เอสโอดี (SOD) รหัสลับ ยืดอายุ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/271469

เอสโอดี (SOD) รหัสลับ ยืดอายุ

เอสโอดี (SOD) รหัสลับ ยืดอายุ

วันอังคาร ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

มีความเชื่อกันมานานว่า “เต่า” เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึง “ปลาวาฬออร์ก้าในทวีปแอนตาร์กติก” ที่มีอายุขัย 200 ปี และ “ปลาสเตอร์เจียน” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่ามันสามารถมีอายุได้ถึง 150 ปี และเต่าเจ้าของสถิติโลกมีชื่อว่า
“แฮเรียน” มีอายุประมาณ 250 ปี แต่ล่าสุด คณะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนแซงหน้าแชมป์เก่าเหล่านี้ไปแล้ว นั่นคือหอยตลับน้ำลึก “Ocean Quahog” หรือหอยหมิง ที่ได้ชื่อนี้เพราะพบว่าหอยตัวนี้เกิดในปี ค.ศ. 1499 ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์หมิงเรืองอำนาจ โดยหอยหมิงตัวนี้มีอายุยืนถึง 507 ปี

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความลับของหอยที่มีอายุยืนยาวได้ขนาดนี้ มาจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “เอสโอดี” (SOD) Superoxide Dismutase ซึ่งเอสโอดีของหอยตลับน้ำลึกนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือลดปริมาณลงตลอดช่วงชีวิตหรืออายุขัยของมัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งและเป็นเหตุผลว่าทำไมหอยตลับชนิดนี้ถึงได้เป็นสปีชีส์ที่มีอายุยืนยาวที่สุด

ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงพยายามค้นหาวิธีที่จะเพิ่ม “เอสโอดี” ในร่างกายมนุษย์ เพื่อทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้น แข็งแรงขึ้น และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะทราบดีว่าเมื่ออายุมากขึ้น เซลล์และอวัยวะภายในร่างกายก็จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงจนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายแรงชนิดต่างๆ มากมายและเสียชีวิตในท้ายที่สุด

นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เผยว่า การค้นพบเอนไซม์ เอสโอดี (SOD) หรือ Superoxide Dismutase คือการปฏิวัติโฉมหน้าของการดูแลสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ความจริงเอนไซม์นี้มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งพืชและสัตว์ ในมนุษย์ก็มีเอนไซม์ชนิดนี้อยู่ในร่างกายของเราตั้งแต่แรกเกิด แต่จะมีปริมาณลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเรามีอายุ 25 ปีขึ้นไป และจะน้อยลงต่อเนื่องจนกระทั่งสิ้นอายุขัย

จุดนี้เองเมื่อเอนไซม์ เอสโอดี ลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระลดลง ส่งผลทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมลง อวัยวะภายในเสื่อมประสิทธิภาพเกิดโรคเสื่อมของร่างกาย (Degenerative disease) ขึ้น เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต เป็นต้น รวมถึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ทำให้เกิดโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยมากที่สุด นั่นก็คือ โรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังส่งผลถึงภายนอก เช่น ผิวหนัง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ แลดูสูงกว่าวัย

นายแพทย์สิทธวีร์ อธิบายเพิ่มเติมว่า อนุมูลอิสระมีหลากหลายชนิด บางชนิดทำลายในระดับเซลล์ บางชนิดทำลายลึกถึงระดับ DNA ภายในเซลล์ จนเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์เป็นเนื้อร้ายและเซลล์มะเร็ง โดยอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมลงมาจากหลายสาเหตุ ทั้งมลพิษต่างๆ รอบตัวเรา สารปนเปื้อนในอาหารที่บริโภค รวมถึงความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

เราทราบกันดีว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการชะลอความเสื่อมของร่างกายได้แก่ วิตามิน C วิตามิน E และที่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับปานกลาง เช่น CoQ10 แต่ที่มีประสิทธิภาพขั้นสูงสุดคือ เอนไซม์ เอสโอดี (SOD) โดยหลักการทำงานของเอนไซม์นี้ จัดอยู่ในกลุ่มของ Primary
Antioxidant ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ลึกถึงระดับ DNA ภายในเซลล์ นับว่าเป็นการย้อนวัยเซลล์ในร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงและเป็นมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและมีอายุที่ยืนยาวอีกด้วย

แล้วเราจะมีวิธีการเพิ่มเอนไซม์ เอสโอดี ในร่างกายให้มากขึ้นได้อย่างไร นพ.สิทธวีร์ กล่าวว่า ณ ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์สามารถสกัดเอนไซม์นี้ได้จากผักและผลไม้จากธรรมชาติ ร่วมกับการใช้โปรไบโอติกส์ (แบคทีเรีย) บ่มร่วมกันเป็นเวลา 180 วัน (Biosymbiotic Culture Technology) จนได้เอนไซม์ เอสโอดี (SOD) สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบันนี้

นายแพทย์สิทธวีร์กล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปมาก จนทำให้การดูแลรักษาสุขภาพให้มีความสมบูรณ์และสมดุลเป็นเรื่องยากมากขึ้น แต่เราต้องไม่ลืมว่า “ธรรมชาติ” กับ “มนุษย์” นั้นมีความสัมพันธ์ต่อกันตั้งแต่เกิดจนตาย ดังนั้น การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการใช้อาหารเป็นยาจึงเป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่ควรมองข้าม อย่าลืมว่า “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” เริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป

Leave a comment