ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/286328

ส่องเกษตร : สำนักงาน‘น้ำ’แห่งชาติ
ในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรี-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญทั้งการพูดและลงมือผลักดันเรื่องการแก้ไขปัญหา “น้ำ” มากเป็นพิเศษ ซึ่งก็สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดอุทกภัย น้ำท่วมหนักมากในหลายภาค หลายสิบจังหวัดของประเทศไทยในเวลานี้ ที่ทำให้ผู้คนหันกลับมาสนใจเรื่อง“น้ำ”อีกหน
ช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว นายกฯประยุทธ์ได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อถวายรายงานการทำงานของรัฐบาล โดยมีการเปิดเผยว่า ในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้พระราชทานพระบรมราโชบาย 9 เรื่องให้นำไปปฏิบัติ…
ซึ่งเรื่องที่ทรงให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ ทรงห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัย ทรงมีรับสั่งให้ช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆ ด้วยความรวดเร็วและทั่วถึงลดภาระการซ้ำซ้อน สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ก็จะพระราชทานความช่วยเหลือให้อย่างที่ทรงทำอยู่ นอกจากนี้ ยังทรงมีรับสั่งให้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นแต่ละพื้นที่ไป ถ้ายังไม่สามารถดำเนินการภาพรวมใหญ่ๆทั้งหมดได้ ก็ให้ทยอยดำเนินการไป…จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยที่กำลังเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง
หลังเข้าเฝ้าฯ ในวันต่อมานายกฯประยุทธ์ก็ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มอบนโยบาย ให้แนวทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ตั้งเป้าหมายเพื่อบริหารจัดการปัญหาน้ำทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ 1.น้ำอุปโภคบริโภค 2.น้ำเพื่อภาคการผลิต ทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม 3.น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์รวมทั้งที่เพิ่มเติม แยกออกมาให้ความสำคัญคือ 4.ปัญหาน้ำท่วม และ 5.ปัญหาน้ำแล้ง
ขณะที่ผลการประชุม ยังมีมติเห็นชอบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำให้มีเอกภาพและรวดเร็วมากขึ้น โดยจะย้ายหน่วยงานกรมทรัพยากรน้ำจากที่อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักนายกฯ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะโอนภารกิจหน้าที่,บุคลากร มาอยู่ภายใต้โครงสร้างใหม่ ให้การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถรองรับสถานการณ์เร่งด่วน ทันต่อสถานการณ์ทั้งอุทกภัยและน้ำแล้ง
โดยนายกฯเตรียมจะใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งคสช.ในเร็วๆ นี้ เพื่อจัดตั้ง“สำนักงานบริหารจัดการน้ำ” ดังกล่าว เพื่อให้การทำงานที่เป็นเอกภาพต่อไป
และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นหลักที่นายกฯ ประยุทธ์นำไปบอกกล่าวประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ที่ออกอากาศทางทีวีทุกช่องช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมาให้ได้รับทราบถึงความจำเป็นต้องปรับการบริหารจัดการน้ำให้เป็นเอกภาพ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง อาทิ การมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจดูแลเรื่องน้ำในด้านต่างๆอยู่ถึง 30 หน่วยงาน ภายใต้ 10 กระทรวง ทำงานกันสลับทับซ้อน อีกทั้งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากมาย จนเกิดความล่าช้า ไม่สามารถผลักดันการพัฒนาทรัพยากรน้ำให้ก้าวหน้าได้รวดเร็วเท่าที่ควร เป็นต้น
นายกฯประยุทธ์ระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ริเริ่มจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ” ระยะยาวขึ้น และดำเนินการตามแผนประสบความสำเร็จไปมาก หากสามารถแก้ไขอุปสรรคต่างๆที่คอยฉุดรั้งอยู่ ดังนั้น การบริหารจัดการน้ำซึ่งรัฐบาลถือเป็นวาระเร่งด่วนสำคัญ ต้องดำเนินการอย่างบูรณาการ จึงมีแนวทางจะตั้ง “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” ให้มาสังกัดสำนักนายกฯ โดยยุบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้แก้ไขปัญหาไปในทิศทางเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อนของงานและงบประมาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในงานปฏิรูปและบูรณาการการทำงานของส่วนราชการ ให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.น้ำ ที่สนช.กำลังดำเนินการอยู่ด้วย
ครับ คงต้องติดตามดูกันไปว่า “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ”ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีนี้ จะสามารถบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานให้เป็นเอกภาพได้จริงหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านๆมานั้นใช่ว่า จะไม่เคยพูดหรือไม่เคยทำในเรื่องที่จะ “สร้างเอกภาพ”นี้ แต่ก็ได้แต่พูด โดยที่ไม่สามารถทำได้สำเร็จเลย
โดยเฉพาะเมื่อโครงการบริหารจัดการน้ำต่างๆ คิดเป็นเงินนับพันๆล้าน,หมื่นๆล้าน ถึงแสนล้าน ล้วนแต่ต้องใช้เม็ดเงินสูงๆ ยั่วยวนใจในการหาผลประโยชน์ทั้งที่ชอบและมิชอบ จนทุกหน่วยงานต่างก็อยากจะ“ฮุบ”ไว้ทำเอง การบูรณาการรวมกันจึงเป็นเรื่องยากมากมาตลอดของหน่วยราชการไทย…ก็เอาใจช่วย หวังว่า ยุคคสช.ของท่านนายกฯประยุทธ์จะทำได้ ประโยชน์ส่วนใหญ่จากโครงการน้ำ จะได้ตกแก่ประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรไทยตาดำๆ ไม่ใช่ตกหล่นเข้ากระเป๋าคนคิดมิชอบมากกว่า
สาโรช บุญแสง