ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/275985

Star Retro : เปิดตำราชีวิต คุณแม่สุดแนว ‘อ้อม-ศานันทินี ชิลเลอร์’
พักยาวงานแสดงเพื่อไปทำหน้าที่คุณแม่อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับ “อ้อม-ศานันทินี ชิลเลอร์”เรามีโอกาสได้แวะทักทายเธอ พร้อมเยี่ยมชมธุรกิจของครอบครัว “ชิลเลอร์” ที่แว่วมาว่ากำลังดีวันดีคืน จึงไม่พลาดที่จะพูดคุยย้อนวันวานเรื่องราวชีวิตของเธอมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกัน
ตอนนี้ต้องเรียกว่าเป็นคุณแม่แบบฟูลไทม์ คือทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกและที่เพิ่มเติมมากกว่านั้นก็คือทำงานกับ “พี่แจ๊ค”(เกริก ชิลเลอร์) เป็นผลิตภัณฑ์ใส่ผมเป็นธุรกิจที่ทำร่วมกันสองคน นี่ก็เข้าปีที่ 2 แล้ว ก็ไปได้เรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเก่าๆ ที่เริ่มชอบกับผลิตภัณฑ์ของเรา ก็รู้สึกดีนะคะ เริ่มแรกของการทำธุรกิจมาจากพี่แจ๊ค คือเราพาลูกไปตัดผมที่ร้านแล้วรู้สึกว่าทำไมค่าตัดมันแพงจัง พี่แจ๊คเขาก็เลยลองตัดเองตัดให้เบี้ยวบ้าง เขาก็เริ่มศึกษาในยูทูบ และเขาก็ชอบ เลยไปเรียน หลังจากนั้นก็มาทำผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองชอบ ตอนแรกก็จะเป็นแว๊กใส่ผมสำหรับผู้ชาย แล้วลูกค้าก็ชอบมากๆ เลยออกมาหลายผลิตภัณฑ์ เรามาจริงจังกับธุรกิจนี้กันเลย ก็สนุกดีค่ะ ได้แพ็กของให้ลูกค้า เขียนชื่อที่อยู่เองด้วย จะจำชื่อลูกค้าได้ เป็นธุรกิจที่ทำไปเรื่อยๆ เหมือนทำไว้ไห้กับลูกๆ แต่ก่อนหน้านั้นก็คือทำหน้าที่คุณแม่และรับงานประปราย ส่วนใหญ่จะเป็นงานอีเวนท์งานอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัว จะรับละครไม่ได้เลย เพราะว่าที่บ้านเราไม่มีแม่บ้าน ไม่มีใครดูลูก อ้อมเลี้ยงลูกเอง ทำงานบ้านเอง ไม่อยากมีแม่บ้าน เพราะไม่งั้นเราก็จะสอนลูกไม่ได้ คืองานบ้านทุกอย่างเราก็ช่วยกันทำ พยายามจะให้วันเสาร์เป็นวันที่ทำความสะอาดด้วยกันทั้งครอบครัว นี่ไม่ได้ทำให้ดูดีนะคะ (ยิ้ม) แต่อยากให้มาเห็นสภาพเมื่อเช้ามาก ก่อนที่ทางแนวหน้าจะมาสัมภาษณ์ทุกคนนี่คือช่วยกัน เห็นกระจกไหมคะ อาจจะไม่ใสมาก นั่นคือฝีมือลูก เขาก็ยินดีที่จะช่วย นอกจากว่าเขามัวเล่นหรือว่าทำอะไรกันอยู่ เขาก็จะช้านิดนึง

ปลูกฝังเรื่องงานบ้านให้กับลูกๆ
ทำแบบนี้มานานแล้วค่ะ ลูกคนเล็กล้างจานเป็นตั้งแต่ 4 ขวบ เพราะว่าจานเขาเป็นพลาสติก กินเอง ล้างเอง เราก็จะสอนเขาแบบนี้ ไปบ้านยายก็ต้องทำเหมือนกัน ช่วยคุณยายซักผ้ารีดผ้าได้แล้วนะ ชิ้นเล็กๆเขาสามารถรีดได้ แต่เราก็ต้องดูด้วย ไม่ใช่ปล่อยเขาทำคนเดียว ตื่นมาเขาก็ต้องเก็บที่นอนเอง อ้อมก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกอึดอัดหรือยังไงไหม เพราะว่าเขาก็ไม่เคยพูด แล้วถ้าเขาไม่ทำอ้อมก็จะพูดเรื่อยๆ และอ้อมก็จะไม่ทำให้ ต้องใจแข็งค่ะ ก่อนหน้านี้เราก็มีแม่บ้าน แต่ว่าด้วยความที่ตัวเองทำอะไรเร็วมาก เลยคิดว่าทำเองดีกว่า และเกรงใจคุณป้าแม่บ้านเขาก็ไม่ไหวด้วย เราก็เลยทำเองซะเลย
สไตล์การเลี้ยงลูก
เป็นคนแนวๆ ไม่ได้ขี้หงุดหงิดไม่เคยหงุดหงิดกับลูกเลยค่ะ ดุบ้างก็มี แต่จะเป็นในเรื่องที่สมควรจะดุ อย่างเช่นเรื่องมารยาท เรื่องการเจอผู้ใหญ่ เราก็จะสอนด้วยความที่เขาเป็นลูกสาวเรา ก็เลยจะห่วงเขาในเรื่องความปลอดภัย เรื่องการคบเพื่อน แต่ว่าข้อดีคือลูกมีอะไรแล้วชอบเล่า เล่าทุกเรื่องเลย อาจจะช้านิดนึง แต่เขาก็เล่า ส่วนใหญ่จะเล่าให้อ้อมฟัง และอ้อมจะไม่คุยเรื่องลูกกับเพื่อนเลยนะ ไม่เม้าท์ลูก คือมันเป็นเรื่องในบ้านที่อ้อมต้องแก้ไขด้วยตัวเอง พ่อแม่สิบคนเลี้ยงลูกสิบแบบค่ะ แล้วอ้อมก็ไม่ชอบโชว์ด้วย อย่างในเรื่องของการเรียนลูก พ่อชอบโชว์ แต่อ้อมจะไม่ ลองสังเกตดูจากไอจีอ้อมได้เลยอย่างผลการเรียนของลูก เพราะอ้อมรู้สึกว่าบางทีมันก็จะเป็นผลกระทบกับบ้านอื่น เราก็ไม่รู้ไงว่าพ่อแม่คนอื่นเขาโหดมากน้อยแค่ไหน อ้อมรู้สึกว่าเราแข่งกับตัวเองดีที่สุด การเลี้ยงลูกอ้อมว่ามันไม่มีสูตรหรอกค่ะ คือจริงๆอ้อมก็ชอบคุยกับเพื่อนที่เขาทัศนคติดีๆ แล้วเราก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ว่าอ้อมคงจะเลี้ยงลูกอ้อมให้เหมือนกับลูกเขาคงเป็นไปไม่ได้ ลูกใครก็ลูกคนนั้นจริงๆ แต่ละคนก็ต่างมีมุมมองเป็นของตัวเอง มีเพื่อนอ้อมคนนึงถามว่าทำไมของเล่นลูกอ้อมถึงซื้อชิ้นเดียว แล้วอ้อมก็ถามว่าทำไมต้องซื้อสองชิ้นที่เหมือนกัน คือเราต้องการให้เข้าจอยกัน ไม่รู้นะ สำหรับบ้านอ้อมแล้ว การที่เขาได้แบ่งปันกันมันก็เป็นเรื่องที่ดี เหมือนฝึกให้เขารู้จักคำว่าแบ่งปัน ของเล่นเล่นแป๊บๆเขาก็เบื่อแล้ว ก็สอนให้เขาประหยัดด้วย เขาก็เข้าใจค่ะว่าของเล่นสำหรับบ้านนี้ ก็เฉพาะวันที่พิเศษนะไม่ได้ซื้ออะไรให้บ่อยๆ

3 สาว 3 สไตล์
ลูกคนโต “แซมมี่”(ภัคธีมา ชิลเลอร์) เขาจะไปทางศิลปินค่ะ ชอบดนตรี เล่นเปียโนได้ พอรู้โน้ตมันก็เป็นผลต่อการเล่นดนตรีอื่นๆ คือเขาก็เล่นอูคูเลเล่ ขิม จะเข้ แทบจะได้หมดเหมือนกันนะคะ ตอนนี้อายุ 14 เขาชอบและอยากเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง และตอนนี้กำลังหัดกีตาร์ คนกลาง “วินนี่” (สรณ์ศิริ ชิลเลอร์) อายุ 9 ขวบ เป็นคนที่ชอบประดิษฐ์ ชอบคิดทำกล่องเก็บของมีความคิดสร้างสรรค์ ส่วนคนเล็ก “บิวตี้” (ปภาดา ชิลเลอร์) 7 ขวบแล้ว จะเป็นแนวสนุกสนานชอบเล่นกีฬา แต่สามคนชอบเล่นกีฬาหมดเลย ตอนเย็นๆ จะเป็นเวลาที่เขาออกไปเล่นบาสกับพ่อเขา ทั้งสามคนไม่มีแววที่จะเป็นนักแสดงเหมือนพ่อแม่เลย ไม่ชอบเลย เขารู้สึกว่าการเป็นนักแสดงเหนื่อยเนาะ แล้วพ่อเขาเองก็เหมือนไม่อยากให้ลูกเข้าด้วยมั้งคะ คือเขาเคยบอกว่า เขาจะเสียใจมากถ้าใครมาเขียนข่าวลูกเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องจริง โดยที่ไม่ถามเขาก่อน โดยที่ไม่เช็คก่อนว่าจริงไหม เขาจะโกรธมาก แซมมี่เขาเคยตามพ่อไปถ่ายละครตอนเล็กๆ แต่พ่อก็จะพาไปกองโหดๆ อย่าง “ธิดาวานร” ต้องเข้าป่า ไม่มีห้องน้ำจะเข้า เขาบอกทำไมพ่อเหนื่อยอย่างนี้ กว่าจะได้ตังค์ เขาเลยเข้าใจอาชีพนี้ว่าเป็นแบบนี้ เขาสงสารพ่อ พ่อจำบทได้ยังไง
ความรู้สึกของลูกๆ กับอาชีพของพ่อแม่
เวลามีคนเข้ามาทักทายคุณพ่อ แรกๆ เขาไม่คุ้นค่ะแซมมี่ลูกคนโตเขาจะไม่คุ้นเลย กับการที่พ่อแบบกำลังจะกินข้าว แล้วพ่อต้องมีคนมาทัก เขารู้สึกว่าเขาไม่ค่อยส่วนตัว แต่พ่อก็จะบอกว่านี่แหละคือคนที่เขารักพ่อ ต้องขอบคุณเขา เพราะเขาดูละครที่พ่อเล่นนะ เขาก็เริ่มเข้าใจและคิดหลังจากนั้นเขาก็ไม่ว่าอะไรอีกเลยค่ะ เขาเข้าใจ ทุกวันนี้เวลาใครจะมาขอถ่ายรูปกับพ่อ เขาก็จะคอยถือของและดันพ่อไป เขาก็เหมือนภูมิใจอยู่ลึกๆว่าพ่อเก่ง
พักงานแสดงยาว
สำหรับอ้อมเองงานแสดงอ้อมหยุดตั้งแต่แต่งงานเลยค่ะ ก็เหมือนปิดสวิตช์เลย เพราะว่าพี่แจ๊คเขาไม่อยากให้ถ่ายละคร คือเราก็ไม่มีพี่เลี้ยงด้วย แม่บ้านมีแต่เขาก็ไม่ได้มาช่วยเลี้ยงลูก อ้อมเลี้ยงลูกเอง และมีคุณแม่มาช่วยบ้างในช่วงแรกๆ เพราะต้องอยู่ไฟเดือนนึงแต่หลังจากนั้นก็เลี้ยงเอง เลยจำเป็นต้องปิดสวิตช์การแสดง 13 ปี เรื่องสุดท้ายที่เล่นคือ “ตะวันลับฟ้า” เป็นบทร้าย แล้วเพื่อนขำคนที่รู้จักอ้อมเขาจะขำ แต่คนที่ไม่รู้จักก็บอกว่าโอเคนะ เล่นร้ายได้ ส่วนใหญ่อ้อมจะมาทางสายนางแบบมากกว่าค่ะ

ย้อนวันวานก้าวแรกในวงการบันเทิง
งานแรกที่ทำในวงการคือเป็นนางแบบประกวดมิสแฟชั่นรีวิวรุ่นเดียวกับ “เก๋-ชลลดา” คือพี่สาวอ้อม(ศุภรานันท์ พันธ์ชูจิตร) เป็นรองนางสาวไทย แล้วก็รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ด้วยนะคะ แล้วเขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากๆ อ้อมเป็นลูกคนเล็กที่หน่อมแน้มนิดนึงเขาก็พาอ้อมไปถ่ายนู่นถ่ายนี่เป็นเพื่อน ไปนั่งรอ แต่อ้อมก็ไม่ได้ชอบ คือไปเป็นเพื่อนเฉยๆ เวลาใครเขาแซวก็เขินๆ แล้วอยู่ๆ พี่สาวก็ไปสมัครมิสแฟชั่นรีวิวให้ ตอนนั้นอายุ 14แต่ตัวสูงค่ะ หลังจากนั้นก็มีงานเดินแบบถ่ายแบบเรื่อยๆ ส่วนงานแสดงเริ่มต้นจากเรื่อง “ชายไม่จริงหญิงแท้” ของเอ็กแซ็กท์ แล้วก็เล่น “4 ไม้คาน” แล้วก็มาเล่นละครเวที ทำงานทุกวันเลยค่ะ มีถ่ายแบบเดินแบบเรื่อยๆ ชอบมาก ชอบเพราะว่าทำให้ตัวเองมั่นใจมากขึ้น จากอายๆเขินๆ ก็ดี รู้สึกว่าตัวเองมั่นใจมากขึ้น แม่ไม่เชื่อด้วยว่าเราจะทำได้ ทุกวันนี้เวลาไปไหว้แม่ แม่ยังบอกเลยว่าขอให้ลูกไม่หน่อมแน้มนะ เป็นคนขี้อายจริง แต่ว่าพออยู่บนแคทวอล์กแล้วเรารู้สึกสนุกกับการอยู่บนนั้นปรับตัวจากนางแบบสู่งานแสดง
ไม่ปรับเลยค่ะ ก็เป็นตัวเอง มีแต่คนบอกว่าอ้อมไม่เห็นเหมาะเป็นนักแสดงเลย เพราะว่าเป็นนักแสดงต้องแข็งกว่านี้ ไม่ใช่ว่าหน่อมแน้ม แต่ว่าจริงๆ แล้ว อ้อมเป็นคนรั่วๆ ถ้าสนิทกันจะรู้เลยว่าอ้อมเป็นตัวฮาในกลุ่มเพื่อน ชอบนึกอะไรที่คนอื่นเขาไม่คิด เคยมีพี่นักข่าวพูดเหมือนกันคืออ้อมเคยเล่นหนังกับ “พี่หนุ่ย-อำพล” เรื่อง “เสือโจรพันธุ์เสือ” แล้วเรื่องนั้นเป็นหนังเรื่องแรกของอ้อมพี่นักข่าวถามอะไรมาอ้อมก็จะตอบหมดเลย จนพี่เขาบอกว่าไม่ต้องตอบทุกเรื่องก็ได้นะ เอาบางเรื่อง รู้สึกว่าเขาจะถามเรื่องความรัก เรื่องคบกับพี่แจ๊ค เขาถามว่าคนนี้เขามาจีบเราไหม ถ้าคนอื่นเขาก็คงจะตอบว่าเปล่า แต่อ้อมตอบไปว่าดูๆกันอยู่ (หัวเราะ) พี่แจ๊คเป็นรุ่นพี่คนนึงที่เดินแบบด้วยกันในช่วงนั้น และเขาเข้าวงการหลังอ้อมนะเขาก็ตามไปดูอ้อมเล่นหนังจนผู้กำกับเห็น ก็เลยให้มาเล่นด้วย ได้เล่นหนังกับอ้อมเรื่อง “นางแบบ”

งานแสดงเป็นอีกหนึ่งงานที่ชอบ
การแสดงชอบเพราะว่ามีเพื่อนๆ พี่ๆ เยอะ ชอบบรรยากาศกองถ่าย ชอบทีมงาน อ้อมเป็นคนบ้านๆ อยู่แล้วมั้งคะ ก็เลยรู้สึกสนุก ไม่ได้รู้สึกว่าการนั่งกับพื้นดินมันอี๋หรือว่าอะไร รู้สึกมีความสุขกับการไปกองถ่าย ขับรถหลงตลอด ประทับใจทุกเรื่องที่เล่น เพราะเราก็เต็มที่ รู้สึกสนุกดี ไม่มีเรื่องไหนที่ชอบมากกว่าน้อยกว่า เพราะทุกเรื่องก็จะมีทีมงานใหม่ๆ รู้สึกว่าทุกคนพยายามจะสอน อ้อมก็ไม่ได้เล่นละครเก่งนะคะ แต่อ้อมพยายามทำให้มันโอเค ครั้งแรกที่เล่นตัวร้ายก็จะมีพี่หลายคนมาสอนกรี๊ด เพราะว่ากรี๊ดไม่เป็น (หัวเราะ) แล้วคนที่สอนก็จะเป็นพระเอกบ้าง พี่ผู้ชายในกองบ้าง ช่างไฟบ้าง แล้วทุกคนก็จะขำที่อ้อมกรี๊ดไม่เป็น ขำและเขินตัวเองมาก แต่จริงๆอ้อมชอบเล่นละครเวทีค่ะ เพราะว่าสนุกดี ละครเวทีสอนอะไรอ้อมได้เยอะมาก ได้เอามาใช้กับละครทีวีด้วย ละครเวทีคือการเรียนการแสดงเลยค่ะ อ้อมมีอาจารย์ที่คอยสอนคือ “พี่ลิง” สุวรรณดี จักราวุธ รู้สึกเป็นเกียรติมาก แต่จริงๆแล้วผู้กำกับทุกท่านเลยนะคะ แล้วพี่นักแสดงทุกคนที่คอยสอนคอยแนะในการแสดง อ้อมชอบเวลาที่อยู่บนเวที เวลาเล่นละครเวทีมากๆ คือมันสดแล้วมันก็ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า บทก็ยาว รู้สึกว่าสนุกดี รอบหน้าจะเป็นยังไง รู้สึกดีมากรู้สึกว่าเราเอาชนะตัวเองได้
เมื่อถึงเวลาต้องเลือก
ชอบหมดเลยการแสดงและเดินแบบ แต่วันนึงที่ต้องหยุดทุกสิ่งอย่าง ทำใจยากมากค่ะ เพราะเป็นคนที่ชอบทำงาน ทุกวันนี้ก็ยังชอบทำงานอยู่ ถ้าวันนึงลูกโตกันหมดแล้ว ยังคิดเลยว่าเราต้องไม่มีคุณค่าแน่ๆ ในวันที่ไม่มีงานทำ ก็นอยด์เหมือนกัน คือวันนึงเราต้องเลือกระหว่างลูกกับงานที่ตัวเองรักมาก เราต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างนึง แต่เราต้องเลือกที่เรารักมากที่สุด ก็คือครอบครัว ให้ลูกเติบโตมาในขณะที่อ้อมไม่ได้เห็นพัฒนาการของเขาเลย อ้อมก็ไม่เอา ที่หยุดไปก็คิดถึงมากเลย ตอนแรกมีละครติดต่อมาหลายเรื่องเลยค่ะแต่รับไม่ได้ ถ้าลูกโตหมดแล้วกลับไปเล่นก็ไม่มีใครคอยสอนการบ้านเขา ตัวเองตกเลข ก็ยังต้องมานั่งสอนเลขให้ลูก สอนลูกได้เพราะว่าเปิดยูทูบซ้ำไปซ้ำมาค่ะ คือมันเป็นการเอาชนะใจตัวเองด้วย เวลาที่ลูกจะสอบอ้อมมีหน้าที่ติว แต่จะปวดหัวว่าเราจะทำยังไงให้เขาเข้าใจมากๆ แล้วเอาไปทำข้อสอบได้

เพื่อนสนิทในวงการบันเทิง
ก็มีเจอะเจอเพื่อนๆ บ้างในไอจีเนี่ยแหละค่ะ การเปิดไอจีไม่ได้ต้องการยอดไลค์ แต่ว่าต้องการมาเจอเพื่อนเก่า แล้วก็ตามหาเพื่อนด้วยนะ เพื่อนสนิทในวงการคือ “อ้น-สราวุธ” เล่นละครเรื่อง “สะใภ้จ้าว” ด้วยกัน รู้จักกันมา 15 ปีเขาไม่เคยลืมอ้อมเลยนะ เขายังเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับอ้อมเสมอ คุยกันทุกวันเลยค่ะ แต่ว่าเราก็จะมีระยะห่างกัน เพราะเราก็รู้ว่าเขาเองก็มีโลกส่วนตัวของเขา มีความสุขก็จะไม่ไปหา แต่เมื่อไหร่ที่รู้ว่าเขาทุกข์อ้อมก็จะโทร.หา เวลามีความสุขไม่ต้องคิดถึงเราก็ได้
กับชีวิตคู่
กับพี่แจ๊คเราคบกันมาก่อนประมาณ 8-9 ปี ก่อนที่จะมาเล่นละครอีกค่ะ จนถึงตอนนี้ก็แต่งงานมา 15 ปีแล้วค่ะ ไม่เคยปิดบังเรื่องความรักเลย (หัวเราะ) เพราะว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย คือเวลาที่เราจะคบใคร เราก็ต้องให้เกียรติเขานะ มีพี่คนนึงเคยบอกว่าเวลาอ้อมคบใครจะเริ่มจากร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แล้วพอเวลาผิดหวังมันก็จะไม่ดี เขาเลยบอกว่าเวลาคบใครเราต้องเริ่มต้นจากศูนย์ไปเรื่อยๆให้คะแนนเขาไปเรื่อยๆ มันจะดีกว่า อ้อมไม่คิดว่าการมีแฟนแล้วจะทำให้เรตติ้งตก เราขายความสามารถ ไม่เป็นไรค่ะ คือคนเขาดูเราที่ผลงานเขาให้เกียรติมาดูอ้อม

ครอบครัวแนวๆ ที่ไม่เน้นวิชาการ
บางคนก็บอกว่าอ้อมดุน้อยเกินไป แต่อ้อมก็ไม่ค่อยได้ฟังอะไรนะคะ เพราะว่าอ้อมก็ค่อนข้างมั่นใจในการเลี้ยงของอ้อม คือสำหรับบ้านอ้อมนะ เน้นอีคิวมากกว่าไอคิว ถ้าเราสบายใจ ถ้าเรามีความสุข ไอคิวมันก็จะตามมาเอง อ้อมต้องการให้ลูกมีความสุขกับสิ่งรอบตัว กับเพื่อนของเขา กับทุกอย่างที่ได้ทำ หรือว่าวันนึงเขาต้องขับรถไป แล้วไปเจอคนที่อารมณ์แย่ที่สุดใส่เขา อ้อมก็อยากให้เขามีมุมมองที่ว่า เออ..ช่างมันไม่เป็นไร อยากให้เขาเป็นแนวนั้นเหมือนอ้อม และทุกวันนี้เขาก็เริ่มเป็นแล้วค่ะ เขามองเป็นเรื่องขำๆ 3 คนนี้เป็นเด็กฮาหมดเลยนะ เห็นในสมุดพกที่ครูเขียนมาคือ เป็นที่รักของครูและเพื่อนๆ แค่นี้อ้อมก็ดีใจแล้วค่ะ
นับเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการเลี้ยงลูกของคุณแม่คนบันเทิง ที่อาจจะไม่เหมือนใคร และสำหรับแฟนละครของสาวอ้อมก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไป ว่าเธอจะได้รับไฟเขียวจากคุณสามีให้มาเล่นละครอีกเมื่อไหร่

กุหลาบเงิน