‘พีธ พีระ’ ลุยอาณาจักรดนตรี เปิดโชว์บิซสเกลเล็ก แต่ใจใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/274034

‘พีธ พีระ’ ลุยอาณาจักรดนตรี เปิดโชว์บิซสเกลเล็ก แต่ใจใหญ่

‘พีธ พีระ’ ลุยอาณาจักรดนตรี เปิดโชว์บิซสเกลเล็ก แต่ใจใหญ่

วันพุธ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ไม่ใช่แค่ ศิลปินเดี่ยว หรือ แฟมิลี่แมน คุณพ่อลูกหนึ่ง อีกต่อไป เพราะตอนนี้ “พีธ พีระ” พีราวัชร์ อัศวชิรวิทก้าวขึ้นมายืนในฐานะ Music Creator โชว์บิซน้องใหม่ แถมเล่นใหญ่กับโปรเจกท์ GSB 2 TONE CONCERT คอนเสิร์ตที่เขาบอกว่าทั้งพรีเมียมและเอ็กซ์คลูซีฟที่สุดในประเทศไทย!!ณ แหล่งความบันเทิงใหม่ STUDIO MONO29 (สตูดิโอโมโนทเวนตี้ไนน์) ถนนชัยพฤกษ์

จุดเริ่มต้นของโปรเจกท์

ต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่ของโมโนกรุ๊ปครับ กับนโยบายที่ให้คิดโปรเจกท์คอนเสิร์ต เพราะเนื่องด้วยโมโนฯมีชาแนลของมีเดีย ค่อนข้างจะครบถ้วน ทีมวิทยุ แมกกาซีน เอ็มไทย ครอบคลุมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเรายังไม่มีโชว์บิซ ฉะนั้นเลยให้ผมลองทำแผนไปพรีเซ็นต์เสนอ ผมก็ลองทำดูครับ พอผู้ใหญ่ชอบ ก็ลุยเลย และตรงนี้เราหาสปอนเซอร์ได้ด้วย คือจับมือกับออมสิน ก็เลยกลายเป็นเฟสแรกก่อน มีทั้งหมด 7 ครั้ง ครั้งละ 2 รอบ และเราก็จะมีเฟส 2 ต่อภายในปีนี้เลยครับ

ความต่างของโชว์บีซสไตล์ พีธ พีระ

โชว์บิชเจ้าหลักเขาค่อนข้างมีจุดแข็ง เราก็คิดว่าเราจะไปแชร์ส่วนแบ่งเขามาได้ยังไง ก็เลยมองว่า เราต้องทำอะไรที่เป็นพรีเมียม เพราะเรามีฮอลล์เป็นของตัวเอง เลยต้องทำฮอลล์ให้ดีที่สุด ทำพรีเมียมคืออะไร คือเราไปสั่งซื้อ LED มาเลยครับ เราติดทั้งหมด 3 ด้านของฮอลล์เลย ซึ่งแค่ส่วนนี้ก็แพงมากแล้ว เฉพาะ LED เราลงทุนไปกว่า 10 ล้านบาทแล้วครับ ยังไม่รวมอย่างอื่น และอีกข้อที่แตกต่างคือ การดูคอนเสิร์ต ไม่ว่าเราจะดูที่ไหนพารากอน หรืออิมแพคฯ พื้นที่จะมีจำกัด แต่ของเรา ฟิลลิ่งในการดูคอนเสิร์ตจะเปลี่ยนไป โมชั่นกราฟิกทุกอย่างจะเสกได้หมด ตามธีมที่เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกสร้างขึ้นมา ทำให้เราเกิดจุดต่าง และฮอลล์เราเล็ก มี 450 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ชมต้องได้รับความเอ็กซ์คลูซีฟจริงๆ ศิลปินที่ร้องเพลงบนเวที สามารถลงมาสัมผัส มานั่งข้างๆ คุณได้เลย (จำนวนที่นั่งน้อย ค่าบัตรคงต้องแพงมาก?) 2,000 กับ 3,000 บาทครับ ถ้าเทียบแล้วไม่ได้แพงขนาดนั้น กลางๆ แต่ถ้าเทียบกับความพรีเมี่ยม และเอ็กซ์คลูซีฟขนาดนี้ ผมว่าไม่แพงเลย และครั้งหนึ่งได้ดูศิลปินถึง 2 ศิลปิน ซึ่งมีความแตกต่าง โดยซื้อบัตรหรือตามรายละเอียดได้ทาง http://www.ticket.mthai.com/concert หรือโทร.02-1007088 ที่มาของคอนเสิร์ต 2 TONEมาจาก 2 ขั้วที่แตกต่าง อย่างเช่นคอนเสิร์ตแรกที่เรากำลังจะมีขึ้น 11 มิถุนายนนี้ คือ ผมกับพี่บุรินทร์คนละขั้วเลย ดิสโก้ กับ ดราม่า มาเจอกัน และแต่ละธีม แต่ละครั้ง จะเน้นที่ความแตกต่างแล้วจับมาชนกัน

ไม่ใช่แค่นี้ แต่ยังมีอีกโปรเจกท์ที่รอการเปิดตัว

ผมลุยในส่วนของค่ายเพลงด้วยครับ ชื่อว่า พีช มิวสิกจะเปิดตัวช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ ซึ่งโปรเจกท์คอนเสิร์ตนี้ ก็จะช่วยซัพพอร์ตนักร้องที่ผมดึงมาร่วมงาน อย่าง เบน-ชลาทิศก็อยู่ในโปรเจกท์ พีช มิวสิกด้วย…ใจจริง ผมอยากทำเฟสติวัล เป็นเทศกาลดนตรีขนาดใหญ่ เพียงแต่ว่าเราต้องเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน คือทำโชว์บิซในรูปแบบฮอลล์ก่อน พอปีนี้เรามีประสบการณ์ ปีหน้าเราอาจจะทำใหญ่ขึ้นกว่าเดิมครับ

ภาวะผู้บริหารเต็มขั้น

ผมศึกษาหลายอย่างเลยครับ ข้อดีคือเราเป็นศิลปินในวงการมานาน ถ้านับถึงปีนี้ น่าจะ 16-17 ปีแล้วมั้งครับ เรารู้และเห็นมาเยอะ และมีผู้ใหญ่ มีพี่ๆ ที่ส่วนไหนเราไม่รู้เราก็ปรึกษา โทร.ถามได้ บอร์ดของทางโมโนฯ ก็เปิดโอกาสให้เต็มที่ด้วย

อนาคตกับธุรกิจดนตรี

ถ้าพูดถึงการขายซีดี ในวงการเพลงตอนนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ได้น้อยมากๆ แต่ว่าอะไรที่ทำให้นักร้องทุกคนอยู่ได้ ก็คือการโชว์ ที่ยังได้สตางค์ และยังได้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำได้ดีหรือเปล่า ก็เลยเป็นนโยบายสร้างฮอลล์ขึ้นมาก่อน ในสเกล 450 ที่นั่ง นั่นหมายความว่าศิลปิน ไม่ว่าจะรุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก ที่มีฐานแฟนเพลงไม่มาก ไม่สามารถไปจัดในพารากอนฮอลล์ ที่ค่าเช่าเกือบล้านบาทได้ เขาก็สามารถมาเช่าฮอลล์เราได้จากล้านอาจจะเหลือแค่แสนกว่าบาท โดยที่เขาสามารถได้ฮอลล์ที่เป็นมาตรฐานจริงๆ นอกจากจะให้ศิลปินกลุ่มเล็กมีที่เล่น ที่ปล่อยของ เขาก็จะได้เม็ดเงินมาหนุนงานเพลงมากขึ้นด้วย ผมว่าน่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ความฝันของศิลปินได้ด้วย

ศิลปินร่วมโปรเจกท์

ผมเลือกจากคนที่มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน และสปอนเซอร์เห็นชอบด้วย อย่างคอนเสิร์ตแรกที่เป็น พี่บุรินทร์กับผมคือเราต้องการคนที่ต่างจากผมมากๆ ตอนแรกผมมอง 2 คน คือพี่บุรินทร์ กับน้องดา เอ็นโดรฟิน แต่ถ้าเป็นพี่บุรินทร์ กับผมผมว่าจะคอนทาสต์รุนแรงมากเลย แล้วเราสามารถหยิบเพลงดิสโก้ มาทำเป็นบัลลาดได้ น่าจะมีจุดแตกต่าง หรืออย่าง…คู่ที่ 2 ที่เป็น “เบน-ชลาทิศ” กับเพื่อนๆ “B5” ทั้งหมด รอบนี้เป็นการกุศล รายได้ทั้งหมดให้ UN AIDS โลก ซึ่งเบนก็อยู่ในโปรเจกท์ พีช มิวสิกของผมด้วย เราก็จะเอาเพลงนี้แจกให้กับทุกคนฟรีๆ เลย ให้เป็นของขวัญกลับไป…คู่ที่ 3 เป็น “พี่ป๊อป-ปองกูล” กับ “บอย-ตรัย” นักเอนเตอร์เทนเนอร์ 2 คน มาเจอกันไซส์ใกล้กัน มีความอบอุ่นเหมือนกัน…คู่ที่ 4 เป็น “พี่โอ๋-ธีร์ ไชยเดช” กับ “พี่เล็ก Greasy Café” ส่วนตัวถ้ามองในภาคนักดนตรี ผมชอบคู่นี้มาก คนที่เป็นนักดนตรีหลายๆ คน บอกคู่นี้แหละ อยากดูที่สุด…คู่ที่ 5 วง “บูมบูมแคช” กับ “โพลีแคท” 2 ยุคของซาวนด์ดนตรีมาเจอกันระหว่าง’80 กับ 2000 EDM กับดิสโก้รุ่นคลาสสิก…คู่ที่ 6 “สิงโต นำโชค” เจอกับ “พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก” อะคูเลเล่ เจอกับร็อค และปิดเฟสด้วยการนำ “Room 39” มาเจอกับ “สงกรานต์” เรากำลังจะส่งสัญญาณไปว่าธุรกิจด้านมิวสิกของโมโน กำลังจะกลับมา ซึ่งตอนนี้เรามีค่อนข้างจะครบเครื่องแล้วครับ และเราทำงานได้กับทุกศิลปิน โดยที่ไม่ต้องเซ็นสัญญาเข้าค่าย ส่วนเพลง ลิขสิทธิ์เป็นของเรา แต่ตัวศิลปินสามารถนำไปร้องที่ไหนก็ได้ เราจะเขียนในสัญญาไว้ว่าไม่ต้องขอเรา

ลุยงานเพลงของตัวเอง

ยังไม่มีเวลาเลยครับ จริงๆ เพลงของตัวเองอีก 3 เดือนต้องออกแล้ว ผมยังไม่ได้ทำเลย (หัวเราะ) แต่ก็มีเตรียมๆ ไว้บ้างแล้วครับ คือผมแบ่งการทำงานโดย เสาร์-อาทิตย์ ผมจะไม่ทำงานเลย ทำงานจันทร์-ศุกร์เต็มที่ แล้วเสาร์-อาทิตย์ก็ เบรกคิดเพลงส่วนตัว หรือไม่ก็ให้เวลากับลูก กับครอบครัวไป

ปรับตัวสู่การเป็นผู้บริหาร

ตอนนี้เริ่มเข้าที่แล้วครับ ตอนแรกค่อนข้างจะปรับตัวยากยังไม่ชินกับอะไรแบบนี้เลย โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข ปวดหัวมากเราเป็นศิลปินมาตลอดชีวิต เต็มที่เราก็ดิวเรื่องคอนเสิร์ตเล็กๆ แต่พอมาทำภาพใหญ่ มันยาก ต้องวางแผนนานมาก อุปสรรคที่ยากที่สุดคือเรื่องเวลาครับ เวลามันควบคุมไม่ได้มีแต่เคานท์ดาวน์ ทำให้เรากดดัน ต้องทำงานแข็งกับเวลาผมก็จะตั้งรับด้วยการคิดแล้ว ต้องทำเลย คิดได้ จด และทำผิดอะไรเดี๋ยวมาแก้กัน

ความพร้อมกับโปรเจกท์ 2 TONE

90% แล้วครับ เหลือแค่รันโชว์อย่างเดียว โชคดีได้ทีมงานเก่งๆ มาช่วยเยอะ ความน่าสนใจของเพลงในโปรเจกท์นี้คือศิลปิน 2 ฝั่ง หยิบเพลงของแต่ละฝั่งมาแลกกัน ทั่วๆ ไปเขาจะเป็นการแบทเทิล พ่นไฟใส่กัน ร้องสู้กัน แต่สำหรับทูโทน จะมีการหยิบมาเรียบเรียงใหม่ มีพาร์ทดนตรีที่ชัดขึ้น เพราะศิลปินที่เลือกมาเป็นนักดนตรีเกือบทั้งหมด ฉะนั้นเมื่อเขาหยิบเพลงของอีกฝั่งหนึ่งมาร้อง เขาต้องเรียบเรียงเป็นของเขาเอง ตรงนี้จะเป็นข้อที่แตกต่าง ซึ่งไม่ใช่คนกลางอย่างผม ต้องมานั่งทำให้ เพราะถ้าผมทำให้ ก็จะกลายเป็นแนวของผมไป ตรงนี้ศิลปินทั้งคู่จะเลือกทำเอง ในแบบของเขา มันจะเป็นกลิ่นของเขาที่แท้จริง คนที่ไปชมก็ได้เสพผลงานจากตัวเขาจริงๆ

ไม่ได้คิดใหม่ แต่ขอทำในแบบที่ต่าง

ผมบอกเลยว่าเราไม่ได้คิดใหม่ เราก็เหมือนสเตจไฟท์เตอร์ครับ เพียงแต่ว่าจุดแข็งเราคือเราทำให้สเกลเล็ก แล้วก็เชื่อว่ายังไม่มีใครกล้าลงทุนระดับนี้ ในสเกลเล็กแบบนี้ ส่วนมากเขาต้องทำให้คุ้มทุน คือต้องระดับ 1,000 ถึง 1,500 ที่นั่ง เพราะค่าใช้จ่ายผมคำนวณมาหมดแล้ว ทำเล็ก ทำใหญ่ ค่าใช้จ่ายเท่ากันต่างแค่เช่าฮอลล์ ซึ่งจริงๆ เราเสี่ยงนะ ที่เราทำตรงนี้ แต่เราทำได้ และได้กำไรด้วยครับ ฮอลล์สเกลนี้ เราเชื่อว่าของเราดีที่สุดในประเทศไทยแล้วครับ ไม่มีใครมีแน่นอน อันนี้ค่อนข้างมั่นใจมาก ต่อให้เจ้าอื่นจะสร้างฮอลล์ตาม ก็น่าจะต้องใช้เวลาเป็นปีครับ เพราะแค่ LED ก็เป็นจุดขายที่สำคัญ และฮอลล์ของเราสร้างใหม่ เพราะฉะนั้นการคุมแสง สี เสียง ทุกอย่างเพอร์เฟกท์

ก่อนจากกัน พีธ ทิ้งท้าย ความพรีเมียมในโปรเจกท์ใหม่ของตนเองว่า “คนที่ได้มาดูคอนเสิร์ตนี้ นั่นหมายความว่าคุณคือ 450 ของคนไทย 70 กว่าล้านคน ที่ได้มาดู ผมบอกได้เลยครับว่ามันเป็นพรีเมียมเอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ตมากๆ เพราะศิลปินเขาลงมาใกล้ชิดกับคุณสุดๆ และแต่ละรอบก็จะมีของพรีเมียมที่ไม่เหมือนกันแจกให้ด้วย ช่วงเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ รับรองว่าเต็มอิ่มแน่นอนครับ”

Leave a comment