แปลงใหญ่มันสำปะหลังลพบุรีทำเกษตรพึ่งตนเอง ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินได้ผลผลิตเฉลี่ย12.5ตัน/ไร่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/284738

แปลงใหญ่มันสำปะหลังลพบุรีทำเกษตรพึ่งตนเอง   ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินได้ผลผลิตเฉลี่ย12.5ตัน/ไร่

แปลงใหญ่มันสำปะหลังลพบุรีทำเกษตรพึ่งตนเอง ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินได้ผลผลิตเฉลี่ย12.5ตัน/ไร่

วันจันทร์ ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี โชว์แปลงใหญ่มันสำปะหลัง ผลผลิตเฉลี่ย 12.5 ตัน/ไร่ ภายใต้การบริหารจัดการผลผลิตแบบพึ่งพาตนเอง ด้วยการใช้ระบบน้ำหยดและใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน พร้อมผลิตสารชีวภัณฑ์ใช้เองในชุมชน

นางทิพาเอ โปร่งแสง ประธานกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลัง ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี กล่าวว่า แปลงใหญ่มันสำปะหลัง ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรีได้ดำเนินการในพื้นที่ หมู่ที่ 1-10 ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี พื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 6,276.25 ไร่ เกษตรกร 306 ราย ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะมีนโยบายรวมแปลงใหญ่ เกษตรกรในพื้นที่หนองม่วงค่อนข้างมีความเข้มแข็งอยู่ในระดับหนึ่ง มีการพูดคุยถึงปัญหาด้านการเกษตรกันอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ภายหลังมีการรวมกลุ่มแปลงใหญ่ ก็มีหน่วยงานของภาครัฐอย่างกรมส่งเสริมการเกษตรเข้ามาให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรแบบรวมแปลงใหญ่ ทำให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำเกษตรในทางที่ดีขึ้น

ซึ่งปัจจุบันสมาชิกกลุ่มดังกล่าวมีความเข้มแข็งในการรวมกลุ่มกัน มีการนำระบบน้ำหยดมาใช้ในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง พร้อมกับการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ทำให้เกษตรกรมีผลผลิตเฉลี่ยที่สูงขึ้นจากเดิม 1-2 เท่า จากเดิมที่ได้ผลผลิตเพียง 4 ตัน/ไร่ แต่ถ้าใช้ระบบน้ำหยดจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 8 ตัน/ไร่ และถ้าใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินก็จะทำให้ได้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 10-12.5 ตัน/ไร่ ทำให้ขณะนี้เกษตรกรสามารถผลิตมันสำปะหลังที่ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิตที่สูงขึ้น

“เป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้ระบบน้ำหยดจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่ด้วย ต.ดงดินแดง เรามีธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ บ้านหน่วยประคอง ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี เป็นแหล่งทุนสำคัญในการจัดทำแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรของเกษตรกรในชุมชน จึงทำให้เกษตรกรในพื้นที่แห่งนี้มีความได้เปรียบพื้นที่ในเรื่องของแหล่งทุน ส่งผลให้การพัฒนาอาชีพมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับสมาชิกกลุ่มเน้นการผลิตมันสำปะหลังตามนโยบายรัฐ “รวมกันปลูกรวมกันซื้อ รวมกันขาย” จึงทำให้สามารถซื้อปัจจัยการผลิตอื่นๆ ได้ในราคาที่ถูก อาทิ ปุ๋ยเคมี ทางกลุ่มจะรวมกันซื้อแม่ปุ๋ยมาเพื่อใส่ในแปลงมันสำปะหลังตามค่าวิเคราะห์ดิน ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่น้อยลง” นางทิพาเอกล่าว

นางทิพาเอกล่าวต่อว่า ปัจจุบันตนปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ 92 ไร่ เป็นที่ของตัวเอง 60 กว่าไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่เช่า พร้อมกันนั้นก็จะมีการทำเกษตรผสมผสานด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปโดยตนนั้นจะปลูกมันสลับกับข้าวและอ้อยไปมาเพื่อลดปัญหาเรื่องโรคแมลง ทำสวน เลี้ยงปลา เป็นต้น นอกจากในฐานะประธานกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังแล้ว ตนยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญก็คือ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ที่คอยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการให้ความรู้กับเกษตรกร มีการฝึกอบรมการทำสารชีวภัณฑ์สำหรับใช้ในแปลงพืชต่างๆ มีการพูดคุยถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขเกี่ยวกับการทำเกษตรของสมาชิกอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

Leave a comment