5ปี..ชีวิตในนรกกลางทะเล เปิดใจ‘อดีตทาสบนเรือประมง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/273213

5ปี..ชีวิตในนรกกลางทะเล เปิดใจ‘อดีตทาสบนเรือประมง’

5ปี..ชีวิตในนรกกลางทะเล เปิดใจ‘อดีตทาสบนเรือประมง’

วันศุกร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

แรงงานทาส-ค้ามนุษย์..ประเด็นใหญ่ที่นานาชาติจับตามอง อาทิ หลักเกณฑ์ IUU Fishing ของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) และการจัดอันดับ Tier ต่างๆ โดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้ง 2 เป็นลูกค้าหลักของอุตสาหกรรมประมงไทย ทำให้รัฐบาลโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องจัดการปัญหาการใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมายบนเรือประมงอย่างเร่งด่วน มีการใช้อำนาจพิเศษ “มาตรา 44” ออกประกาศคำสั่งไปหลายฉบับ จนชาวโลกมองไทยในแง่ดีขึ้น เช่น สหรัฐ ปรับอันดับจากต่ำสุดคือ Tier3 ขึ้นมาอยู่ที่ Tier 2.5 เป็นต้น

ในมุมหนึ่ง..อาจจะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างว่า “ทำไมไทยต้องเอาใจต่างชาติ?” ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่า ผู้คนในโลกตะวันตกที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ถือ “สิทธิมนุษยชน” (Human Rights) เป็นค่านิยมหลัก และการใช้แรงงานบังคับถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง ดังนั้นหากไทยยังทำกิจการที่หมิ่นเหม่ต่อเรื่องดังกล่าว ประเทศเหล่านั้นอาจไม่ซื้อสินค้าจากไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้

..และไม่เพียงเท่านั้น เพราะหากยึดหลัก “เอาใจเขาใส่ใจเรา” แล้ว คงไม่มีใครอยากให้ตนเองหรือคนที่ตนรัก ต้องไป “เผชิญชะตากรรมโหดร้าย” เช่นนั้นเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนประเทศใดก็ตาม..

ดังเรื่องราวของ สามารถ เสนาสุ หนุ่มวัย 43 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ที่บอกเล่ากับ “แนวหน้าวาไรตี้” ถึงประสบการณ์ “จำไปจนวันตาย” ถูกหลอกพาขึ้นเรือ ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก บางครั้งเกือบไม่รอด โดยย้อนไปเมื่อ ปลายปี 2552 ที่ขณะนั้นเขาเพิ่งจะ “ตกงาน” ถูกเลิกจ้างในช่วงสิ้นเดือน พ.ย. หลังจากที่เคยทำงานเป็น “ยาม” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) มาระยะหนึ่ง

สามารถ เล่าว่า ตอนแรกตั้งใจจะไปรอขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง เพื่อ “กลับบ้าน” แต่ทว่า..ชายคนหนึ่งในชุด “ครึ่งท่อน” สวมเสื้อยืด กางเกงขายาวมีกระเป๋าข้าง และใส่รองเท้าหนัง เดินเข้ามาชวนพูดคุย ด้วยความที่เห็นการแต่งกายอัน “คุ้นเคย” อย่างที่คนเป็นทหาร ตำรวจ รวมถึงคนทำงาน รปภ. นิยมแต่งกัน ตนจึง“ไว้ใจ” สนทนาด้วย โดยชายคนดังกล่าวได้ถามขึ้นมาว่า

“ไปทำงาน รปภ. ด้วยกันไหม? ตอนนี้มารอเพื่อน แล้วเขาก็ถามผมอีกว่าจะไปด้วยกันไหม? ผมก็ถามเขาว่าไปไหน? เขาบอกว่าไปมหาชัย ผมก็ไม่รู้ว่ามหาชัยมันอยู่ที่ไหน แต่ก็ไปกับเขา”

หนุ่มชาวขอนแก่น กล่าวต่อไปว่า เมื่อไปถึงมหาชัย จ.สมุทรสาคร ชายคนนี้ยังพาไป “กิน-ดื่ม” ฉลองกันแบบ “สุดเหวี่ยง” และแม้ชายคนเดิมจะถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ไปลงเรือกันไหม?” ซึ่งตนก็ตอบปฏิเสธไป แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จวบจน “เครื่องดื่มแก้วสุดท้าย” ถูกกระดกลงคอ สามารถ เริ่มรู้สึกง่วงนอน ก่อนจะ “วูบ” หลับไป “สลบไสล” ไม่ได้สติ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ไปพักใหญ่

เมื่อเริ่มรู้สึกตัว ด้วยสติสัมปชัญญะที่เลือนราง ภาพซ้ำๆ ที่เขาเห็นคือตนเองนอนอยู่ พร้อมกับมีสายน้ำเกลือเจาะเข้าที่แขน แม้จะพยายามขยับร่างกายก็ยังทำไม่ได้เพราะ “ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง” และมีชายอีกคนคอยนำน้ำใส่แก้วมาให้ดื่ม กระทั่งต่อมา เมื่อเขาพอจะลุกขึ้นยืนได้และ ชายอีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกัน บอกว่า “หลับไป 5 วัน” แต่นั่นไม่ทำให้เขาตกใจเท่า“ภาพแรก” ที่ได้เห็นเมื่อ “เปิดประตู” ออกไปด้านนอก

“พอเปิดประตูห้องแค่นั้นแหละครับ เชื่อไหมว่าผมอยากโดดน้ำทะเลตรงนั้นเลย พูดตรงๆ ไม่อาย ผมร้องไห้เลยนะ” สามารถ บอกเล่าถึงวินาทีแรกที่รู้ว่าตนอยู่ที่ใด

หลังจากนั้น..ไม่แปลกเลยหากจะมีผู้ใช้คำว่า “นรกกลางทะเล” สำหรับให้นิยามอาชีพลูกเรือประมง เมื่อได้เห็นชีวิตการทำงาน เริ่มต้นในเวลา 03.30 น. เป็นเวลาเตรียมอวนสำหรับปล่อยลงทะเล ในวันแรกๆ งานยังสบาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักอาทิตย์หนึ่ง “อวนก็เริ่มขาด” ลูกเรือต้องรีบเย็บให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน อวนนั้นจะถูกดึงขึ้นมาทุกๆ 4 ชั่วโมง ยิ่งนานวันเข้าอวนก็ยิ่งขาดบ่อยขึ้น ต้องเย็บกันตลอดเวลา

สามารถ เล่าว่า ชีวิตบนเรือประมงที่แทบไม่มีเวลาพักผ่อนก็แย่อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เลวร้ายเท่าความโหดร้ายของคน สามารถ ระบุว่า “ไต๋” หรือคนคุมเรือเป็นคน “โมโหร้าย” หงุดหงิดอะไรนิดหน่อยก็ “ระบายอารมณ์” ทำร้ายร่างกายลูกเรือที่เป็นแรงงานประมง ราวกับไม่เห็นว่าเป็น “คนเหมือนกัน” พร้อมกับ “อ้าปาก” ให้เห็นฟันที่หายไป เพราะ “ถูกเตะ” อย่างแรงจนหัก

“เขาชอบเล่นพนันด้วย หรือทะเลาะกับใครมาก็ไม่รู้ อารมณ์เสีย ก็เรียกทุกคนมา แล้ววันนั้นท่อที่ดูดน้ำเสียออกจากเรือเกิดชำรุด สนิมกินท่อมันก็หลุด อยู่ดีๆ ก็เดินมาเตะเอาๆ ผมก็ถามว่าทำผิดแล้วมันต้องตบต้องตีด้วยหรือ? ผมก็เป็นมนุษย์ จะลงโทษหักเงินอะไรก็ว่าไป เขาก็อ้างว่ามีปัญญาหรือ? เรือราคาเป็นร้อยล้าน คือทำอะไรผิดนิดหน่อยเขาก็ตบ บอกเลยถ้าเป็นบนฝั่งแล้วผมไปแจ้งความ เดือนเดียวเขาติดคุกไม่ต่ำกว่า 50 ครั้งแน่” สามารถ ระบุ

ไม่เพียงแต่เสียฟันไปเท่านั้น อดีตทาสบนเรือประมงรายนี้ ยังยกมือให้ดู “นิ้วก้อย” ข้างซ้ายที่อยู่ในสภาพ“งอ” เนื่องจากวันหนึ่งขณะที่กำลังปล่อยอวน ด้วยความที่ร่างกายอ่อนล้าจากการทำงานหนัก ลืมปล่อยมือออกจากอวน ทำให้นิ้วถูกอวนเกี่ยวดึงจนหัก อาการแบบนี้หากอยู่บนฝั่งคง “ธรรมดา” ไปพบแพทย์รักษากระดูกก็หายได้ แต่เพราะบนเรือ “ไม่มีหมอ” หยูกยาต่างๆ ก็มีไม่ครบถ้วน การรักษาจึงทำอย่าง “ตามมีตามเกิด” ขึ้นอยู่กับ“ดวง” ว่าจะหายหรือกลายเป็นคนพิการ ซึ่งนอกจากตัวเขาแล้ว ลูกเรือบางคนก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน

“บางคนต้องเสียอวัยวะที่บาดเจ็บนั้นไป แขนขาดบ้าง มืองอไม่ได้บ้าง ขาเป๋บ้าง มีคนเมียนมานอนป่วยไม่สบาย โดนตบคาที่นอนแล้วบังคับให้ไปทำงาน ต่อมาก็รู้ว่าเขาไปโดดน้ำตาย ศพลอยมาติดอวน ไต๋ก็ไม่ให้เอาขึ้นเรือ ถือว่าเป็นคนผี เขาปัดความรับผิดชอบ บอกเลยถ้าเรือไม่ไปโดนจับที่อินโดนีเซีย ผมคงไม่มีโอกาสว่ายน้ำหนีแล้วไปขอความช่วยเหลือ” เขากล่าว

จากเดือน ธ.ค.2552 ถึงเดือน เม.ย. 2558 “5 ปีกว่า” ที่ชายคนนี้ต้องตกนรก ถูกใช้แรงงานและทารุณกรรมราวกับไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน ได้เห็นคนตายต่อหน้าเพราะทนรับสภาพไม่ไหว จวบจนถึงวันที่รอดชีวิตกลับมายังบ้านเกิด สามารถ ย้ำว่า ได้ค่าแรงเฉลี่ยเพียง “วันละ 40-50 บาท” โดยอ้างว่าส่วนที่เหลือให้มาเบิกที่เมืองไทย ทั้งที่ “ไม่รู้จะได้กลับเมื่อไร” ตอนแรกอ้างว่าอยู่แค่ 3 ปี แต่ก็ “ยืดยาว” มาเรื่อยๆ ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ชื่อยังถูก “สวม” จากชื่อจริงคือ สามารถ กลายเป็นชื่ออื่นคือ “บุญสม” พร้อมกำชับว่า หากเจ้าหน้าที่มาตรวจให้ตอบไปด้วยชื่อดังกล่าว

“สิ่งที่ผมและแรงงานประมงทุกคนอยากขอ ถ้าคนที่กำลังจะลงเรือไป คือสวัสดิภาพชีวิตแรงงาน ทั้งอาหาร การรักษาพยาบาล เวลาทำงานที่เหมาะสม เวลาพักผ่อนที่เพียงพอ จะได้ไม่ต้องเกิดอุบัติเหตุ ค่าแรงก็ขอให้มันเหมาะสม สัญญาจ้างให้มีเป็นลายลักษณ์อักษรเหมือนแรงงานที่อยู่บนฝั่ง ให้เขารู้ว่าทำงานแบบนี้ได้เงินเหมาะสมไหม?”สามารถ กล่าวทิ้งท้าย

ปัจจุบัน สามารถ และอดีตแรงงานทาสบนเรือประมงอีกหลายราย รวมตัวกันเป็นเครือข่าย “ศูนย์ลูกเรือประมง-Fishermen Center” ทำหน้าที่ช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ในภาคประมง รวมถึงเรียกร้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี-สวัสดิการที่เป็นธรรมของลูกเรือประมง ซึ่งการถ่ายทอดเรื่องราวครั้งนี้ ก็เพื่อมุ่งหมายให้สังคมได้รับรู้ว่า อาหารทะเลที่หลายคนบริโภค รวมถึงเป็นรายได้สำคัญของประเทศ ส่วนหนึ่งแลกมาด้วย “เลือดเนื้อ-น้ำตา-ชีวิต” ของแรงงานบังคับเหล่านี้ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างด้าว เพราะลำพังจะฝากไว้กับภาครัฐอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ

ภาคส่วนอื่นๆ เช่น ธุรกิจเอกชน หรือประชาชนทั่วไปต้องร่วมแสดงจุดยืน “ไม่สนับสนุน” การใช้แรงงานบังคับทุกประเภท ด้วยตระหนักว่า..พวกเขาเหล่านั้นก็เป็น “มนุษย์” มีศักดิ์ศรี และมีคนที่รักที่ห่วงใยเช่นกัน!!!

Leave a comment