ภูมิบ้านภูมิเมือง:‘วัดหงส์รัตนาราม’ วัดสมเด็จพระสังฆราชกรุงธนบุรี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/266614

ภูมิบ้านภูมิเมือง:‘วัดหงส์รัตนาราม’ วัดสมเด็จพระสังฆราชกรุงธนบุรี

ภูมิบ้านภูมิเมือง:‘วัดหงส์รัตนาราม’ วัดสมเด็จพระสังฆราชกรุงธนบุรี

วันอาทิตย์ ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

พระประธานวัดหงส์รัตนาราม

ลังจากจบการเสวนาวิชาการของสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์กรมศิลปากรเรื่อง ประวัติศาสตร์กรุงธนบุรีจากเอกสารของชาวต่างประเทศนั้น ได้มีการทัศนศึกษาเรียนรู้จากสถานที่จริงของประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขึ้น โดยเริ่มต้นที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดเก่าริมคลองบางกอกใหญ่ใกล้กับถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ วัดนี้มีมาแต่ครั้งสมัยอยุธยาเป็นวัดราษฎร์สร้างโดยเจ๊สัวหง หรือ เจ้าสัวหง เดิมเรียกว่า วัดเจ๊สัวหง ตามชื่อเศรษฐีชาวจีนผู้สร้าง มีเนื้อที่ ๔๖ ไร่ ๑ งาน ๒๓ ตารางวา ในจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๔ นั้นมีบันทึกไว้ว่า วัดเจ้าขรัวหง เล่ากันว่า จีนเจ๊สัวมั่งมี บ้านอยู่กะดีจีน สร้างขึ้นไว้แต่ในครั้งโน้น จีนที่มั่งมี คนเรียกว่า เจ้าขรัว สมัยกรุงธนบุรีวัดนี้มีชื่อว่า วัดหงส์อาวาสวิหาร ใน พ.ศ. ๒๓๑๔ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นที่หน้าพระอุโบสถหลังเก่าสมัยอยุธยา ทรงสร้างศาลาโรงธรรมขนาดเท่าพระอุโบสถไว้ตรงด้านหน้า ทรงสร้างกุฏิและเสนาสนะอื่นๆ ทั้งพระอาราม คงเลิกใช้อุโบสถเก่า ปี พ.ศ. ๒๓๓๓ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมขุนอินทรพิทักษ์ (เจ้าจุ้ย) ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จผนวชที่วัดนี้ ตลอดจนพระราชนิกูลและข้าราชบริพารล้วนแต่อุปสมบทที่วัดแห่งนี้เกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะสมเด็จพระอัครมเหสี (หอกลาง) กรมหลวงบาทบริจาสอน และพระเจ้าน้องนางเธอ กรมหลวงเทวินทร์สุดานั้นเสด็จบำเพ็ญกุศล ฟังเทศน์ ถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ประจำ วัดนี้เป็นวัดของสมเด็จพระสังฆราช (ชื่น) สมัยกรุงธนบุรีแต่ถูกปลดเมื่อปลายรัชกาล วัดนี้มีการชื่อเรียกต่างกันในรัชกาลที่ ๑ เรียกชื่อว่า วัดหงส์อาวาศบวรวิหาร รัชกาลที่ ๒ เรียกชื่อว่า วัดหงส์อาวาสวรวิหาร รัชกาลที่ ๓ เรียกว่า วัดหงสาราม รัชกาลที่ ๔ มีชื่อว่า วัดหงส์รัตนาราม ด้วยทรงเห็นว่าเป็นวัดที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรมพระศรีสุดารักษ์ (แก้ว) สมเด็จบรมราชอัยกีผู้เป็นพระบุพการีของพระบรมราชชนนี ผู้ทรงอุปถัมภ์และปฏิสังขรณ์วัดนี้มาในอดีต สุดท้ายในรัชกาลที่ ๖ ได้ประกาศชื่อว่า วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๘ มาจนถึงปัจจุบัน

พระพุทธรูปทองคำโบราณ

เมื่อครั้ง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ทรงพระยศ เป็น กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ และประทับยังพระราชวังเดิมนั้น ได้ทำให้พระราชวังเดิมมีฐานะเป็นพระบวรราชวังใหม่และอีกครั้งมีการประสูติเจ้าฟ้าจุฑามณีนั้นได้ระบุว่าเป็นพระที่นั่งข้างในหลังตะวันตกคือพระราชวังปากคลองบางกอกใหญ่ซึ่งอยู่ในกำแพงกรุงธนบุรีจึงทำให้วัดแห่งนี้ซึ่งอยู่ด้วยมีสร้อยนามเป็นวัดหงส์อาวาศบวรวิหาร พระอารามหลวง สำหรับชื่อ วัดหงสาราม นั้นมีการเรียกอยู่ในจดหมายเหตุหลายแห่งนั้นทำให้เชื่อว่าเดิมเรียกวัดหงสารามนี้มาแต่รัชกาลที่ ๑ เป็นการเรียกโดยไม่มีพิธีรีตองสำคัญอะไร จึงเรียกต่อกันมา ๓ รัชกาล ในรัชกาลที่ ๓ นั้น สมเด็จกรมพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ทรงรับปฏิสังขรณ์จากการทรงชักชวนของรัชกาลที่๓และทรงเกณฑ์ต่อให้เจ้าฟ้ามงกุฎ (รัชกาลที่ ๔) โดยให้รื้อพระอุโบสถเก่าแปลงปลูกเป็นวิหาร แต่พระองค์ไม่ทรงรับทำ จึงเป็นพระภาระของสมเด็จกรมพระศรีสุริเยนทรามาตย์แต่พระองค์เดียว ครั้งแรกนั้นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับพระราชภาระสร้างโรงธรรมตึกใหญ่ขึ้นใหม่ ครั้นเมื่อสมเด็จกรมพระศรีสุริเยนทรามาตย์สิ้นพระชนม์ การสร้างจึงยังไม่เสร็จ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงต้องทรงรับเป็นพระธุระทั้งพระอุโบสถ และพระวิหาร และสิ่งอื่นอีก จากหลักฐานประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๕ มีความตอนหนึ่งว่า วัดหงส์รัตนาราม วัดนี้ตามเดิมว่า วัดเจ้าขรัวหงส์ แล้วเปลี่ยนมาเป็น วัดหงสาราม สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินี ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ วัดเขมาภิรตาราม โปรดฯ ให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์วัดหงส์ฯ การยังไม่ทันเสร็จ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ จึงทรงปฏิสังขรณ์ต่อมาจนสำเร็จ วัดนี้เป็นวัดของพระสงฆ์ผู้รู้หลักนักปราชญ์ เป็นสำนักเรียนใหญ่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงอุปถัมภ์มาตลอดรัชสมัยของพระองค์แลหลังว่างพระราชกิจพระองค์มักเสด็จมานั่งวิปัสสนากรรมฐานในพระอุโบสถ นับว่าเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรือง และสวยงามวัดหนึ่งในกรุงธนบุรีที่น่าสนใจมาก

ภาพจิตรกรรมบนแคนวาส

ลวดลายดาวเพดาน

วัดหงส์รัตนาราม

สระน้ำมนต์ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชลงสรงประจำ

โบสถ์สร้าง พ.ศ. ๒๓๑๔

Leave a comment