ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/283179

‘จุฑาพร เริงรณอาษา’ ยึดหลักการทำงานที่เรารัก คือการพักผ่อน
เรื่องของการท่องเที่ยวยังคงเป็นตัวทำรายได้เข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวควบคู่กันไป ทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 สัปดาห์นี้พิธีกร “ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย” จะพาไปพูดคุยกับ “จุฑาพร เริงรณอาษา” ประธานคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงการเข้ามาช่วยงาน ฯพณฯ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จุฑาพร เริงรณอาษา เล่าว่า “งานที่มาทำตรงนี้หลักๆ คงมาช่วยงานทางด้านท่องเที่ยวของท่านรัฐมนตรี เพราะท่านรัฐมนตรีก็มีบทบาททั้งทางด้านการท่องเที่ยวและก็การกีฬา แล้วก็คงจะเป็นว่าเพราะพี่เพิ่งเกษียณจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แล้วก็มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการท่องเที่ยว ก็อยู่ ททท.มา 39 ปี ตั้งแต่จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เกือบ 40 ปี ก็คงจะใช้พื้นฐานเรื่องประสบการณ์ในการทำงานด้าท่องเที่ยว มาช่วยงานท่านรัฐมนตรีทางด้านการท่องเที่ยว
ก็คงต้องเรียนว่าเรื่องของการท่องเที่ยว คงไม่ใช่เรื่องของการทำงานด้านการตลาดอย่างเดียว เพราะตอนนี้เรื่องท่องเที่ยวก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันภาคเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ปัญหาของด้านท่องเที่ยวก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะ ในเรื่องของด้านการพัฒนา ในเรื่องของการที่จะดูแลแหล่งท่องเที่ยว แล้วก็รวมทั้งจริงๆ แล้วเรื่องท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญในการที่จะบูรณาการกับหน่วยงานภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและก็เอกชน

ตอนสมัยที่อยู่ ททท.ก็ผลักดันหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่คนยังจำได้อยู่คือ เรื่องเวดดิ้ง อยากจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในเรื่องแต่งงาน การฮันนีมูน ซึ่งในเรื่องนี้แน่นอนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.ก็ยังทำเรื่องนี้ต่อไป ในขณะเดียวกันในภาคที่ของท่านรัฐมนตรีหรือในด้านของกระทรวง ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันในเรื่องของการที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเรื่องของเวดดิ้งแอนด์ฮันนีมูน
ทีนี้ปัญหาเรื่องของการแต่งงานก็คือ เราคงจะไม่ใช่ไปเจาะแค่ตลาดใดตลาดหนึ่ง ซึ่งเดิมที่ผ่านมาเราจะได้ตลาดคู่แต่งงานจากอินเดียค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้ก็ขยายไปยังตลาดอื่นๆ อีก แล้วก็ในขณะเดียวกันอย่างเช่น ตลาดฮ่องกงก็เริ่มเข้ามาแต่งงานในบ้านเราเยอะ แต่ทีนี้บางทีการที่เข้ามาทำพิธีแต่งงานในบ้านเรา ก็อาจจะเจอปัญหาบ้างบางส่วน หรือว่าในเรื่องที่จะต้องไปบูรณาการ หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ท่านรัฐมนตรีกอบกาญจน์ ก็เรียกประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะมาช่วยผลักดัน หรือว่าช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกกับการท่องเที่ยวในการทำตลาดเวดดิ้ง ยกตัวอย่าง คู่รักชาวฮ่องกงที่ตอนนี้เราเริ่มจะเข้ามาจัดงานแต่งงานที่บ้านเรา แต่เขาต้องการให้มีการจดทะเบียนสมรสที่ถูกต้อง ทีนี้การจดทะเบียนสมรสบางทีก็ไปติดขัดที่ว่า ทางระเบียบหรือทางสำนักงานเขตเรา ต้องการเอกสารที่ค่อนข้างจะมากมาย

เพราะว่ากระทรวงมหาดไทย หรือทางสำนักงานเขตของเรา ไปออกกฎระเบียบเรื่องการแต่งงานในบ้านเรา จะต้องเป็นคนสัญชาติไทย ที่เขาออกกฎค่อนข้างระเบียบ เพราะว่า เป็นเรื่องของการป้องกันชาวต่างชาติที่มาแต่งงานกับคนไทย แต่พอจริงๆ เป็นเรื่องของชาวต่างชาติกับชาวต่างชาติที่เขาแต่งงานกัน มันก็สามารถที่จะแก้ไขระเบียบหรืออะไรให้เหมือนกับผ่อนปรนระเบียบเหล่านี้ได้ เป็นต้น
คู่รักที่มาใช้บ้านเราเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน เขาคงคิดว่าหลักๆ คงเป็นเรื่องของบ้านเรามีศักยภาพค่อนข้างสูงในด้านของความสวยงามทางธรรมชาติ ขณะเดียวกันที่สำคัญสุดคือ เรื่องของการบริการ คือคนไทยเราสามารถที่จะเนรมิตทุกอย่างให้ได้ แล้วก็คนไทยเราก็มีความคิดสร้างสรรค์ในการจัดงานแต่งงาน เพราะเรื่องของเวดดิ้งเดสสิเนชั่น มันต้องการคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แล้วก็พร้อมที่จะทำงานได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ เพราะว่าทุกคนก็คงจะต้องแบบครั้งเดียวในชีวิตนะคะ แล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด
เมื่อเร็วๆ นี้ เราก็ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน เดสสิเนชั่นเวดดิ้ง คองเกรส แพลนเนอร์ โดยเลือกที่ภูเก็ต เป็นสถานที่จัดงาน เมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา แล้วก็มีเวดดิ้ง แพลนเนอร์จากทั่วโลก ที่เป็นระดับดังๆ มากว่า 150 คน อาทิ คุณเพรสตัล เบนลี่ เป็นนักจัดดอกไม้ชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง เวลาเขาจัดงานแต่งงานที จะเป็นแบบราคามหาศาลมาก ฉะนั้นการที่เราสามารถนำบุคคลเหล่านี้มาภูเก็ต เขาก็สามารถที่จะมาดูศักยภาพของบ้านเรา ว่าเรามีความพร้อมที่จะจัดงานแต่งงานให้กับคู่แต่งงานจากทั่วโลกได้ด้วย

ส่วนเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงกีฬานั้น ก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการที่จะประสานงานและก็บูรณาการให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการด้านกีฬามากขึ้น จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้เรามีเรื่องของมาราธอน แล้วก็กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก แล้วก็ท่านรัฐมนตรีกำลังผลักดันให้ แบงคอกมาราธอน หรือเกาะสมุยมาราธอน เชียงใหม่หรือภูเก็ตเหล่านี้ ให้เป็นหนึ่งในที่ที่จะต้องเข้าไปอยู่ในซีรี่ส์มาราธอนของทั่วโลก อย่าง บอสตันมาราธอน โตเกียวมาราธอน อะไรต่างๆ เหล่านี้ ฉะนั้นถ้าเราสามารถเป็นหนึ่งในซีรี่ส์ได้ ก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือว่าคนต่างชาติเข้ามาร่วมวิ่งในบ้านเราเป็นหมื่นๆ คนได้
อีกส่วนหนึ่งก็คือ เรื่องของการไบค์ ที่กำลังเป็นที่นิยม แล้วก็เรากำลังผลักดันเรื่องของทัวร์เดอโขง อย่างสมมุติเขามี ตูเดอฟรองต์แล้ว ทำไมเราจะมี ตูเดอโขงของเราไม่ได้ ก็คือจะเป็นเรื่องของการขี่จักรยานเลาะแม่น้ำโขง แล้วก็เป็นเรื่องที่เราสามารถจะกระตุ้นเอาคนกลุ่มซีเอ็มวีเข้ามาร่วมด้วย รวมทั้งคนไทยและก็ต่างชาติเข้ามาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอาเซียนคอนเนค ก็มีส่วนสำคัญมาก แล้วก็ในขณะเดียวกันเราก็เป็นจุดศูนย์กลางที่สามารถจะเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางทะเล หรือว่าทางอากาศได้ ฉะนั้นในการที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางซีเอ็มวี เราก็สามารถที่จะเอาประเทศไทยเรานี้ขายผนวกร่วมกับเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ตลาดจากทางยุโรป หรือตลาดจากทางสหรัฐอเมริกา หรือตลาดไกลๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ เหล่านี้เวลาเขามาทางภูมิภาคเรา เขาก็คงจะไม่มาบ้านเราที่เดียว ฉะนั้นในการที่ประเทศเหล่านี้เพิ่งเปิดประเทศ แล้วก็มีแหล่งท่องเที่ยวหรือมีสิ่งดึงดูดน่าสนใจต่างๆ เราก็สามารถที่จะไปผนวกประเทศเรากับประเทศของเขาได้ แล้วก็เป็นการทำงานร่วมกัน เป็นบูรณาการร่วมกันในเวทีของอาเซียนด้วยกันด้วย
ท่านรัฐมนตรีก็เลยถึงมีนโยบายอย่าง ทูคันทรี่วันเดสสิเนชั่น ก็คือเราก็จะไปจับมือกับ…อย่างสมมุติว่า ประเทศไทยกับพม่า หรือประเทศไทยกับกัมพูชา ประเทศไทยกับลาวเหล่านี้ เป็นต้น ในการที่จะไปขายแหล่งท่องเที่ยวร่วมกัน

จริงๆ แล้วงานที่พี่ทำอยู่ตอนนี้ ถามว่าแทบจะไม่ต่างจากงานตอนอยู่ททท.เลย ก็เป็นงานที่มองอีกด้านอีกมิติหนึ่งนะคะ เพราะตอนอยู่ททท. เราไปเน้นแค่เรื่องมาร์เก็ตติ้ง หรือด้านการตลาด แต่ในบทบาทอันนี้ของทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็คิดว่าเราเห็นว่าการตลาดมาแล้ว มีปัญหาทางด้านพัฒนาอย่างไร แล้วก็ทางฝ่ายด้านพัฒนาควรจะมีเรื่องของการแก้ไขปรับปรุงอย่างไร หรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น หรือในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของการอำนวยความสะดวก ที่เราจะต้องไปประสานกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการที่จะต้องเข้ามาเอื้ออำนวยให้นักท่องเที่ยว
เรื่องการท่องเที่ยวถามว่าเราคิดว่ายังมีศักยภาพในการทำเงินทำรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกมหาศาลนั้น แต่ประเด็นคือ เรื่องนโยบาย คือเราไม่อยากจะให้การท่องเที่ยวไปกระจุกตัวอยู่ที่แหล่งท่องเที่ยวใดท่องเที่ยวหนึ่ง น่าจะมีการกระจายตัวไปยังท้องถิ่นให้มากขึ้น ถึงมีเรื่องของโลโคเอ็กซ์พีเรียนซ์ขึ้นมา แล้วก็ไปยังชุมชนอะไรต่างๆ ก็คงต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทาง อพท. หรืออย่างชุมชนอะไรต่างๆ ในการที่จะไปพัฒนาชุมชน แล้วก็ให้ชุมชนเหล่านี้ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้ด้วย
สำหรับเรื่องที่ว่า ที่ผ่านมาอยู่กับการท่องเที่ยวมาเกือบ 40 ปี แล้วมาอยู่ตรงนี้อีก ถามว่าพอวัย 60 ปีแล้วกับการทำงานที่ยังหนักอยู่ และมีเวลาพักผ่อนอย่างไร คงต้องบอกว่าการทำงานนี่เป็นงานพักผ่อนอยู่แล้วนะคะ เพราะความที่เราโชคดีที่ทำงานกับเรื่องของการท่องเที่ยว ในเรื่องของการทำงานท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่เรารัก แล้วเราก็ชอบอยู่แล้ว ฉะนั้นในการทำงานก็ไม่มีความรู้สึกว่าเราต้องไปทำงานหนัก แต่หมายถึงว่าเราก็ได้ท่องเที่ยวไปด้วย ได้ไปเรียนรู้ และก็ประสบการณ์ต่างๆ จากการไปท่องเที่ยว ก็นำมาพัฒนาปรับปรุงในแง่ของการทำงานของเรา”
เรื่องราวดีๆ ที่ครบครันทั้งสาระและบันเทิงแบบนี้ มีให้ชมในรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN2 (และช่อง 784 ทางดิจิตัลทีวี) หรือ True Visions 8 ชมรายการย้อนหลังได้ที่ youtube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน