Star Retro : ‘บอย-พีรพล’ ยังคงลุยงานบันเทิงเต็มสูบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/286990

Star Retro : ‘บอย-พีรพล’ ยังคงลุยงานบันเทิงเต็มสูบ

Star Retro : ‘บอย-พีรพล’ ยังคงลุยงานบันเทิงเต็มสูบ

วันอาทิตย์ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

คลุกคลีและคร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยเยาว์ แม้ช่วงหลังจะไม่ค่อยได้เห็น บอย-พีรพล จันทรากาศ ทางเบื้องหน้าสักเท่าไหร่ แต่นั่นเพราะเขาหันไปจับงานเบื้องหลังอย่างทุ่มเท เรียกว่าทำทุกหน้าที่ด้วยใจรัก ผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน!!

ชีวิตในวงการบันเทิงที่เป็นภาพจำ

ตั้งแต่สมัยเล่นหนังเรื่อง “โก๊ะจ๋า ป่านะโก๊ะ” เล่นกับ แอน ทองประสม กลุ่มเดียวกัน เป็นเด็กนักแสดงกลุ่มนิวคิดส์ จากค่ายไฟว์สตาร์ เริ่มเล่นหนังก่อน แล้วก็มาละคร จนมาออกเทป ตามสเต็ป คนก็จะจำได้ทั้งในภาพของนักร้องและนักแสดง แต่ส่วนใหญ่จริงๆ ที่จำกันได้ก็น่าจะในลักษณะว่า บอยกลุ่มแก๊งเดียวกับ แอน ทองประสม, แจ๊บ-เพ็ญเพ็ชร,สายฟ้า เศรษฐบุตร, นัท มีเรีย

เส้นทางสายนักร้อง

คือสมัยก่อนจะเป็นสูตรสำเร็จ ดาราก็ต้องมาเป็นนักร้อง เราก็โอเคนักร้องก็ได้ ถามว่าใจรักไหมก็เฉยๆ (ยิ้ม) ทำได้ก็ทำ ตอนนั้นออกมา 1 อัลบั้มถ้วนชื่อ Game Boy เพลง ไม้กันหมา เพลงแค่วันผ่านของ คีตา มิวสิค ก็ทำคลุกคลีอยู่ประมาณปีหนึ่ง ตอนนั้นออกอัลบั้มพร้อมกับ ฝันดี ฝันเด่น พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ก็ไปทัวร์คอนเสิร์ตกัน ได้ทำอะไรๆ สนุกดี แต่อย่างที่บอกเราไม่ค่อยถนัดร้องเพลง ก็จะตื่นเต้นตลอดเวลา มีร้องผิดบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งพอมาเป็นนักร้องก็มีคนรู้จักเยอะขึ้นนะ แต่ถ้าถามว่าตัวเองชอบอะไรที่สุดก็บอกเลยว่า “นักแสดง” เพราะจริงๆ โดยส่วนตัวไม่ได้เป็นคนชอบร้องเพลง

ผลงานการแสดงที่หลากหลาย

เล่นละครมาตั้งแต่เด็กๆ ผมอยู่มาทุกค่าย ตั้งแต่ กันตนา ดาราวิดีโอ แล้วก็มาช่อง 3 ไปเล่นทุกช่อง รู้จักทุกค่าย บทที่ได้รับก็จะเป็นตัวร้าย ก็โอเคนะถ้าเป็นการแสดงเราชอบ เพียงแต่ว่าถ้าให้เล่นตลกมากๆ ก็จะไม่ถนัด เรื่องล่าสุดที่เล่นไว้ คือ “ใต้ร่มเงารัก”ของ พี่นิด-อรพรรณ เล่นกับ ติ๊ก-กัญญารัตน์ แต่ที่ชอบและสนุกดี คือชอบ เรื่อง “เงิน เงิน” ตอนนั้นไปเล่นเป็นลิเก เขาจะตาม ไชยา มิตรชัย แต่คิวไม่ได้ก็เลยให้เราไปเล่น เราก็ได้ไปเล่นมั่วๆ เป็นลิเก ได้ทั้งร้องทั้งรำ (ยิ้ม)

ผันตัวเองสู่เบื้องหลัง

พอถึงจุดหนึ่งในการแสดงของเราแล้ว ก็จะมีความรู้สึกว่า เอ๊ะ..เราน่าจะมองหาลู่ทางอื่นดูบ้าง เราจะทำอะไรได้ เริ่มต้นเป็นแอ๊กติ้งโค้ช ผู้ช่วยฯ โปรดิวเซอร์ ผู้จัด ส่วนผู้กำกับ ตอนนี้ก็กำลังดูๆ อยู่ มีคนยุยงส่งเสริมอยู่ เดี๋ยวลองดู ถ้าวันหนึ่งได้เป็นก็ลองดูว่าจะไหวไหม (หัวเราะ)

หน้าที่แอ๊กติ้งโค้ช

ในการเป็นแอ๊กติ้งโค้ช เป็นครู สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดของนักแสดง คือ เราได้แค่แนะแนวแนะนำ ชี้ เรียบเรียงความคิด ลำดับเหตุการณ์ให้เขา แต่ว่าสิ่งที่เขาจะทำได้หรือไม่ได้ สำคัญที่สุดอยู่ที่ประสบการณ์ แอ๊กติ้งโค้ชไม่ใช่เทวดา ถ้าคนนี้ยังเล่นไม่ได้ ยังตื่นเต้น ทำยังไงก็ไม่มีทางดีขึ้นก็อาจจะดีขึ้นนิดหน่อย แต่อยู่ดีๆ ไม่มีทางที่เราจะไปปลุกเสกให้เขาเก่งขึ้นไปในทันที ไม่มีทางแน่นอน“ประสบการณ์”เท่านั้นที่ดีกว่าแอ๊กติ้งโค้ช เอาเป็นว่าสมัยก่อนเห็นดาราเล่นไม่เก่ง พอเล่นไปสัก 5 ปี 10 ปีก็เล่นเก่งขึ้นกันทั้งนั้นแหละ เพราะเขาเล่นทุกวันก็เกิดความคุ้นชิน ได้รับการฝึกฝน สมาธิก็มี ไม่ตื่นเต้น ก็เก่งฉะนั้นประสบการณ์สำคัญสุด เราก็ช่วยได้ประมาณหนึ่ง

ลูกศิษย์ครูบอย

แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ใน จำเลยรัก ถือว่าเป็นเรื่องมาสเตอร์พีทของผมด้วย สำหรับการเป็นแอ๊กติ้งโค้ช แล้วก็มีทำให้ พิตต้า ณ พัทลุง, แทค-ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม, ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ ก็จะแอ๊กติ้งโค้ชตามเรื่องที่เขาเล่น ซึ่งพอได้มาเป็นแอ๊กติ้งโค้ชก็ชอบนะ เพราะว่าได้สอน ได้ปลุกปั้นได้ลุ้น เหนื่อยนะบางทีเพราะต้องลุ้นว่าเขาจะเล่นยังไงคือลุ้นทุกฉากแทบจะเล่นเอง กลัวเขาเล่นไม่ได้ฉากร้องไห้ก็แทบจะร้องไห้ก่อนเขาอีก แต่พอเขาประสบความสำเร็จ เราก็ดีใจ หรืออย่างนักแสดงรุ่นใหม่ที่ไปแอ๊กติ้งโค้ชให้เขาแล้วเราเห็นว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ เล่นได้หลากหลาย กลมกล่อม คือ แมท- ภีรนีย์ คงไทย

ค่อยๆ ไต่ระดับความยากของงาน

พอเป็นแอ๊กติ้งโค้ชเสร็จ ต่อมาก็ลองเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ เรื่องแรกคือ “กิ่งแก้วกาฝาก” หลังจากนั้นก็จะเป็นโปรดิวเซอร์คุมกอง ทำเรื่อง “แหม่มแก้มแดง”และหลังจากนั้นถึงมาเป็นผู้จัดละครแบบเต็มตัวด้วยความที่เราคลุกคลีอยู่กับตรงนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ก็เหมือนว่าคนเราถนัดตรงไหนก็อยู่กับตรงนั้น ตอนนี้ถ้าจะให้เราไปทำอย่างอื่นก็คงเป็นการเริ่มจากศูนย์ แต่งานในวงการบันเทิงเราก็อยู่กันมาสักพักแล้วเพื่อนๆ ก็เริ่มทำเบื้องหลังกันหมด ผมก็เลยเริ่มทำบ้าง

ก้าวสู่ความท้าทายกับงานเบื้องหลัง

ตอนนี้ผมว่าเบื้องหน้าสบายกว่านะ (หัวเราะร่วน) เพราะเบื้องหน้าเราจะรับผิดชอบแต่กับตัวเองฉันตั้งใจ ดูบท อ่านบท รับผิดชอบตัวเอง ไม่มีเข้าฉากก็นอน ฝนจะตกแดดจะออกก็ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่พอเรามาเป็นผู้จัด เราก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด ดูทุกอย่าง ถามว่ายากไหม ยากนะ แต่ก็คือสายงานที่เราสนุกดี แต่ว่าก็จะเหนื่อยกับการที่จะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในทุกๆ วัน เพราะการที่เราจะมาคุมคน 50-80 คนในหนึ่งวันให้อยู่รวมกัน โดยที่ไม่มีปัญหาเลย เป็นไปได้ยากมาก ฉะนั้นหน้าที่ของผู้จัดคือหน้าที่ของการแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีในแต่ละวัน ให้งานโดยรวม ภาพรวมผ่านไปได้ด้วยดี ในแต่ละวัน เพราะทุกอย่างสามารถเกิดได้ตลอด

ประเดิมงานผู้จัดหน้าใหม่

ตอนนี้ทำมาแล้ว 4 ปี เรื่องแรกเลยคือนางกลางไฟ ทางช่อง ทรูโฟร์ยู จะเป็นเรื่องแรงหน่อย แซ่บๆ ล่าสุดทำ ซิทคอมเรื่อง รับแซ่บ MYBOSS เป็นละครซิทคอมโรแมนติก-คอเมดี้ นำแสดงโดยธนา สุทธิกมล, ศิริลักษณ์ ผ่องโชค เป็นเรื่องน่ารักไม่เครียด สบายๆ ผมมีบริษัทเป็นของตัวเอง ชื่อ กู๊ดบอยเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ก็เป็นบริษัททำละครค่อยๆ ทำกันไป ถึงเวลาก็ค่อยขยับขยาย ส่วนเรื่องต่อไปที่จะทำก็กำลังเสนอขายทางช่องต่างๆ อยู่ รอเวลาที่เหมาะสม

สีสันของงานบันเทิง

ผมชอบวงการนี้ที่ว่า มันไม่จำเจ ไม่ซ้ำซาก เราเจอคนใหม่ๆ ได้เรียนรู้คน ศึกษาคนไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนคนทำงานออฟฟิศ เจอแต่หน้าเดิมๆ สิ่งที่เจอในแต่ละวันก็เจอเหมือนเดิม แต่ถ้าเราเป็นคนในวงการบันเทิงเราจะเจอเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อยๆ พรุ่งนี้
ไปอีกโลเกชั่น มะรืนไปอีกที่หนึ่ง จบเรื่องนี้ไปเจอเรื่องโน้นคนทำงานใหม่ๆ ทีมใหม่ รู้จักคนมากขึ้นได้ศึกษาคนได้เรียนรู้คน จะเจอเพื่อนใหม่คนนี้ดี คนนี้ไม่ดี เรียกว่าเป็นสีสันของชีวิตที่ไม่น่าเบื่อ

ช่วงลำบากของชีวิต

ก็ไม่เท่าไหร่นะครับ ผ่านมาได้เรื่อยๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมาก เป็นคนชิลมาก (หัวเราะร่วน) เราก็ยอมรับได้ในสิ่งที่เกิดทั้งหมด อะไรจะเกิด มีปัญหาอะไรก็แก้ไป ถ้าผ่านไม่ได้อยู่ในสถานะที่แย่หน่อยก็ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนเรามีวันที่ตก ก็ต้องมีวันที่ขึ้น ถ้าเราตั้งใจมีความพยายามยอมรับความเป็นจริงจบ ถ้าอยู่กับตัวเองได้นะ วันหนึ่งใช้เงินกี่บาท 100 บาท ก็อยู่ได้แล้วนะ มีที่นอนมีงาน มีเงิน ไม่มีหนี้สิน เที่ยวฟุ่มเฟือยเราก็ผ่านมาแล้ว ถ้าตอนนี้เราจะใช้เงินแค่นี้ อยู่แค่นี้ได้ก็ดีไม่เห็นมีอะไร คนลำบากกว่าเรามีตั้งเยอะ อยู่ที่วิธีคิด
ของแต่ละคน

เวลาท้อใจมีปัญหา

คุยกับเพื่อน พ่อเสียแล้ว กับแม่ก็จะไม่คอยบอกเพราะเราเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรกับครอบครัวไม่อยากให้เขารับรู้ปัญหาของเรา ถ้ามีสิ่งดีๆ ก็จะบอกให้เขาดีใจ แต่ถ้าสิ่งไหนไม่ดีบอกไปเขาเสียใจก็ไม่บอก เราก็แก้ปัญหาไป เมื่อไหร่ดีก็ค่อยกลับมาบอกเขา (หัวเราะ) คือเขาก็รู้ด้วยแหละว่าเราเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออกให้เขาเห็น ผมเองมีพี่น้อง 4 คน พี่สาวเป็นแอร์โฮสเตส สายการบินคาเธ่ย์ พี่สาวอีกคนช่วยที่กองถ่ายนี่แหละ อีกคนทำงานที่โรงเรียนนานาชาติ ผมเป็นลูกคนที่ 3

ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว

เป็นคนง่ายๆ บ้านๆ สบายๆ อาหารก็ชอบกินที่อร่อย อาหารจานเดียว เป็นคนชอบกินข้าวกะเพรา ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยว ก็อยากจะหาแต่ร้านอร่อยๆ กิน ร้านเก๋ๆ ฟิวชั่นหน่อยๆ ไม่ชอบ แต่ถ้าเพื่อนชวนก็ไปได้ คือปกติชีวิตจะชอบกินง่ายๆ สบายๆ แบบนี้มากกว่า

ความผูกพันกับแก๊งเพื่อนซี้ปึ้ก

เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างกับ แอนทองประสม ตอน โก๊ะจ๋าฯ ก็อยู่ด้วยกันเป็นเดือนๆ ถ่ายละคร ไม่มีการสื่อสารไม่มีอะไรใดๆ เอาเป็นว่าเด็กโก๊ะฯ คือเด็กเดนตาย ต้องไปถ่ายทำอยู่ด้วยกันเป็นเดือนได้ กินนอนด้วยกันตลอดเวลา เราก็เลยผูกพันกัน แต่ก็จะมีไลน์กลุ่มกันนะ นานๆ เจอกันทีซึ่งตอนนี้ก็เป็นผู้จัดกันไปเกือบหมดแล้ว อย่างที่บอกเหมือนสูตรสำเร็จนะ พอเราผ่านมาทุกหน้าที่ ก็ถือว่าจุดสูงสุดของการอยู่เบื้องหลังการทำละคร คือการเป็นผู้จัดนี่แหละ

เพื่อนคู่คิดคนรู้ใจ

ตอนนี้โสด ชินกับการอยู่คนเดียว อยู่กับเพื่อนๆ น้องๆ ไปไหนมีเฮกันไป มีเพื่อนก็สนุกแล้วจบแล้ว ทุกวันนี้เรายังมองเลยเห็นน้องๆ ที่มีความรักเวลาอินมากๆ เราก็ยังจะแบบ อือหือ อินอะไรกันหนักหนา (หัวเราะ) สุดท้ายเราก็รักตัวเราเองมากที่สุด บางทีก็จะชอบมองอะไรแบบนี้ ใครที่อกหักก็มาระบายกับเรา ซึ่งเราก็จะบอกเขาว่าไม่ต้องเสียใจเลยเวลาผ่าน ทุกอย่างผ่าน เอาเป็นว่าให้อีกเดือนหนึ่งจะชินเฉยๆ ไปเอง สบาย ลืมกันไป ส่วนความรักของตัวเองก็ไม่มี อยู่อย่างนี้แหละสนุกดี มีหลานๆ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร สนุกที่จะอยู่คนเดียว

บั้นปลายชีวิต

อยากเปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ กึ่ง บาร์ ชิลๆริมบึง ก็กำลังชวนเพื่อนๆ อยู่ ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบทำอาหาร วันๆ ทำแต่อาหาร ให้คนโน้นชิม คนนี้ชิม เพื่อนๆ ชิม เขาบอกอร่อย เราก็ภูมิใจ (ยิ้ม) ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทย

เมนูที่คนชอบฝีมือบอย

พะโล้, ต้มจับฉ่าย, หมูทอดพริก, เนื้อทอดพริกคือเราเอาหมู เอาเนื้อไปหมักกับพริกป่น แล้วก็เอาขึ้นมาทอด พอทำเสร็จทุกคนจะชื่นชมชอบกิน อร่อย นักแสดงหลายๆ คนชอบ เราก็โอเคเดี๋ยวจะทำขาย (หัวเราะ) คือเวลาอยู่กองถ่ายชอบทำกับข้าวให้นักแสดงกิน อยากให้นักแสดงเขาได้กินอะไรอร่อยๆ สิ่งที่ดีๆ เวลาอยู่กองก็จะทำกับข้าวเป็นหลัก หน้าที่ผู้จัดเป็นรอง (หัวเราะร่วน)

สุขภาพร่างกาย

จริงๆ สมควรแก่เวลาที่ต้องตรวจแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้ไปเลย (หัวเราะ) เพราะเราก็ยังแข็งแรงดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มีอย่างเดียวที่คิดตอนนี้คือกำลังจะลดน้ำหนักเพราะอ้วนขึ้นเยอะมาก (หัวเราะร่วน)

เจ้าพ่อโปรเจกท์

อยากจะทำคือ เสื้อโปโล เป็นแบรนด์ของตัวเองทำไว้แล้วล่ะ เดี๋ยวบอก ถ้าทุกอย่างพร้อม และลงตัวก็เร็วๆ นี้ พยายามออกแบบโลโก้อยู่ ลองดูว่าแบรนด์จะดัง เสื้อจะโอเคไหม ทำครบวงจรเลย ลองดูสักตั้งว่าจะเป็นยังไง (หัวเราะ) แล้วก็มีทำบ้านถ่ายละครเป็นบ้านทรงไทย บ้านเรือนไทย คือเราลงทุนเองเพื่อให้คนมาเช่าถ่ายละคร ตอนนี้ก็มุ่งมั่นจะสร้างบ้าน ซื้อของตกแต่ง อยู่ที่วัชรพล เริ่มมีมาถ่ายทำบ้างแล้ว เป็นของทางเวิร์คพ้อยท์ เราก็เปิดให้เขาเช่าถ่ายทำกัน เป็นบ้านหลังเดียว ข้างในมีครบทุกอย่าง ค่อยๆ ขยับขยายตามกำลังของเรา ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพ (ยิ้ม)

แนะนำเด็กรุ่นใหม่

อย่างแรกเลยนะตั้งใจทำงานในหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย เช่น ตัวเองเป็นนักแสดงจะต้องมีวินัย ตรงเวลา ทำการบ้านก่อนออกกองถ่าย เวลาอยู่กองถ่ายในเมื่อเป็นเวลาของกองถ่ายก็ต้องให้เวลากับกองถ่าย ไม่ใช่มากองก็เล่นโทรศัพท์ ไม่สนใจ พอเรียกไปเข้าฉากถ่ายทำ ก็เล่นไม่ได้ ท่องไม่ได้เพราะติดโทรศัพท์ นักแสดงผู้ใหญ่เขาเล่นด้วยก็ต้องเกรงใจเขา ไม่ใช่ว่าไม่สนใจฉันดังแล้ว เราก็เลยอยากให้ตั้งใจกันมากกว่านี้ เพราะเรารับผิดชอบแค่เราเองคนเดียว ทำงานของตัวเองให้สำเร็จให้ดี ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเราก็จะได้ดีไปด้วย เจอผู้ใหญ่ก็ต้องมีสัมมาคารวะ รับผิดชอบในงานของตัวเอง ไม่เป็นปัญหาให้ใครในกอง ตั้งใจ อ่านบทท่องบทเล่นได้ คือถ้าผู้ใหญ่เห็นว่าเราตั้งใจ เล่นไม่ได้เขาไม่ว่า แต่ส่วนใหญ่เขาจะเห็นที่ไม่ตั้งใจแล้วเล่นไม่ได้นี่แหละที่จะโดน คือต้องทำการบ้านรับผิดชอบแค่ตัวเองให้ดี

และนี่คือ อดีต-ปัจจุบัน และ อนาคต ของคนบันเทิงที่ชื่อ บอย-พีรพล จันทรากาศ

กุหลาบสีเงิน

Leave a comment