Star Retro : ‘สุชีลา ธนภูวไนย’ มือปั้น พระ-นาง และละครดัง นับร้อยเรื่อง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/284606

Star Retro : ‘สุชีลา ธนภูวไนย’ มือปั้น พระ-นาง และละครดัง นับร้อยเรื่อง

Star Retro : ‘สุชีลา ธนภูวไนย’ มือปั้น พระ-นาง และละครดัง นับร้อยเรื่อง

วันอาทิตย์ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังผลงานคุณภาพมากมายของ ค่ายกันตนา ในยุคของ “คุณพ่อประดิษฐ์กัลย์จาฤก” แน่นอนว่าต้องยกให้กับ “สุชีลา ธนภูวไนย”หรือชื่อปัจจุบัน “ศรีพัชรินทร์ ธนภูวไนย” พี่สุหรือแม่สุ ที่เหล่านักแสดงต่างเรียกขาน แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้อยู่ใต้ชายคาบ้านหลังเดิม แต่เธอยังคงสานต่องานละครที่รัก สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้จึงขอพาย้อนวันวาน ทำความรู้จักผู้หญิงเก่งท่านนี้

บทบาทหน้าที่ในปัจจุบัน

ทำละครอยู่กับค่าย นีโน่ บราเดอร์ส ค่ะ ต้องขอเท้าความก่อนว่า เมื่อก่อนเราเป็นคนปั้น “นีโน่” (เมทนีบุรณศิริ) ครั้งแรกที่ไปเจอโน่ในโฆษณาเหล้าชนิดหนึ่ง แล้วก็เห็นว่าเหมาะกับละครของเรา หลังจากเรื่องนั้นก็ดังเลย แล้วตอนนี้ โน่ เขามาทำละครเป็นผู้จัด เริ่มจากทำละครเย็น พอขยับมาทำละครหลังข่าว เขาก็ชวนเรามา ตอนนั้นเพิ่งทำเรื่อง “ห้องหุ่น” ของกันตนา เอฟโวลูชั่นจบพอดี น้องโน่ก็บอกว่าไหนๆ ก็ปั้นผมมาแล้ว ก็ช่วยให้น้องไปต่ออีกได้ไหม เราก็เห็นว่าน้องไม่มีใคร ก็มาช่วยในตำแหน่ง executive producer ดูเรื่องการเงิน เป็น MD แล้วก็เป็น producer หาทีมงานเข้ามาทำ “พริ้งคนเริงเมือง”เซตทีมงาน ใครพอจะรู้จักก็ชักชวนกันมา แล้วก็ออกกอง นั่งอยู่ข้างหลัง “พี่บุ๋ม” (รัญญา ศิยานนท์) และล่าสุดกับละครเรื่อง “ระบำมาร” ที่เพิ่งเปิดกล้องไปค่ะ

ร่วมงานกับนีโน่ในอีกรูปแบบ

รู้สึกดีนะคะ เพราะว่าโน่เป็นคนน่ารักอยู่แล้ว “น้องหนิง”(ปณิตา ธรรมวัฒนะ) ก็เหมือนเป็นลูกสาว เพราะเรามีแต่ลูกชายสองคน เขาก็จะดูแลเราในเรื่องอาหารการกิน โน่เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษา และที่อยากจะบอกคือเฟอร์นิเจอร์ส่วนมากในเรื่อง จะมีช่วงหนึ่งที่พี่สุกับพี่โน่ไปลงมือแต่งฉากเอง (ยิ้ม) เป็นพร็อบแมน คือร่วมงานกับโน่แล้วดีค่ะ เหมือนแท็กทีม ไม่ได้แยกว่าอันนี้หน้าที่ใครจะช่วยกัน น้องหนิงก็จะแผนกเสบียง ความอบอุ่นที่รู้สึกได้เป็นครอบครัวไม่เล็กแล้วก็ไม่ใหญ่ แต่ความอบอุ่นมีครบ เหนื่อยนะ แต่สุขใจ แล้วข้อสำคัญ เราสามารถที่จะพูดตรงๆ แล้วก็เตือนกันได้ เราจะบอกเสมอว่าเราไม่ใช่คนเก่ง ถึงแม้จะทำอะไรดี แต่คนเรามีด้านมืดด้านขาว ไม่ใช่ว่าอายุมากที่สุดแล้ว จะเตือนไม่ได้บอกไม่ได้ ทุกคนจะยอมรับในความคิดของกันและกัน แล้วเอามาจอยกัน แล้วเอาสิ่งที่ถูกแก้ไขแล้วออกมาทำงาน อันนี้คือสิ่งที่แฮปปี้ที่สุด

ด้วยประสบการณ์ที่สะสมมายาวนาน

ทำทั้งหนังและละครตั้งแต่ปี 2523 จนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 37 ปี ตอนนั้นแต่งงานเร็ว อายุ 20 กว่าๆ เรียนจบก็แต่งเลย (กับอดีตสามี จาฤก กัลย์จาฤก) แต่เอาจริงๆ เลยนะคะ เราไม่ได้มีใจมาทางด้านบันเทิงแต่แรกเพราะเรียนด้านบัญชีมา คุณแม่เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันอยู่บางพลัด พอกลับจากมหาวิทยาลัยก็จะเช็คสต๊อกให้แม่ จดหัวจ่ายตัวเลข ว่าวันนี้ขายไปเท่าไหร่ เสาร์-อาทิตย์ก็ไปตีเทนนิส ชอบบัญชีด้วย แต่พอแต่งงานก็เปลี่ยนชีวิต เคยนอนตื่นสาย ก็ต้องตื่นตี 5 แต่ข้อดีของเราคือชอบอ่านหนังสือนิยายตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย นั่งอ่านจนตี 1 ตี 2 จนแม่บอกว่านอนได้แล้ว ก็เลยเหมือนจะมีเรื่องราวความเป็นละครอยู่ในหัวอยู่แล้ว

ก้าวสู่สะใภ้กันตนา

เริ่มแรกที่ได้ทำคือ เล่นละคร เล่นเป็นนางเอก ช่อง 5 เล่นสดไม่มีเทป ละครเรื่อง “บ้า” ซึ่งก็บ้าจริงๆ (หัวเราะ) คือ “คุณพ่อประดิษฐ์ กัลย์จาฤก” เล่นด้วย มี “แม่แดง” (รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง) พระเอกคนแรกของพี่คือ “เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์”ในเรื่องเราเข้าไปอยู่บ้านแล้วไม่รู้ว่าในบ้านเป็นคนบ้าหมด ที่ได้เป็นนางเอก เพราะคุณพ่อบอกว่าหน้าตาดี ตอนนั้นการแสดงก็ไม่ได้เรียน ซึ่งยากสุดๆ ก็เลยจะรักคุณพ่อประดิษฐ์มาก เท่ากับคุณพ่อเราเลยค่ะ เพราะว่าเป็นครูเป็นอาจารย์คนแรกที่สอนเรา (ร้องไห้) แล้วก็เอาเราไปเล่นละคร พอจบแล้ว คุณพ่อจะให้เล่นอีก เราก็แบบไม่ชอบเลย เราจะเห็นเบื้องหลัง เขาทำงานกัน มีปัญหาเขาจัดการ เราชอบได้แก้ปัญหา ได้ใช้สมองแบบว่าได้วิ่งแก้ปัญหา กลายเป็นว่าเราชอบเบื้องหลังตรงนั้นมากกว่า (คุณพ่อประดิษฐ์อนุญาตไหม ?) เอาจริงๆ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน เวลาคุณพ่อประดิษฐ์ไปที่ปั๊มน้ำมันไปล้างรถ ท่านก็จะจีบเรากับคุณแม่ เพื่อขอให้มาเล่นละคร แล้วลูกชาย (จาฤก กัลย์จาฤก) ก็ไปด้วย เราก็เอ๊ะทำไมมาล้างรถบ่อยจัง กลับจากตีเทนนิสก็มาเจอ ตอนนั้นไม่รู้ว่าท่านมาชวนเราไปเล่นละคร

เริ่มงานเบื้องหลัง กับทุกตำแหน่ง

ตอนนั้นน้องๆ ทุกคนยังเรียนหนังสือกันอยู่เราเข้าไปงานแรกเลยคือไปอัดละครวิทยุกับคุณพ่อ แต่ทำนิดหน่อยค่ะ เรื่องระฆังผี, ตุ๊กแกผี ตอนนั้นวงการทีวีก็เริ่มเปลี่ยน สื่อดิจิตอลเริ่มมาไม่ต้องไปถ่ายแบบสดๆ แล้วมีการอัดเทปเบต้า แล้วก็จะมีโปรเจกท์กับทางช่อง 5 คุณพ่อก็เลยฝึกเราตั้งแต่นั้นว่าต้องมาทำละคร การทำละครก็จะมีหาสถานที่ หาตัวแสดง ทำคิว นัดตัวแสดง จ่ายเงิน ทำหมดเลยในเรื่องเดียว หาโฆษณาเองด้วยค่ะ เพราะต้องซื้อเวลาสถานี ก็ต้องหาค่าโฆษณามาจุนเจือ เราเข้าใจนะเพราะว่าคุณพ่อจะสอนให้เราแบบว่า จากคุณหนูนอนตื่นสาย แต่บังเอิญคุณพ่อก็เป็นคนที่ให้กำลังใจเราเสมอ อันไหนไม่ได้ก็จะช่วย อันไหนจะต้องแก้ปัญหาแบบไหนยังไง เราก็โอเค จำได้ ตอนนั้นถ่ายบาปบริสุทธิ์ ไปถ่ายที่โรงเรียน เราร้องไห้หนักมาก กลัวว่าจะไม่ได้ถ่ายอีก เพราะเวลาตัวประกอบตัวหลักเข้าห้องน้ำไป ก็จะทิ้งทิชชู่ไว้ เราต้องไปคอยเก็บ เก็บไปร้องไห้ไป เพราะกลัวว่าถ้าเขามาเห็นสภาพแบบนี้ เดี๋ยวเขาไม่ให้ถ่ายอีก เก็บกวาดทุกสิ่งอย่าง น้ำตาร่วงไป หยิบไป พอเก็บเสร็จล้างหน้าล้างตาออกมาก็หาย รู้สึกว่าท้อบ้างกับภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ ถือว่าฝึกความอดทนเราได้ดีมากเลย พอน้องทุกคนเรียนจบคุณพ่อประดิษฐ์ก็เริ่มกระจายงานให้ แล้วก็จ้างคนมามากขึ้น พูดได้เลยว่าสมัยก่อนจะไม่ค่อยมีบุคลากรด้านนี้เยอะ ก็เลยเลือกคนในครอบครัวกันก่อน

จุดเริ่มต้นการเป็นแมวมอง

เมื่อก่อนมีละครเรื่อง “สวนทางเถื่อน” เราก็จะมีความรู้สึกว่าตอนนั้นนิเทศศาสตร์เป็นอะไรที่เฟื่องฟูก็จะไปนั่งใต้ต้นไม้คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองไปว่าเออคนนี้สวยนะ แต่รูปร่างไม่ดีคนนี้รูปร่างดี หน้าไม่สวย แต่มีคนหนึ่งเดินมา “น้องแหวน”(ฐิติมา สุตสุนทร) นางจะปลดกระดุมเม็ดหนึ่ง สะดุดตาปึ้งใช่เลย ก็เลยเข้าไปคุยว่าอยากเล่นละครไหม เข้าไปแนะนำตัวว่าพี่มาจากกันตนา แล้วตอนนั้นดาราไม่ค่อยจะมี ก็ต้องหากันแบบนี้ น้องแหวนเล่นละครที่ช่อง 5 ก่อนถึงไปเป็นนักร้อง ก่อนหน้านั้นก็เคยปั้น “จอนนี่ แอนโฟเน่”ไปเจอเขาตอนเป็นนักร้องวงแกรนด์เอ็กซ์ เราเห็นเขา โอ้โห..โคตรหล่อเลย แต่ร้องเพลงก็พอได้ (หัวเราะ) แต่ฉันอยากใช้ความหล่อของเธอมาแสดงละคร น่าจะเหมาะ น่าจะรุ่ง ก็เลยชวนเขามาเล่น เรื่องแรกเลย“บ้านทรายทอง” เป็นแบบตอนสั้นๆ จบในตอน เล่นเป็นชายกลาง เป็นคุณชายหล่อมากใส่สูท เรียกชายหันแต่คอเล่นเป็นหุ่นยนต์มาก (หัวเราะร่วน) แต่พอสอนพอบอกเขาแล้ว เขาเป็นคนที่เรียนรู้เร็วนะคะ มีความพัฒนาไวมาก หลังจากนั้นก็พาจอนนี่ไปเรียนการแสดง 20 ชั่วโมงแล้วเขาก็ไปได้อย่างรวดเร็ว ต่อมาจะให้มาเล่นเรื่อง“ผู้การเรือเร่” นางเอกก็ไม่มี ก็ไปเจอ “แอน-นิออนอิรสา” ในหนังสือวัยน่ารัก เราก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมกันมาก สมัยนั้นยังไม่มีคู่ขวัญลูกครึ่ง พอมาประกบคู่กันก็ดังเลย ก็เป็นความภูมิใจของเรา และกันตนาก็เป็นเหมือนโรงเรียนสร้างคนให้เป็นดารานักแสดง หลังจากนั้นก็ไปเรื่อยๆ (ยิ้ม) นั่งซุ่มตรงนั้นตรงนี้เป็นแมวมองเพื่อหาเด็กเข้าสังกัด “โชคชัย เจริญสุข” ก็มาเล่นละครก่อนได้ไปเป็นนักร้อง “โก้-คุณากร เกิดพันธุ์”, “ไก่-สุปราณี”,“แคทรียา อิงลิช”, “แอน ทองประสม”, “สายฟ้า เศรษฐบุตร”,“แจ๊บ-เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล”,“เหมียว-ชไมพร จตุรภุช”,“น้ำฝน-บุณฑริก ทัสนารมย์”, “ต้น-ตระการ พันธุมเลิศรุจี”,“แก้ว-กวินนา” และอีกมากมาย

รวมผลงานที่ทำมา และที่ประทับใจ

เป็น 100 กว่าเรื่องค่ะ เพราะทำเป็นโปรไฟล์ไว้ว่าปีนี้ทำเรื่องอะไรบ้าง แล้วในเรื่องหนึ่งก็ไม่ได้ทำแค่ตำแหน่งเดียว ในช่วงแรก ซึ่งคนยังไม่มีนะคะ เป็นคนเดียว และทำทุกหน้าที่ เรื่องที่ประทับใจ ก็มีหลายเรื่องเช่น “สุสานคนเป็น” รุ่นแรกเลย “อนุสรณ์ เดชะปัญญา”,“เมตตา รุ่งรัตน์” ถ่ายเช้ายันเช้า “ทายาทอสูร” รุ่น “เหมียว-ชไมพร” ซึ่งเล่นดีมาก ก็ประทับใจทุกเรื่องนะ เพราะเราทุ่มเททำด้วยใจทั้งหมด อย่าง “ห้องหุ่น” เวอร์ชั่นล่าสุดก็อยู่กันตี 2 ตี 3 ในป่าในดงก็ประทับใจ อยู่ในวงการบันเทิงเกือบๆ 40 ปี ทำละครรีเมคที่ตัวเองเคยทำมาแล้ว 3-4 รอบ “สุสานคนเป็น” 3 รอบแล้วนะคะ ทำกับทางกันตนาอยู่ 20 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในแวดวง มาทำกับบริษัทของลูกชาย “เต๊นท์” (กัลป์ กัลย์จาฤก) บริษัทกันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส ซึ่งลูกก็จะเป็นบอสเรา บางทีจะเถียงกับลูก แต่สรุปจบเราจะไม่โกรธกันข้ามวัน ลูกก็จะบอกว่าจะเถียงกันทำไมให้เหนื่อย แล้วก็มานั่งคุยกันด้วยเหตุผล พอเราบอกไปเขาก็เข้าใจ ลูกเราทันสมัยเราก็ขอบคุณเขา ที่เราอยู่ในยุคของลูก เราก็จะได้ความรู้ที่ทันสมัย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของแต่ละยุค จะไม่โบราณไม่ยึดติดกับเดิมๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิตอลที่ตอนนี้ไปไหนต่อไหนแล้ว

ปลูกฝังงานบันเทิงให้ลูกๆอย่างไร

“เต้” (ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก) กับ เต๊นท์เหมือนเขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างที่บอก น้องเต้ไปกองถ่ายกับเราตั้งแต่เล็กอยู่แล้ว ถ้าเราไม่เอาไปเอง คุณปู่ก็จะหอบเอาไป ทุกคนผูกพันตั้งแต่เกิด เพียงแค่ว่าเขาจะมาด้านไหน มุมไหนของงาน อย่างน้องเต้คนโตก็ทำ The Face Thailand เขาออกแนวต่างประเทศ เจรจาอะไรก็จะสำเร็จไปกับคุณพ่อของลูก ส่วนคนเล็กก็จะติสท์นิดนึง
ทำหนังก็จะขอดาร์คไว้ก่อน จนบางทีเราบอกว่า เต๊นท์เอาตังค์บ้างก็ได้นะลูก (ยิ้ม) เอาใจวัยรุ่นบ้าง

ความภูมิใจในฐานะคุณแม่

มากค่ะ ตอนนี้ได้เห็นเขาเติบโตแล้วก็สบายใจ ไม่ต้องมาเป็นแบ๊กอัพ เขาก็สามารถอยู่ได้ด้วยความสามารถและตัวของเขาเอง อันนี้ไม่ได้อวยนะคะ จากเล็กๆแล้วเขาก็เติบโตมาเป็นสเต็ป คนโตอยู่ในระดับผู้บริหารแล้ว คนเล็กก็จะอยู่ในส่วนบริหาร กันตนา โมชั่น พิคเจอร์สที่แยกออกมา เป็นตัวลูก เขาก็บริหารได้ดี หาเงินมาเลี้ยงลูกน้องเดือนหนึ่งก็หลายแสน และเขามีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูกที่น่ารัก ไม่ห่วงแล้วค่ะตอนนี้ ชิลมากคุณแม่ก็เป็นฟรีแลนด์รับจ๊อบได้นะคะ (หัวเราะ) ทำให้คนอื่น และทำงานให้ลูกได้ด้วยเช่นกัน

บทบาทการเป็นคุณย่า

มีหลานชายค่ะ 2 คน “น้องตน” กับ “น้องตู” ย่าก็จะค่อนข้างหลงหลาน (หัวเราะ) ถ้าทำงานอยู่แถวรัชดา มีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะวิ่งจากออฟฟิศไปเล่นกับหลาน แล้วก็วิ่งกลับเข้ามาใหม่ เขาเริ่มพูดแล้ว เวลาเฟสไทม์มา ก็จะขอขนมในโทรศัพท์ ย่าขอขนมปัง เขาชอบทานขนมปังไส้กรอก เราก็จะซื้อไปฝาก ชื่นใจค่ะต่อให้งานค้างอะไร ก็จะซื้อขนมวิ่งเอาไปให้หลาน นี่คือความสุขของคนเป็นย่า คือถามว่าใช้ชีวิตคุ้มหรือยังบอกเลยว่าคุ้มมากๆ (เน้นเสียง) ถ้าตอนนี้จะต้องเป็นอะไรไม่เสียดายเลย กับการทำงานที่อเมซิ่งจริงๆ มันแบบโอ้ยเหนื่อยกับงานแต่มีความสุข มันมาหยุดในกระแสเลือดเรา เหมือนกับว่าคุณพ่อประดิษฐ์ท่านปลูกฝัง แล้วเราได้มาเต็มๆ เป็นสิ่งที่เรารักไปเลย สำหรับงานเบื้องหลัง ฉะนั้นถ้าใครมาถามว่าเรารักใครมาก ต่อจากพ่อเราก็คือ คุณพ่อประดิษฐ์ (น้ำตาคลอ)

ยังคงสร้างสรรค์งานเบื้องหลังต่อไป

ทำไปเรื่อยๆ แต่ลูกบางทีเขาเห็นเราเหนื่อย เขาก็บอกว่าแม่จะทำทำไม หยุดได้แล้วไหม เราก็จะแบบว่า ไม่ กลัวสมองฝ่อ
ประมาณว่าเป็นคนแก่ที่ทำอะไรไม่ได้ น้ำลายยืดจำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เราก็อายุ 62 ปีแล้ว แต่ก็ต้องใช้สมองนะคะถึงจะ Alert ตัดต่ออะไรยังไง เอาตรงไหน ไม่เอาตรงไหน คือโชคดีที่ว่าเราอยู่กับโพสของอันโน้น ก็เลยรู้กระบวนการ รู้การตัดต่อ ช่องก็คอนเน็กกับเราตลอด ขอไฮไลท์ ไฟล์เสียงอันนี้ไม่ได้ คือด้วยความที่เรามีประสบการณ์รู้ทุกสิ่งอย่าง พอใครมีอะไรก็จะเรียกปรึกษาหาเรา รวมทั้งทางช่องด้วย ก็คงทำงานในวงการเบื้องหลังไปเรื่อยๆ ทำอะไรได้ก็ทำ มีหลายที่ อยากจะให้ไปทำ แต่เราก็ยังไม่ไป เพราะอยู่บริษัทนี้นีโน่บราเดอร์ส อบอุ่นจริงๆ เป็นครอบครัวที่ไม่ใหญ่มากสามารถดูแลใจซึ่งกันและกันได้จริงๆ นะคะ อันนี้สำคัญ อย่างองค์กรใหญ่ๆ มันไม่อบอุ่นนะ บางทีคุยกันยาก เป็นขั้นตอนกว่าจะไปถึง แต่อันนี้แป๊บเดียวรู้เรื่อง

ด้านสุขภาพร่างกาย

บอกเลยว่าไม่ได้ทานอะไรพิเศษ ลูกก็แอบเป็นห่วงว่าทำไมแม่นอนดึก บางทีอยู่ห้องตัดต่อถึงตี 3 วิ่งไปห้องเสียงอีก กว่าจะเสร็จออกมาฟ้าสาง กลับบ้านไม่ถูกเลยค่ะ หนักมาก2 อาทิตย์แรก ก่อนที่ “พริ้งคนเริงเมือง”ออนแอร์ 7 โมงกลับบ้าน พักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่ แต่เราก็ชินนะ เราไม่อยากให้งานออกไปไม่ดี ผู้จัดน้องหนิงกับน้องโน่ เขาตั้งใจขนาดนี้แล้ว เราก็ต้องดับเบิ้ล ตอนนี้ก็เริ่มงานเรื่องใหม่ “ระบำมาร” ต่อเลย

มุมชีวิตที่สงบ

คือจะชอบไปปฏิบัติธรรมค่ะ จะมีช่วงที่ปิดละครแล้วเราก็ขอ 7 วันไปปฏิบัติเลยค่ะ ปิดโทรศัพท์ ละทางโลกทั้งหมด อย่างเช่น วัดป่ามะไฟ จ.ปราจีนบุรี มีแต่ต้นไม้ ป่า เขา เป็นที่ให้เราไปชาร์จแบต บางทีเราไปเจออะไรมา เราอยากจะปรี๊ด ทำไมๆ ต้องมีคำถามอยู่ตลอด บางทีโกรธเขาไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีเดินออกไปก่อน แล้วพูดว่า เฮ้ย..มันไม่ใช่ความผิดเขาหรือเปล่า ทำไมเราไม่แก้ที่ตัวเรา ก่อนวันที่ถ่ายละครจะไปทุกครั้ง การมีธรรมะก็ดีนะคะ เราคุยกับตัวเองได้ เดินออกไปก่อน อาจจะเป็นกิโลก็ได้ แล้วก็ต้องหันมาดูตัวเอง ขากลับหายปรี๊ดเดินกลับมาร้อนแดดตอนเดินไปไม่รู้เลยว่ามันร้อน(หัวเราะ)นี่แหละธรรม เอามาใช้ในการทำงาน หรือการดำเนินชีวิตได้นะคะ จนบางทีหนิงยังบอกเลย ทำไมไม่เป็นแบบแม่สุคนเก่าที่ลุยเลย เราก็แบบไม่ลูก ทำให้เราเสียสติ จริตที่ออกมาก็ไม่งาม แถมมันผิดศีล 5 ไม่รู้นะ การรักษาศีล 5 ในความเชื่อคือทำไม่ต้องครบทุกข้อ แต่อะไรละได้ก็ละมีช่วงหนึ่งที่แบบโกนศีรษะเข้าวัด อันนั้นสุขใจที่สุด ได้บวชชีเลย 9 วัน ถ้าไม่ติดเรื่องงานก็อาจจะยาวเลย สักเดือนหนึ่งคือมันสงบจริงๆ ตื่นตี 3 ทำวัตรเช้า เดินสมาธิ ทำสมาธิ เสร็จ บ่ายสมาธิ เย็น ทำวัตรเย็น จนหมดภารกิจ

ความในใจถึงกันตนา คุณพ่อประดิษฐ์-คุณแม่สมสุข กัลย์จาฤก

ก็ต้องขอบคุณนะคะ คุณพ่อประดิษฐ์ คุณแม่สมสุข เป็นที่สุด ถ้าเราจะได้เกิดหรือไม่ได้เกิดในวงการตรงนี้ ท่านก็ปั้นเรามา เฉกเช่นเดียวกับที่เราปั้นดารา เราเกิดในวงการได้ แล้วก็รู้ว่ามันเป็นมหาวิทยาลัยชีวิต เจอผู้คนมากมายให้เราได้ศึกษา คือเป็นครูบาอาจารย์คนแรกของเราที่ประสิทธิ์ประสาทวิชานี้ในด้านของการทำบันเทิง ซึ่งเฉพาะตัวเราเอง คงหาที่ไหนไม่ได้ ก็ต้องขอบคุณนักแสดง ทีมงาน ที่ทำให้เราแกร่งขึ้น รู้อะไรมากขึ้น แล้วเราจะต้องพัฒนาตัวเราเองไปในแต่ละยุคสมัยให้ทัน เพราะเราก็อยู่ตั้งแต่สมัยเทคโนโลยีไม่ได้มีขนาดนี้ ก็ได้เห็นวิวัฒนาการความเปลี่ยนแปลงของวงการทีวีมาตลอด แล้วเราก็ต้องวิ่งตามเขาให้ทันด้วย ถามว่าล้ำไหมก็อาจจะไม่ได้ล้ำ ถ้าล้ำคงเป็นรุ่นลูกแล้วค่ะ(หัวเราะ) อย่างน้อยเราก็ไม่ตกเทรนด์ ทั้ง 2 ท่านมีพระคุณจริงๆ ที่อยู่ในครอบครัวนี้ ทุกวันนี้ก็ยังสำนึกในบุญคุณอยู่นะคะ ทุกครั้งที่เข้าไปหาหลานก็เข้าไปกราบสวัสดีคุณย่า ถึงคุณปู่ไม่อยู่ เทศกาลต่างๆ สงกรานต์ งานอะไรก็เอาพวงมาลัยไปกราบเท้า ขอบคุณที่ดูแลหลานอย่างดีทุกครั้งค่ะ

และนี่ก็คือเรื่องราวอีกแง่มุมชีวิต ที่น้อยคนนักจะรู้ ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า ต้องขอขอบพระคุณ คุณสุชีลาที่ให้เกียรติเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ให้แฟนๆ ได้ทราบกันค่ะ

กุหลาบสีเงิน

Leave a comment