ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/288837

ส่องเกษตร : ‘เช็คบิล’มหากาพย์โกงข้าวต่อไป
คงทราบกันทั่วไปแล้ว ตั้งแต่วันพิพากษาวันศุกร์25 สิงหาคมที่ผ่านมา กับ 2 คดีโครงการรับจำนำข้าว ทั้งคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เธอ“หลบหนี”จนศาลต้องออก “หมายจับ” ให้นำตัวมารับฟังคำพิพากษาที่เลื่อนไปเป็น 27 กันยายน ส่วนคดี“จีทูจี”ตัดสินลงโทษรุนแรง 21 จำเลยสำคัญจาก 28 คน โดยเฉพาะนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ โดนจำคุก 42 ปี,นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ จำคุก 36 ปี และพ่อค้าข้าวตัวแสบ“เสี่ยเปี๋ยง”อภิชาติ จันทร์สกุลพร เจอโทษหนักสุดจำคุก48 ปี ทั้งยังต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายสูงถึง 16,912 ล้านบาท ด้วย
ในฐานะที่คอลัมน์นี้เขียนถึงโครงการรับจำนำข้าวและเฝ้าติดตามคดีมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมาถึงจุดนี้ ถือเป็นข้อพิสูจน์เบื้องต้นได้เป็นอย่างดีว่า โครงการรับจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์มีการทุจริตมโหฬารเกิดขึ้นจริงๆ! จนนำไปสู่การพิพากษาของศาลให้ลงโทษอย่างหนัก ก็ต้องขอบันทึกไว้ ณ ที่นี้
อย่างไรก็ตาม มหากาพย์แห่งการผลาญชาติในโครงการจำนำข้าว โดยเฉพาะเรื่องทุจริตโกงกินนั้น ไม่ใช่แค่ 2 คดีนี้เท่านั้น ยังมีคดีที่ต้อง “เช็คบิล” อีกมหาศาลนับพันคดีทีเดียว เฉพาะคดีเรื่องระบายข้าวแบบ“จีทูจีเก๊” ที่ตัดสินไปนี้แค่ 4 สัญญา แต่ยังมีการระบายข้าวจีทูจีอีก 8 สัญญา ที่อยู่ในขั้นตอนของป.ป.ช.อยู่ ตัวละครจำเลยส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน ฉะนั้นเห็นท่าว่า หลายๆคนมีสิทธิ “ตายคาคุก”
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เคยทำการศึกษาวิจัยพบว่า ตลอดขบวนการของโครงการจำนำข้าว มีการทุจริตถึง 20 รูปแบบ ในขั้นตอนต่างๆทั้ง 4 ขั้นตอน ตั้งแต่การรับจำนำข้าว, เก็บรักษาข้าว ไปจนถึงการระบายขายข้าว…
คดีเกี่ยวกับการระบายขายข้าว นอกจากจีทูจีแล้ว ก็ยังมีเรื่องคดีทุจริต“ข้าวถุง” ที่อ้างจะนำข้าวที่จำนำไว้ไปบรรจุถุงขายราคาถูกให้คนจน แต่แท้จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น นี่ก็ใกล้ที่คดีจะส่งขึ้นสู่ศาลแล้ว
ส่วนคดีทุจริตเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้าวที่มีทั้งการเวียนเทียน ลักลอบเอาข้าวดีออกไปขาย แล้วเอาข้าวเสื่อมมาสวมรอยแทน เรื่องสต๊อกลม ข้าวสูญหาย ไม่มีข้าวอยู่จริง ฯลฯ พวกนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ดูแลอยู่ถึง 990 คดี ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว มีการสรุปเบื้องต้นพบว่าทั้ง 990 คดีนี้ เป็นคดีข้าวในส่วนองค์การคลังสินค้า (อคส.) 720 คดี และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) 270 คดี มีผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 139 คน แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ อคส. 93 คน และเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก. 46 คน มีบริษัทตรวจสอบคุณภาพหรือเซอร์เวเยอร์ 59 บริษัท และเจ้าของคลังเก็บข้าว 231 ราย มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 1.47 แสนล้านบาท
ตามข่าวก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ท.จะชี้มูลความผิดแต่ละคดีภายในสิงหาคมนี้ เพื่อส่งอัยการสั่งฟ้องต่อไป นี่ก็สิ้นเดือนแล้ว ยังไม่เห็นป.ป.ท.แถลงผลคืบหน้าเสียที ไม่รู้มัวรีรออะไรอยู่
สำหรับคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์นั้น เป็นคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตอย่างมโหฬารในโครงการจำนำข้าว สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติหลายแสนล้านบาท ซึ่งวันพิพากษาที่เลื่อนไปเป็น 27 กันยายนนั้น ถ้ายังจับตัวเธอมารับฟังไม่ได้ศาลก็สามารถจะอ่านคำพิพากษา“ลับหลัง”ได้เลย
มีบางสื่อขึ้นหัวข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนไว้อย่างน่าสนใจว่า “ยิ่งลักษณ์เอาแต่ได้” เพราะถ้าวันที่ 27 กันยายน คำพิพากษาออกมาว่า “เธอผิด”ศาลสั่งลงโทษจำคุก ก็แน่นอนว่าจะหลบหนีต่อไป ไม่กลับเมืองไทยแน่ แต่ถ้าเกิดคำพิพากษา“ยกฟ้อง”เธอไม่ผิด เมื่อนั้นเธอก็จะกลับเมืองไทยมาชูคอใหม่
อย่างไรก็ตาม ผมเองไม่คิดว่า“ยิ่งลักษณ์”จะกลับเมืองไทยอีก ไม่ว่าผลคดี 27 กันยายนนี้ จะออกมาเป็น“บวก”กับเธอขนาดไหนก็ตาม เพราะไม่ใช่แค่คดีจำนำข้าวนี้เท่านั้น เธอยังมีคดีอีกมากมายถึง 8 คดีเป็น“ชนัก”ปักหลังอยู่ อาทิ คดีที่ร่วมกับครม.อนุมัติเงินชดเชยให้คนเสื้อแดงที่บาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองรายละ 7.5 ล้านบาท รวมเงินกว่า 2 พันล้าน ทั้งที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ คดีนี้ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้ว นอกจากนั้นยังมีคดีเกี่ยวการใช้งบประมาณในการบริหารจัดการน้ำ 2-3 คดี รวมถึงข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำฯวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท เมื่อปี 2555 เป็นต้น
ผมจึงเชื่อว่า “ยิ่งลักษณ์”จะเป็นเช่นเดียวกับพี่ชาย“ทักษิณ ชินวัตร”ต้องหนีคุกอยู่ต่างประเทศไปจนตลอดชีวิตแน่นอน!
สาโรช บุญแสง