ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/280865

Star Retro : ‘ไกรลาศ เกรียงไกร’ ไม่ยึดติดยศศักดิ์ รับได้ทุกบทบาท
ไกรลาศ เกรียงไกร มีภาพจำของแฟนละครส่วนใหญ่ ในบทบาทของ คนสวน คนขับรถ หรือแม้แต่คนใช้ ทั้งที่ในชีวิตจริง เขาคือ ผู้พันอี๊ด หรือ พันโทไกรลาศน์ ยวงใย นายทหารในวัย 67 ปี กับระยะเวลาเกือบ 40 ปี ในวงการบันเทิง เขาเป็นอยู่อย่างไร STAR RETRO จะพาไปเจาะลึกกันค่ะ
ก้าวสู่งานบนแผ่นฟิล์ม
ตอนนั้นอายุ 28 ปี ก็ต้องพูดตรงๆ ว่ารับราชการทหารอยู่ แล้วไปเจอว่าเขาจะเปิดหนังเรื่องใหม่ เรื่อง “เทพธิดาบาร์ 21” เป็นภาพยนตร์ไทยแนวมิวสิเคิลที่ออกฉายในปี พ.ศ.2521 กำกับโดย ยุทธนา มุกดาสนิท ผมก็ชวนเพื่อนไปสมัคร เผื่อได้ค่าเหล้า(หัวเราะ) ปรากฏว่าเราติดอยู่ในกลุ่ม 30 คนแล้วบุคลิกเราก็ได้ตรงตามตัวนำในเรื่องที่เขาต้องการ ผมเล่นเป็น คำสิงห์ หนุ่มบ้านนอกเข้ามากรุงเทพฯ ก็ได้บทนั้นมา เรียกว่าเข้าตากรรมการ หม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) คุณหง่าว(ยุทธนา มุกดาสนิท) ก็มาฝึกการแสดงขั้นพื้นฐานให้ทุกอย่าง

เส้นทางชีวิตผกผัน
ผมไม่ได้คิดหรอกว่าจากวันนั้นจะส่งผลให้ตัวเรามาได้ดีขนาดนี้ เนื่องจากว่าพอหนังฉายแล้ว เขาก็ส่งหนังเรื่องนี้เข้าประกวดด้วย ผมก็ได้รางวัลตุ๊กตาทองสาขานักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม ประจำปีพ.ศ. 2521 จากเรื่อง “เทพธิดาบาร์ 21” ส่วนพี่แดง(จันทรา ชัยนาม) ก็ได้รางวัลนักแสดงนำหญิงหนังได้รางวัล แต่ทำเงินไม่ได้ (หัวเราะ) หลังจากนั้นไฟว์สตาร์ก็ส่งเราใหญ่เลย มีหนังมีอะไรให้เล่น ก็ทำควบคู่กับการเป็นทหาร แล้วอีกรางวัลแห่งความภูมิใจคือเมื่อปีพ.ศ. 2529 ไปเล่นหนังเรื่อง “คำสิงห์”ของอาจารย์บรรจง โกศัลวัฒน์ เป็นผู้กำกับ ก็ได้รางวัล Asian Pacific Film Festival เป็นรางวัล Best Supporting Actor ก็ได้รางวัลมาสองครั้งซึ่งครั้งนี้ไม่ค่อยมีคนได้รู้เท่าไหร่
งานแสดงเริ่มกระทบงานประจำ
คิวถ่ายหนังเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็คิดแล้วว่า เฮ้ย..เราจะไหวไหม ก็คุยปรึกษากับนักแสดงรุ่นพี่เขาก็บอกว่าจะไปลาออกทำไม แล้วก็ไปเจอพี่ยุวดี ไทยหิรัญ เขาก็บอกว่าถ้าไม่มีงานแสดง ก็เป็นข้าราชการมีเงินเดือนนะ คนอื่นเขาไม่มีแบบเรานะ ก็คิดได้ทำตามที่หลายๆ คนแนะนำมา กลับมาย้อนคิดไปตอนนั้นที่จะลาออกก็คิดว่าโชคดีที่เชื่อผู้ใหญ่นะ เพราะงานการแสดง วงการบันเทิงก็ไม่แน่นอนมาง่ายไปง่าย ช่วงนั้นผมก็ทำควบคู่กันไป เรื่องคิวก็ขอกองถ่ายเป็นเสาร์-อาทิตย์ ดูช่วงเวลาที่เราพอจะได้หรือถ้าอันไหนจำเป็นต้องลางาน ก็ลางานประจำหาวิธีที่จะเอาตัวรอดให้ได้ เหมือนเป็นการเหยียบเรือสองแคมมาตลอด (หัวเราะ) ก็อยู่ตั้งแต่นายสิบจนเกษียณได้ยศพันโท

จากอยากลอง กลายเป็นรัก
ยอมรับว่าจากตอนแรกที่คิดแสดง เพราะอยากได้ค่าเหล้า แค่นั้นจริงๆ กลายเป็นว่าไปๆ มาๆ ชอบนะการแสดง ทุกอย่างกลายเป็นธรรมชาติการแสดงก็เหมือนการเล่นเป็นตัวเราเองธรรมดานี่แหละ ทำท่าทางไปตามบทบาทคาแร็กเตอร์ในแต่ละเรื่องที่ได้รับ เราไม่ได้เลียนแบบ หรือทำตามใครอยู่ที่การศึกษาบท ถึงทำให้เราได้รางวัลแรกในชีวิตตรงนั้นมา อย่างที่บอก เคยคิดจะลาออกจากงานราชงาน เพราะช่วงนั้นมีงานการแสดงเข้ามาเยอะมากจนตอนนี้ผมพูดได้เลยว่า ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะเงินจากการเล่นหนังเล่นละคร ที่ช่วยให้เราตั้งตัวได้
ผลงานประทับใจ
หนังเรื่องแรก “เทพธิดาบาร์ 21” ประทับใจมาก ที่เราสามารถเล่นเรื่องแรกแล้วทำให้คนดู กรรมการที่เขาส่งไปประกวด เห็นถึงความใหม่ของเราแล้วเล่นได้ขนาดนี้ ถือว่าภูมิใจมาก แจ้งเกิดให้เราเลยไม่น่าเชื่อเลยว่าเปลี่ยนชีวิตเราไปอีกแบบเลย ส่วนละครที่ชอบคือเรื่อง “แม่เอิบ” ปี 2528 ช่อง 5 เป็นของกันตนา กำกับโดย ฉลวย ศรีรัตนา
เล่นทุกช่องรับทุกบทบาท
คือก็มีคนเคยถามว่าผ่านการแสดงมากี่เรื่อง ผมก็จะตอบเสมอว่าเป็นร้อยกว่าเรื่อง เท่าที่จำได้ อย่างตอนนี้ที่จำได้ ถ่ายทำอยู่ก็มี สายธารหัวใจช่อง 3, หลงไฟ จีเอ็มเอ็ม 25, นเรศวรภาค 3ช่อง โมโน 29, Princess Hours รักวุ่นๆ เจ้าหญิงจอมจุ้น ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 มีเรื่อยๆ มาตลอดเพราะเราไม่ได้รับบทหลัก เป็นรับเชิญบ้าง

บุคลิกช่วยสร้างคุณค่า
คาแร็กเตอร์แบบเราไม่ค่อยเหมือนใคร บุคลิกแบบนี้ที่ต้องเล่นเป็น ไอ้หนุ่มบ้านนอก คนรับใช้ คนสวน ขับรถ มันก็ต้องเรา บทแบบนี้ก็จะได้เปรียบคนอื่น เพราะมีเกือบทุกเรื่อง ถ้าจะให้ผมไปเล่นบทอาเสี่ยใหญ่ๆ คงไม่ใช่ หน้าอย่างเราก็คงต้องอย่างงี้ตลอดแหละ ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนะ ผมโอเคได้ตังค์ (หัวเราะร่วน)
กฎเหล็กในการเลือกรับบท
ไม่เลือกครับ ซึ่งแรกๆ ตอนเข้ามาใหม่ๆ ทางคุณยุทธนา ทางทีมงานเขาก็จะแนะนำว่า คุณจะรับงานอะไรต้องดูนะ บทเป็นอย่างไร แต่ผมมาคิดเองได้พักหนึ่งว่าใครคนไหนที่เขาเข้ามาติดต่อเราให้ไปเล่นบทไหน บทนั้นต้องสำคัญนะ ถึงจะมีบทน้อย รับเชิญ หรืออะไรก็ตาม แสดงว่าเขาคิดมาก่อนแล้วล่ะว่าบทนี้สำคัญ ไม่งั้นเขาเอาใครก็ได้มาเล่น ไม่เห็นต้องเลือกเรา ฉะนั้นก็เลยพิจารณาตัวเองว่า เรามีความสำคัญสิเขาถึงต้องการเรา ไม่งั้นเขาก็ไม่เรียกมา ผมคิดในแง่ตัวเอง ผมก็เลยรับหมดทุกอย่าง ยิ่งทีมงานเก่าๆ พอเขาเอ่ยขอร้องให้เรามาเล่นก็ยิ่งต้องไป ช่วยทุกเรื่อง เต็มที่ทุกบทบาท
40 ปีกับความสุขในวงการบันเทิง
เราอยู่ด้วยความสนุกสนานครับ ถ้าเข้าใจกันและยอมรับว่าสภาพคนนี้เป็นแบบนี้นะ ก็ต้องทำใจ รู้ด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง มีสิ่งที่ต้องระวังคือควบคุมสติและสมาธิ เพราะผมเป็นคนค่อนข้างใจร้อน ก็ต้องข่มใจตัวเองให้ได้ เพราะถ้าเกิดเรื่องก็มีแต่เสียกับเสีย ก็ต้องระวัง ทำใจ
สถานะเหยียบเรือสองแคม
เราทำควบคู่กันไป ก็ยอมรับนะว่าเรามีงานในวงการบันเทิงควบกับงานราชการทุกอย่างก็ส่งเสริมตัวเรา ในวงการข้าราชการไปไหนก็จะมีคนทักทาย เฮ้ย..คนนี้เป็นดารานักแสดง ติดต่องานที่ไหนก็มีชื่อเสียงค่อนข้างจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้กับหน่วยงานที่เราอยู่ พอมาในกลุ่มเพื่อนวงการแสดงก็จะมีแนะนำว่าคนนี้เป็นทหารด้วยนะ รับราชการด้วยนะ ทำให้เราเป็นที่รู้จักทั้งสองฝ่าย

ตำแหน่งหน้าที่ในทางราชการ
ผมเริ่มจากเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก หลักสูตรสองปี รุ่นที่ 1 ปี 2511 ส่วนแรกเริ่มเลยก็จะเป็นตำแหน่งผู้ช่วยครูเกี่ยวกับด้านวิชาการต่างๆ จัดเตรียมตำรา พิมพ์ตำรา มีสอนเล็กน้อยเกี่ยวกับการเรียนลูกคิด ขยับขึ้นมาก็เป็นบริหารการเงินอยู่ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 713 จังหวัดลพบุรี ดูแลเรื่องการเงิน แล้วกลับมาเป็นผู้บังคับหมวดกองร้อยนักเรียนนายสิบ กองพันนักเรียน โรงเรียนทหารการเงินจากนั้นก็ขึ้นเป็นผู้บังคับกองร้อยนักเรียนนายสิบ แล้วก็เป็นรองผู้บังคับกองพัน แล้วก็ตำแหน่งสุดท้าย
ก็ไปเป็นหัวหน้าแผนกธุรการ กรมสารบรรณทหารบกผมเออรี่รีไทร์ก่อนกำหนดไปเมื่อตอนปี พ.ศ. 2552 ตอนนี้ก็เป็นข้าราชการบำนาญ แล้วก็รับเล่นละครไปเรื่อยๆ เท่าที่มีคนจ้างครับ
ชีวิตครอบครัว
ผมมีลูกสาวคนเดียว ส่งเขาจนจบปริญญาโทก็จากอาชีพตรงนี้แหละ ตอนนี้มีหลานกำลังน่ารักมากเป็นคุณตาแล้วครับ เลี้ยงเด็กก็เหนื่อยเหมือนกันนะ (หัวเราะ) เพราะเราก็ไม่ได้อายุน้อยๆ ปีนี้ 67 ปีแล้ว เด็กเดี๋ยวนี้แข็งแรง ลูกสาวเลี้ยงหลานตามนโยบายของคุณหมอทุกประการ กินนมแม่อย่างเดียว อุ้มไม่ไหวแล้ว แถมซนด้วย ช่วยกันเลี้ยงกับภรรยา หรือวันไหนว่างก็ช่วยธุรกิจเสริมของลูกสาว เขาเปิดเช่าชุดไทยกลุ่ม สำหรับเพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าวผมก็มีหน้าที่ช่วยส่งของเก็บคืน นิดหน่อย

บั้นปลายชีวิต
ผมคงอยู่วงการบันเทิงรับงานแสดงไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเลิกจ้าง แล้วก็อยากฝากถึงทีมงานผู้จัดให้หันมาดูคนเก่าแก่ เอาให้เขากลับมาได้มีบทบาทการแสดงบ้าง ตราบใดที่คุณลืมเขาไป เขาตกงาน ที่พูดแบบนี้ก็เพราะกลัวตัวเองถูกลืมเหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะเราเห็นบทเรียนมาแล้วว่ามีหลายคนที่ถูกหลงลืมไป ก็เลยกลัวว่ารุ่นเราจะโดนบ้างไหม ก็ฝากฝังกันไว้ครับ
เทคนิคอยู่ให้นานและเป็นที่รัก
คติของผมจะง่าย ทำตัวง่ายๆ ไม่ถือยศถือศักดิ์เป็นตัวของเราเอง เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไป ผมจะเป็นคนไม่ค่อยเรื่องมาก ทำตัวให้ดีกับกองถ่าย มาถึงให้ทันเวลานัดหมาย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเราก็ได้รับการอบรมมาดีจากหม่อมน้อย คุณยุทธนา เขาบอกเลยนะว่า ต้องมาถึงกองถ่ายก่อน แล้วบวกกับความเป็นทหารเก่าของเราก็ต้องมีระเบียบวินัย เลยทำให้เราอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
นี่คือบทพิสูจน์ของการเป็น “นักแสดงมืออาชีพ” ไม่ว่าจะเล่นบทไหน ก็สามารถแจ้งเกิดให้ตัวเองได้อย่างน่าภาคภูมิ
