ส่องเกษตร : กาฬสินธุ์ต้นแบบนำร่องเมืองข้าว(2)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/281399

449007

ส่องเกษตร : กาฬสินธุ์ต้นแบบนำร่องเมืองข้าว(2)

วันพุธ ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

มาว่ากันต่อกับรายงานของสปท.-สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เรื่อง “นำร่องเมืองข้าว:จังหวัดกาฬสินธุ์..Rice City Pilot Project : Kalasin Province” ที่รัฐบาล คสช.โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมเป็นประธาน ได้รับลูกมาผลักดันแล้ว….

………………………………………..

(ต่อจากสัปดาห์ก่อน)

ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของไทยประมาณ 61-62 ล้านไร่ เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวและครึ่งหนึ่งของเกษตรกรเป็นชาวนา การแก้ปัญหาข้าวที่ผ่านมาเป็นการขับเคลื่อนเชิงเดี่ยว เช่น การแก้ไขเชิงสงเคราะห์ การเพิ่มเงินกู้เพื่อนำไปคืนเงินกู้
กลับกลายเป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับเกษตรกร นโยบายการลดพื้นที่เพาะปลูกเพื่อลดอุปทานส่วนเกินโดยให้เกษตรกรไปทำอาชีพอื่นซึ่งตนเองไม่มีองค์ความรู้ และไม่มีหลักประกันด้านรายได้ในอนาคต

การแก้ปัญหาข้าวเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกี่ยวข้องกับพื้นที่และเกษตรกรจำนวนมาก ทำให้การแก้ปัญหาที่ผ่านมาเป็นแบบประชานิยม และหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำยังคงอยู่กับเกษตรกรชาวนา

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาข้าวต้องเข้าใจว่า ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลรู้ปัญหาข้าวและความยากจนของเกษตรกรชาวนา แต่ด้วยวิธีการแก้ปัญหาแบบแยกส่วน มุ่งเน้นแต่ด้านอุปทานต้นทาง โดยไม่เชื่อมโยงกับตลาด การแก้ปัญหาจึงวนเวียนอยู่กับพื้นที่เพาะปลูก อีกทั้งความล้มเหลวของ การลดพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งยิ่งลด ผลผลิตกลับยิ่งมากขึ้น การแก้ปัญหาแบบฉาบฉวย เช่น โครงการประชานิยม รับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาด อาจแก้ปัญหาได้ระยะสั้น แต่ทำให้สต๊อกข้าวสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี จึงจะระบายสต๊อกได้หมด ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาข้าวระยะยาว อีกทั้งการแก้ปัญหาชาวนาด้วยการโยกหนี้ กลับเป็นการเพิ่มภาระให้กับเกษตรกร

จากการศึกษาพบว่า การแก้ปัญหาข้าวแบบเหวี่ยงแหไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนโดยเฉพาะอนาคตข้าวจะมี
การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงทั้งจากเกษตรกรที่มีการขยายพื้นที่เพาะปลูก ทำให้อุปทานข้าวส่วนเกินจะสูงขึ้น กอปรกับทั้งประเทศผู้นำเข้ามีการขยายพื้นที่เพาะปลูกและมีนโยบายที่จะลดการพึ่งพาการนำเข้า ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยต่ออนาคตของเกษตรกรชาวนา

“เมืองข้าวนำร่อง”

ดังนั้น เพื่อให้มีการแก้ปัญหาดังกล่าว คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จึงได้ทำการศึกษาฯเพื่อให้เกิดเมืองข้าวนำร่องของประเทศ ซึ่งนำร่องโดยจังหวัดกาฬสินธุ์และใช้กลไกขับเคลื่อนด้วยเขตเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนการผลิต ข้าวคุณภาพเชิงอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่เป้าหมายซึ่งมีศักยภาพ โดยใช้แนวทางผลักดันเมืองข้าวนำร่องซึ่งจะต้องมีการขับเคลื่อนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง มีการบูรณาการทั้งเกษตรกร อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในโซ่อุปทานข้าว ตั้งแต่โรงสี อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมี ปัจจัยการผลิต

ซึ่งจะต้องมีกลไกกระจายเฉลี่ยผลประโยชน์กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ในเบื้องต้นเห็นว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่เพาะปลูกและจำนวนเกษตรกรมากที่สุด แต่ชาวนากลับเป็นภาคส่วนที่มีความยากจนสูงสุดของประเทศ เห็นได้จาก 10 จังหวัดยากจนสุดของประเทศ พบว่า 8 จังหวัดอยู่ใน ภาคอีสาน

การแก้ปัญหาข้าวโดยใช้ต้นแบบเชิงพื้นที่ โดยนำร่องด้วยจังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะหากแก้ปัญหาโจทย์นี้ได้ ก็จะสามารถแก้ปัญหาข้าวได้ทั้งประเทศ

หมดสัมปทานพื้นที่คอลัมน์ในวันนี้เพียงเท่านี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องไปต่อเรื่องของ “กาฬสินธุ์ต้นแบบนำร่องเมืองข้าว”
จากรายงานของสปท.กันอีกตอนในสัปดาห์หน้าเป็นตอนสุดท้ายที่จะจำแนกถึงองค์ประกอบการเป็นเมืองข้าว

โปรดติดตามต่อสัปดาห์หน้าครับ

สาโรช  บุญแสง

Leave a comment