ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/285137
x
ชี้จุดเด่นประกันภัยข้าวนาปี’60 ลดเบี้ยเพิ่มความคุ้มครองให้เกษตรกร
ดร.ภูมิศักดิ์ ราศรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เปิดเผยว่า จากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 27 มิถุนายน เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 พื้นที่เป้าหมายเอาประกันภัยขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ทั่วประเทศ วงเงิน 1,841.10 ล้านบาท (กรอบวงเงินสำหรับพื้นที่เอาประกันภัย 30 ล้านไร่) แบ่งพื้นที่เป้าหมายเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 ที่เป็นลูกค้าธ.ก.ส.ขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ และสำหรับเกษตรกรทั่วไปไม่เกิน 800,000 ไร่ ครอบคลุมภัยธรรมชาติ 7 ประเภทได้แก่ 1.น้ำท่วม 2.ภัยแล้ง 3.พายุน 4.อากาศหนาว 5.ลูกเห็บ 6.ไฟไหม้ และ7.ศัตรูพืชหรือโรคระบาด
โดยแบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 มีอัตราเบี้ยประกันภัย 90 บาทต่อไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 10 บาทต่อไร่ ซึ่งรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 60% หรือ 54 บาทต่อไร่ เกษตรกรชำระเบี้ยประกันภัยเอง 40% หรือ 36 บาทต่อไร่ แต่ถ้าเกษตรกรเป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 ธ.ก.ส.จะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย 36 บาทให้ เริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยทุกภาคตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน-31 สิงหาคม และภาคใต้วันที่ 27 มิถุนายน-15 ธันวาคม สำหรับการคุ้มครองตลอดช่วงเพาะปลูก กรณีภัยธรรมชาติ 6 ประเภท วงเงินคุ้มครอง 1,260 บาทต่อไร่ เพิ่มจากปีการผลิต 2559 ที่วงเงินคุ้มครอง 1,111 บาทต่อไร่ และสำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาดวงเงินความคุ้มครอง 630 บาทต่อไร่ เพิ่มจากปีการผลิต 2559 วงเงินคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่
ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร (KU – OAE Foresight Center : KOFC)ติดตามวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตรจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 ต่อผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย 4 ส่วนได้แก่ รัฐบาล ผู้บริหารโครงการฯ(ธ.ก.ส.) บริษัทผู้รับประกันภัยและเกษตรกร แบ่งเป็น 2 ด้านคือ 1.ค่าเบี้ยประกันภัย รัฐบาล เป็นผู้อุดหนุนเบี้ยประกันภัยให้เกษตรกร 54 บาทต่อไร่รวมเงินช่วยเหลือ 1,620 ล้านบาท ถ้าพบมีพื้นที่เอาประกันภัยมากกว่าพื้นที่เป้าหมายที่เสนอของบอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 30 ล้านไร่ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ครม.เห็นชอบวงเงินงบประมาณเพิ่ม ส่วนธ.ก.ส.อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 36 บาทต่อไร่ สำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 และต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธ.ก.ส.กำหนดมีวงเงินอุดหนุน 1,080 ล้านบาท บริษัทผู้รับประกันภัยหรือบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ จ่ายสินไหมทดแทนแก่เกษตรกรผู้เอาประกันภัย จากประมาณการเบี้ยประกันภัยที่ผู้รับประกันได้สูงสุด 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็นรับเงินจากรัฐบาลอุดหนุน 1,620 ล้านบาทและธ.ก.ส.มูลค่า 1,080 ล้านบาท และเกษตรกรทั่วไปค่าเบี้ยประกันภัยมูลค่า 72 ล้านบาท สำหรับเป้าหมาย 800,000ไร่ ส่วนเกษตรกรทั่วไปจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย 28.80 ล้านบาท ส่วนค่าเบี้ยประกันภัยของเกษตรกรลูกค้าธ.ก.ส. ธนาคารออกให้ตามเงื่อนไขที่ธ.ก.ส.กำหนด
2.ด้านค่าสินไหมทดแทนและส่วนต่างที่เกษตรกรจะได้รับจากการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 จะมากกว่าปี 2559 แยกเป็นกรณีพื้นที่เกิดภัยพิบัติ 3% ของพื้นที่เข้าร่วมโครงการ เกษตรกรที่เป็นลูกค้าธ.ก.ส.ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน 935.55 ล้านบาท ขณะที่เกษตรกรทั่วไปมีส่วนต่างเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน 29.07 ล้านบาท แต่ถ้ากรณีเกิดภัย 4% ของพื้นที่เข้าร่วมโครงการ ลูกค้าธ.ก.ส.มีส่วนต่างเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทนมูลค่า 1,247.40 ล้านบาท ขณะที่เกษตรกรทั่วไปมีส่วนต่างเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน 38.76 ล้านบาท และกรณีพื้นที่เกิดภัย 5% ของพื้นที่เข้าร่วมโครงการ ลูกค้าธ.ก.ส.มีส่วนต่างเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน 1,559.25 ล้านบาท เกษตรกรทั่วไปมีส่วนต่าง 48.46 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 ถ้าเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเกิดภัยพิบัติตามโครงการฯจะช่วยบรรเทาการลดลงของจีดีพีได้ระดับหนึ่ง พร้อมช่วยลดความเสี่ยงให้เกษตรกรได้