ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/273516

อสมท สร้างสังคมอุดมปัญญา คอนเทนท์ไหน แพลตฟอร์มใด โดนใจวัยรุ่นไทยยุค 4.0
พิธีปิดโครงการ U.มี IDEAS 2560 ครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ มีผู้บริหารของ อสมท พร้อมด้วยผู้ประกาศข่าว
และวิทยากร มาให้ความรู้และคำแนะนำมากมายกับน้องๆ ผู้เข้าอบรม หอบกลับไปพัฒนาผลงาน เพื่อส่งมา
ชิงรางวัล MCOT Awards 2017
ในยุคของไทยแลนด์ 4.0 เทคโนโลยีถือว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทและมีความสำคัญอย่างมาก เพราะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสื่อ ซึ่งปัจจุบันพฤติกรรมของผู้ชมเปลี่ยนแปลงไป หลังเกิดช่องทางใหม่ๆ ในการรับชมที่มากขึ้น และสามารถรับชมได้ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ส่งผลให้ผู้บริโภครับชมทางโทรทัศน์น้อยลง ดังนั้น สถานี
โทรทัศน์แต่ละช่องรวมทั้งผู้ผลิตคอนเทนท์เองก็ต้องปรับตัว โดยใช้คอนเทนท์มาเป็นกลยุทธ์เรียกเรตติ้ง ในรูปแบบของ Content is King ด้วยการปรับคอนเทนท์รายการให้มีคุณภาพ มีความน่าสนใจ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ชมให้มากที่สุด นอกจากคอนเทนท์ที่สำคัญแล้ว แพลตฟอร์มในการนำเสนอก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะเทคโนโลยีทำให้เกิดช่องทางในการรับชมใหม่ๆ ทั้งอุปกรณ์ในการรับชม อาทิ โทรศัพท์มือถือแท็บเลต หรือแม้กระทั่งการรับชมผ่านทางโซเชียลมีเดีย และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ดังนั้น อำนาจในการเลือกรับชมจึงตกอยู่ในมือของผู้ชมเป็นหลัก
อสมท ในฐานะของสื่อสารมวลชน ได้เล็งเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการรับข่าวสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะความสำคัญของคอนเทนท์รายการที่จะถูกนำเสนอให้กับผู้ชม โดย อสมท มุ่งสร้างสรรค์คอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับสารประโยชน์ที่ผู้ชมจะได้รับ เพื่อมุ่งสร้างสังคมอุดมปัญญา จึงได้จัดกิจกรรม CSR ในชื่อโครงการ “U.มี Ideas” ขึ้นเพื่อให้น้องๆ จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่สนใจและอยากเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ในอนาคตได้รับความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการผลิตคอนเทนท์ที่มีคุณภาพและสร้างสรรค์ ซึ่งน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองการผลิตคอนเทนท์รวมทั้งแพลตฟอร์ม หรือช่องทางในการนำเสนอคอนเทนท์ในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ

ส้ม-ธันยพร นิลพังงา
ส้ม-ธันยพร นิลพังงา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ มรภ.สวนสุนันทา ให้ความเห็นว่า “การนำเสนอคอนเทนท์ในปัจจุบันมีความหลากหลาย ทั้งเนื้อหาและช่องทางการนำเสนอ โดยในบางคอนเทนท์นอกจากจะออกอากาศผ่านสื่อหลักอย่างโทรทัศน์แล้วยังออกอากาศผ่านโซเชียลมีเดียเพิ่มอีกช่องทางด้วย ซึ่งถือเป็นผลดีต่อผู้ชมเอง เพราะในบางครั้งผู้ชมอาจไม่สามารถรับชมผ่านโทรทัศน์ในเวลาที่รายการนั้นๆออกอากาศได้ ขณะเดียวกัน คอนเทนต์ที่ผลิตเพื่อออกอากาศผ่านโซเชียลมีเดียเพียงช่องทางเดียวอาจจะมีการตรวจสอบความเหมาะสมน้อยกว่าคอนเทนท์ที่ออกอากาศผ่านสื่อหลักอย่างโทรทัศน์ ซึ่งหากผู้รับสารขาดการกลั่นกรองที่ดีอาจส่งผลเสียต่อกลุ่มคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันในการรับสื่อ เช่น เยาวชนได้”
นุ๊ก-นรา วรหิรัญ นักศึกษาปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้มุมมองว่ารูปแบบการนำเสนอต้องเหมาะสมกับช่องทางสื่อหรือแพลตฟอร์มที่ใช้ “การเล่าเรื่องของสื่อโทรทัศน์ จะมีการเกริ่นนำเรื่องเพื่อโยงไปสู่จุดสำคัญตรงกลางเรื่อง แต่โซเชียลมีเดีย ต้องนำเสนอแบบกระชับเพื่อดึงดูดผู้ชมตั้งแต่เริ่มต้น และมักเป็นเรื่องตามกระแสนิยม หรือเชิงธุรกิจ ทำให้ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ชมมากนักซึ่งถ้าผมได้เป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ จะผลิตสารคดีที่มีรูปแบบแตกต่างจากปัจจุบัน และสามารถนำมาออกอากาศได้ทุกช่องทาง ทั้งสื่อหลักอย่างโทรทัศน์ และสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อตอบสนองผู้ชมทุกกลุ่มโดยนำเรื่องใกล้ตัว อาทิ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และพลังงาน มาผลิต เพราะคิดว่าการรับชมรายการของคนไทยยังเน้นเรื่องของสังคมอยู่”

นุ๊ก-นรา วรหิรัญ
ซาซ่า-นภิสา หะยีวาจิ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อีกหนึ่งมุมมองเกี่ยวกับแพลตฟอร์มในการนำเสนอคอนเทนท์ที่มีให้ชมในปัจจุบัน “คอนเทนท์ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีความน่าสนใจ โดยเน้นให้ความบันเทิงเพื่อเอาใจผู้ชมและมีเนื้อหาที่สามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนการนำเสนอคอนเทนท์ ปัจจุบันจะนำเน้นผ่านทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ชม เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางการรับชมที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ชมในยุคปัจจุบันด้วย ซึ่งสื่อออนไลน์จะมีความรวดเร็วในการนำเสนอข้อมูลและไม่มีโฆษณาคั่นระหว่างชมรวมทั้งสามารถเลือกเปิดรับสารได้เอง ตลอดจนสามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย”
นี่คือส่วนหนึ่งของความคิดเห็นและมุมมองต่อสื่อในยุค 4.0 จากคนรุ่นใหม่ที่เป็นทั้งผู้ชมและผู้ผลิตคอนเทนท์ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนได้อย่างดีว่าการออกอากาศหลากหลายแพลตฟอร์มเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีข้อดีที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้ชมเลือกเปิดรับสารผ่านช่องทางใด แต่ถึงแม้แพลตฟอร์มที่นำเสนอจะดีอย่างไร คอนเทนท์ที่นำเสนอจะต้องมีประโยชน์หรือสร้างสรรค์กับสังคมด้วยเช่นกัน ซึ่งน้องๆ ที่ร่วมอบรมในโครงการ U. มี IDEAS จะขอเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ใช้ประสบการณ์ ที่ได้จากในการเข้าร่วมอบรมในโครงการ มาแสดงพลังสร้างสรรค์ ผลงานรูปแบบรายการโทรทัศน์ที่หลากหลาย ภายใต้แนวคิด “๙ ตามพ่อ สานต่อพระราชปณิธาน” เพื่อส่งผลงานชิงรางวัล MCOT AWARDS 2017 อีกด้วยร่วมเป็นกำลังใจ และติดตามแนวคิดการผลิตคอนเทนท์คุณภาพของเยาวชนหัวคิดสร้างสรรค์ได้ในเดือนกันยายนนี้หรือติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ของกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ U.มี IDEAS

ซาซ่า-นภิสา หะยีวาจิ





