นไม้ เพราะว่าตอนนี้ทำบริษัทเกี่ยวกับสารปรับปรุงดินมา นีโน่ซุปเปอร์ฮิวมิค ได้ออกไปสวนเกษตรไปอธิบายไปนั่งคุย มันก็กลายเป็นความสุขชอบอยู่กับธรรมชาติ เวลาเข้าป่าทีนี่ คือ เข้าแบบจริงจังมาก เดินเข้าป่า หลงไปเป็นวัน ชอบมากเป็นคนที่สุดโต่ง แต่ถ้าบางอย่างที่ไม่ไหวจริงๆ เราก็ไม่ทำนะ

กว่า 30 ปี ในวงการบันเทิง

ตั้งแต่ 2529 ก็ทำงานในวงการมาเรื่อยๆ แต่บอกได้เลยว่าไม่เบื่อ คือให้ไปทำอะไรก็ได้ ขาข้างหนึ่งก็ต้องอยู่วงการนี้แหละ แล้วเคยเห็นหลายคนบอกว่าไม่อยู่แล้ววงการนี้ ไม่เอาแล้ว เบื่อแล้ว ในที่สุดก็หนีไม่พ้น ก็กลับมาอยู่ดี เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าถ้าเกษียณแล้วจะไม่เล่นอีกแล้ว นี่ผมก็พยายามเอาคนเก่าๆ กลับมาเล่นละครอีกครั้ง เรื่องหน้าก็จะมี “โก้-นฤเบศร์” กลับมาเขาเป็นพระเอกเก่าช่อง 7 มีอีกหลายคนที่เราเริ่มเห็น ส่วน “โอ-วรุฒ” ต้องอยู่ที่เขา ว่าเลิกเหล้าได้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเราไม่ช่วยนะไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงก็ช่วย นี่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว เวลามีงานพิธีกรเกษตรก็ยังคิดถึงเขานะ โอเขาทำงานเก่งมากนะ เราก็ให้โอกาสเขาแน่นอน

แม้ไม่ใช่อาชีพในฝัน แต่กลายเป็นอาชีพที่รัก

ไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยว่าจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง คิดเอาไว้ว่าถ้าไม่เป็นนักโบราณคดี ก็จะเป็นข้าราชการ หรือเปิดร้านขายของเก่า เรื่องบันเทิงไม่เคยอยู่ในหัวเลย แต่เหมือนคนไม่อยากเป็น มันก็ได้เป็น และพอเป็นแล้วมันก็รักก็ชอบหนีไม่พ้น

ความในใจถึงแฟนๆ

ขอบคุณมากๆ ขอบคุณเสมอ ทุกครั้งที่มีอะไรก็จะให้การสนับสนุนหรือแม้กระทั่งบางครั้งที่พลาดพลั้งอะไรไป ก็ยังได้รับกำลังใจเสมอจากคนที่รักเรา ผมขอบคุณจากใจจริงๆ และสิ่งนี้เป็นกำลังใจว่าสิ่งที่เราทำมาคือสิ่งที่เราไม่ได้เสียอะไรเลย มีแต่ได้ ก็รักเสมอ ยินดีเสมอแล้วจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดต่อๆ ไปครับ

Leave a comment