ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/273524

น้องเหมียวท้องแล้วท้องอีก !!!!
“เจ้าเหมียว” “น้องเหมียว” หรือ “น้องแมว” เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับสอง รองจากสุนัข แต่ไม่แน่นะครับ อีกไม่นาน ความนิยมเลี้ยงแมวอาจแซงหน้าน้องหมาไปก็ได้
เจ้าของแมวหลายท่านคงเคยประสบปัญหาน้องแมว “ท้องบ่อย”เผลอแป๊บเดียว ขนาดลูกแมวยังดูดนมอยู่เลย แม่แมวก็หง่าว และตั้งท้องอีกแล้ว ทำให้หลายๆ ท่านบ่นว่าเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานต่อกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
บางรายแก้ปัญหาด้วยการเอาลูกแมวไป “ทิ้งวัด” หรือ “เอาไปปล่อยตามแหล่งชุมชน” เพียงแค่ขอให้ “ออกนอกรั้วบ้านตัวเอง” ไปก่อนนั้นเป็นการ “ผลักภาระและความรับผิดชอบ” ออกนอกตัว ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง แต่หลายคนก็จะบ่นว่า ก็แมวท้องบ่อยนี้ เราเลี้ยงไม่ไหวแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ!?!?
อยากเรียนว่า การรู้จักและเข้าใจในธรรมชาติวงจรการเป็นสัดของแมว จะช่วยให้รู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาประชากรแมวล้นหลามได้ดี
แต่ปัญหาก็คือ “แล้วเมื่อไหร่ควรจะพาไปทำหมันได้บ้างล่ะ???”เพราะที่ผ่านมา หาจังหวะไม่ได้เสียที เดี๋ยวหง่าว เดี๋ยวท้อง วนไปอยู่อย่างนี้จะทำหมันก็ทำไม่ทันเสียที
ผมมีคำแนะนำจาก รศ.สพญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ รองคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนี้ครับ
1.การทำหมันในแมวก่อนวัยเจริญพันธุ์ ในกรณีที่ได้ “ลูกแมว” มาเลี้ยง แล้วเราไม่คิดว่าจะเลี้ยง “หลานแมว” เราควรตัดสินใจวางแผน “ทำหมันเลย” หลังจากได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและวัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ ครบแล้ว (ทำวัคซีนครบที่ตอนอายุประมาณ 3 เดือนกว่า) ให้ทำการนัดสัตวแพทย์ เพื่อ “ทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์ที่อายุ 4-5 เดือน” เลย ซึ่งช่วงนี้เป็นอายุที่แมวมีพัฒนาการด้านร่างกายและพฤติกรรมทางสังคมแล้ว อย่างไรก็ตาม แมวบางตัวจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็ว คือตั้งแต่อายุ 5 เดือนได้ (อายุถึงวัยเจริญพันธุ์ปกติ 5-6 เดือน) ทำให้แผนการคุมกำเนิดพลาดได้ และอาจเกิดลูกแมวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งครอก หากไม่ระวัง
การทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์ไม่ได้มีผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพตามความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า ทำหมันเร็วจะทำให้แมวมีปัญหาฉี่ไม่ออกหรือท่อปัสสาวะตีบตัน เนื่องจากยังไม่มีรายงานทางวิชาการยืนยันว่าการทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์เป็นสาเหตุของปัญหาดังกล่าว
ซึ่งจริงๆ แล้ว การทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์มีข้อดีที่นอกเหนือจากการคุมกำเนิด คือ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเนื้องอกและมะเร็งเต้านมได้ พบว่าโอกาสการเกิดโรคเหล่านี้ต่ำกว่าที่พบในแมวเจริญพันธุ์ และแมวที่ทำหมันหลังวัยเจริญพันธุ์หลายเท่าทีเดียว
2.การทำหมันแมวในวัยเจริญพันธุ์ หากเราตัดสินใจทำหมันแมวในวัยนี้ จะหาช่วงที่เหมาะสมได้ค่อนข้างยากแล้ว เพราะในวัยเจริญพันธุ์นี้ แมวแสดงอาการเป็นสัดทุก 2-3 สัปดาห์ และมีอาการเป็นสัดที่พร้อมรับการผสมพันธุ์อยู่นานประมาณ 5-7 วัน การป้องกันไม่ให้แมวตั้งท้อง มีเพียงการ “กักไว้จนพ้นระยะเป็นสัด” โดยไม่ให้พบกับตัวผู้เลย แต่แมวส่วนใหญ่มักไม่รอดจากการผสมพันธุ์ในระยะที่เป็นสัด ทำให้เกิดการตั้งท้องตามมา
ในบางครั้งการผสมพันธุ์ไม่ทำให้เกิดการตั้งท้อง แมวจะอยู่ในระยะที่เรียกว่า “ท้องเทียม” จึงไม่มีอาการเป็นสัดอีกใน 1 เดือน-1 เดือนครึ่งการพาแมวไปทำหมันควรเป็น “ระยะหลังอาการเป็นสัดหมดลง” ซึ่งแมวจะอยู่ในระยะเงียบ (ระยะที่ไม่มีการทำงานของรังไข่) ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน เพราะในระหว่างแมวเป็นสัด จะมีเส้นเลือดไปเลี้ยงมดลูกและรังไข่มาก มีเต้านมขยาย ทำการผ่าตัดโดยควบคุมผลข้างเคียงยาก
อย่างไรก็ตาม การกำหนดว่าหลังการเป็นสัดนั้นไม่มีการทำงานของรังไข่จริง แมวไม่ตั้งท้อง หรือไม่อยู่ในระยะท้องเทียมนั้น จะต้องยืนยันด้วยระดับฮอร์โมนเพศในเลือดที่ต่ำ และยืนยันว่าแมวไม่ได้กำลังกลับเป็นสัดใหม่อีกครั้งด้วยการตรวจลักษณะเซลล์เยื่อบุช่องคลอด ทั้งหมดนี้จึงเป็น “ความยาก”เพราะต้องใช้การตรวจยืนยันหลายวิธี
3.การทำหมันในแม่แมวหลังคลอด คำถามที่พบบ่อยคือ หลังคลอดนานเท่าใดจึงพาแมวไปทำหมันได้? โดยปกติหลังคลอด แมวจะเลี้ยงลูก และหย่านมที่อายุประมาณ 2-3 เดือน แต่ในระหว่างที่แมวให้นมเลี้ยงลูกอยู่นั้นจะมีอาการเป็นสัดและอาจผสมติดได้อีก ทำให้เกิดลูกครอกใหม่ตามมาในเวลาอีก 2 เดือนถัดมา
ในความเป็นจริงแล้ว การผ่าตัดทำหมันโดยตัดรังไข่และมดลูกออกในระหว่างแม่แมวเลี้ยงลูกนั้น ไม่มีผลกระทบต่อกลไกการสร้างและหลั่งน้ำนมเพื่อเลี้ยงลูก แต่การงดอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด อาจมีผลให้น้ำนมลดลงได้
นอกจากนี้ยังกระทบต่อการหายของแผลผ่าตัด เพราะเต้านมที่ขยายใหญ่ระหว่างเลี้ยงลูก ทำให้แผลบริเวณใต้ท้องระหว่างราวนมอับชื้น หรือระหว่างผ่าตัด อาจมีการสะกิดถูกต่อมน้ำนม ทำให้การหายของแผลช้าลงได้ โดยปกติเต้านมจะขยายตัวและสร้างน้ำนมสูงสุดประมาณ 1 เดือนหลังคลอด ดังนั้นจึงแนะนำให้พาแม่แมวไปทำหมันประมาณ 5-6 สัปดาห์หลังคลอด
เมื่อเราทราบดังนี้แล้ว หากท่านใดเลี้ยงแมวโดยไม่ต้องการให้มีลูกจึงควร “พาไปผ่าตัดทำหมันตั้งแต่ก่อนวัยเจริญพันธุ์” (อายุ 4 เดือน) ซึ่งมีข้อดีหลายประการ เพราะนอกจากมั่นใจในความปลอดภัยได้ว่า แมวตัวนี้จะไม่หลุดไปตั้งท้อง อันหมายถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรแมวจากลูกๆที่เกิดใหม่อีก ยังลดโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม และไม่ต้องใช้การตรวจพิเศษ เช่นระดับฮอร์โมนและเซลล์เยื่อบุช่องคลอด อันเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกด้วยครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย