ทำอย่างไร เมื่อพบ‘โลมา’เกยตื้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/267784

ทำอย่างไร เมื่อพบ‘โลมา’เกยตื้น

ทำอย่างไร เมื่อพบ‘โลมา’เกยตื้น

วันอาทิตย์ ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

วันนี้ผมมีเรื่องราวและข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับสัตว์น้ำประเภท “โลมา” จากทีมคุณหมอสัตว์น้ำมาฝากครับ จริงๆ แล้ว โลมา
ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับปลา (ที่อาศัยเหงือกในการหายใจ) แต่จะใช้ “ปอด” ในการหายใจเหมือนในคนและสุนัข ซึ่งโลมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในน้ำ (ในทะเลหรือมหาสมุทร) เช่นเดียวกับ “วาฬ” ดังนั้นเราจึงไม่ควรเรียก “ปลาโลมา” เหมือนที่หลายคนเข้าใจผิดกัน ควรเรียกว่า “โลมา” (เฉยๆ) เหมือนเรียกสัตว์ชนิดอื่นเช่น ช้าง หมี สุนัข ฯลฯ กันนะครับ

ในกรณีท่ีเราไปทะเลหรือชายหาด และพบเจอโลมาหรือวาฬป่วย หรือเกยตื้นแล้วละก็ เราควรทำอย่างไรดีล่ะ? กรอกน้ำดีไหม? ป้อนอาหารดีไหม? รีบผลักลงไปในน้ำลึกๆ เลยดีไหม?

การจะช่วยปฐมพยาบาล หรือดูแลโลมาเกยตื้นเบื้องต้น โดยที่ไม่ทำให้ได้รับอันตรายแก่สัตว์ ก่อนที่สัตวแพทย์สัตว์น้ำจะไปถืงที่เกิดเหตุนั้น เราควรทำและคำนึงถึงเรื่องต่างๆ ดังนี้ครับ

1.โลมาหายใจด้วย “ปอด” ต้องใช้ “อากาศ” หายใจ จึงห้ามจับกดให้จมลงในน้ำทั้งหัวเหมือนปลาเด็ดขาด มิฉะนั้นโลมาจะจมน้ำตาย

2.รูด้านบนของหัวโลมา  คือ “รูจมูก” นะครับ ไม่ใช่รูพ่นน้ำ (ในการ์ตูนมักจะเขียนผิด) น้ำท่ีเห็นพ่นออกมาคือน้ำที่ค้างอยู่บนแผ่นปิดรูจมูก โลมาจะได้ไม่หายใจเอาน้ำเข้าไปซึ่งจะทำให้สำลักครับ ดังนั้น “ห้าม!” เอาน้ำเทใส่ลงไปในรูเด็ดขาด หลายครั้งมากที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดว่าเป็นรูพ่นน้ำ เลยหยอดน้ำเข้าไป สุดท้ายเลยทำให้โลมาตาย

3.เนื่องจากผิวของโลมาเป็นผิวที่บอบบางมาก อย่าเอามือที่ใส่เครื่องประดับ หรือผ้าขนหนูหรืออะไรก็ตามไปถู เช็ด รุนแรง มากไป เพราะจะเป็นแผลถลอกและติดเชื้อตามมาได้

4.ควรใช้ผ้าเปียกคลุมเพื่อป้องกันแดดเผาและช่วยกางร่มให้เขาด้วย เพราะผิวของโลมาจะไหม้แดดเผาได้ง่าย ถ้าไม่ได้อยู่ในน้ำลึกๆ

5.อย่าส่งเสียงดังรบกวนโลมา ต้องช่วยปราม “ไทยมุง” ที่มุงดูด้วย เนื่องจากโดยปกติในทะเลจะสงบ  หากเสียงดังจะทำให้เขาเครียดได้

6.ถ้าจำเป็นจะต้องเคลื่อนย้าย ต้องหาเบาะมารองในการขนส่งด้วย เนื่องจากโดยปกติเมื่ออยู่ในน้ำ ซี่โครงโลมาไม่ต้องรับน้ำหนักมาก แต่เมื่อมาอยู่บนบกและต้องรับน้ำหนักตัว หากมีการกระแทก อาจทำให้กระดูกซี่โครงหักได้

7.รีบตามสัตวแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบให้เร็วที่สุด

8.อย่าพยายามเอาไปปล่อยน้ำลึกหรือน้ำที่เชี่ยวทันที โดยที่ยังไม่ตรวจก่อน เพราะส่วนใหญ่จะมาเกยตื้นเพราะป่วยหนัก การรีบปล่อยโดยไม่รักษาคือการเอาเขาไปตายให้พ้นสายตาครับ

9.ไม่ต้องพยายามเอาอาหารใดๆ ยัดใส่ปากเขาเป็นอันขาด รอให้สัตวแพทย์ตรวจและเป็นผู้พิจารณาดีกว่า

เราทราบกันดีว่า การพยายามช่วยชีวิตสัตว์ถือเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ แต่การช่วยเหลือนั้นต้องปฏิบัติให้ถูกวิธีด้วยมิฉะนั้นอาจกลายเป็นการฆ่าแบบไม่เจตนาได้นะครับ ขอขอบคุณรศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ จาก ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Leave a comment