ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/285136

ส่องเกษตร : อย่าให้ชาวนาตกเป็นเครื่องมือการเมือง
ช่วงนี้ไปตลอดทั้งเดือนสิงหาคม เรื่องของ2 คดีโครงการจำนำข้าวทั้งคดีทุจริตระบายข้าว “จีทูจีเก๊”และคดีที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโกงกินอย่างมโหฬารสร้างความเสียหายหลายแสนล้านบาทให้กับประเทศชาติ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ก็คงมีกระแสข่าวให้ผมต้องหยิบยกมาเขียนถึงในคอลัมน์นี้เป็นระยะๆ มากบ้างน้อยบ้าง สลับคละเคล้าไปกับเรื่องอื่นๆ เพราะต้องถือเป็นคดีใหญ่ คดีประวัติศาสตร์ที่มีผลทั้งต่อสถานการณ์บ้านเมืองและต่อแนวทางในการออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรโดยเฉพาะเรื่อง“ข้าว”ในอนาคตด้วย
อย่างตอนนี้ ยิ่งใกล้วันพิพากษาเข้ามาเท่าไหร่ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก็ต้องเตรียมพร้อมและวางมาตรการในการดูแลความสงบเรียบร้อยต่างๆ ไม่ให้เกิดเหตุเลวร้ายหรือเหตุความไม่สงบต่างๆ ขึ้น ทั้งก่อนและหลังการพิพากษา
ซึ่งการเตรียมพร้อมเหล่านี้ ไม่เพียงหน่วยงานราชการด้านความมั่นคงเท่านั้น แม้แต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอง ท่านรัฐมนตรี “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็ได้สั่งการในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ให้เตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์วันพิพากษาคดีจำนำข้าว 25 สิงหาคมนี้อย่างใกล้ชิด ตลอดจนหลังจากวันตัดสิน อาจมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมา ก็ต้องติดตามดูให้ดี ถึงแม้กระทรวงเกษตรฯไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่อยู่ใกล้ชิดเกษตรกร ต้องคอยดูแลให้เกิดความเรียบร้อยด้วย…
ถูกต้องเลยครับ…เพราะถึงแม้คดีดังกล่าว ดูจะเป็นคดีการเมือง แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า โครงการประชานิยม“จำนำข้าว” นั้น มีเกษตรกรชาวนาจำนวนไม่น้อยที่ “ลุ่มหลง” ไปกับน้ำตาลเคลือบยาพิษของมัน จนยอมตัวสนับสนุนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อถูกปลุกระดมให้เข้ามาเป็นกำลังใจ เข้ามาช่วยเหลือเธอ ก็พร้อมจะมากัน แล้วก็อาจจะเกิดบานปลายไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาได้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเกษตรกร จึงควรที่จะช่วยรัฐบาลในการทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกร ดูแลอย่าให้ตกไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร
อย่างไรก็ตาม การที่จะทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรให้ได้ผลนั้น สิ่งสำคัญคือ “ความเชื่อถือ” ถ้ามีการทำงานที่เข้าถึง
ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจัง จริงใจจนเป็นที่ยอมรับ จะไปพูดบอกกล่าวเรื่องใดๆ ก็ย่อมได้รับการเชื่อถือ รับฟังด้วยดี
ยิ่งในเวลานี้ พี่น้องเกษตรกรจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากปัญหาราคาพืชผลตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา แล้วยังมาเจอภัยธรรมชาติ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ทำลายเรือกสวนไร่นาคิดเป็นพื้นที่ภัยพิบัตินับล้านๆไร่ ความช่วยเหลือต้องเร็ว ให้ถึงมือ ให้ทันการณ์ ให้ได้มากที่สุด อย่าให้ความเดือดร้อนต้องยืดเยื้อ กระทั่งกลายเป็นความเจ็บแค้น จน“สุกงอม”พร้อมจะรองรับการปลุกระดม กลายเป็นปัจจัยผสมโรง ให้ฝ่ายการเมืองหยิบยกเป็นประเด็น เพื่อดึงเอาเกษตรกรไปร่วมเป็นเครื่องมือในคดีจำนำข้าวได้ง่ายๆ
รัฐบาลก็มีมาตรการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว เพียงแต่กลไก มือไม้อย่างข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯ ต้องรับลูกไปปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพ
ว่าถึงตรงนี้ ก็มีข่าวล่าสุดเข้ามาพอดีว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเรียบร้อยแล้ว แต่งตั้งให้รองปลัดฯเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯคนใหม่ หลังจากเลื่อนการพิจารณามาจากอังคารที่แล้ว พร้อมกับแต่งตั้งโยกย้ายซี 10 อีก 4 คนคือ นางสาวจริยา สุทธิไชยา จากเลขาฯสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและนางดุจเดือน ศศะนาวิน จากเลขาฯสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ทั้ง 2 คนไปเป็นรองปลัดกระทรวงฯ, นายสุรจิตต์ อินทรชิต จากผู้ตรวจราชการกระทรวงฯเป็นเลขาธิการสปก.-สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และนายโอภาส ทองยงค์ ผู้ตรวจฯอีกคน เป็นเป็นอธิบดีตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมกันนี้ครม.ยังมีมติตามที่กระทรวงเกษตรฯเสนอของบฯกลาง 1,500-2,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม 35 จังหวัด 5.7 แสนครัวเรือน โดยชดเชยครัวเรือนละ 3,000 บาท
ก็ต้องยินดีด้วยกับปลัดฯคนใหม่ และหวังว่า งานแรกกับการช่วยเหลือซับน้ำตาพี่น้องเกษตรกร ร่วมทั้งดูแลให้ข้าราชการในพื้นที่ช่วยทำความเข้าใจกับเกษตรกรไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง จะทำได้เข้าตา“บิ๊กฉัตร” และเข้าตานายกฯ
บิ๊กตู่ ไม่ให้ถูก “เอ็ด” เหมือนตอนเป็นอธิบดีกรมชลประทานอีก
สาโรช บุญแสง