ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/283282

โรคติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงที่มีเห็บเป็นพาหะและโรค SFTS ที่กำลังฮือฮากัน
จากข่าวที่ว่า.. มีหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 51 ปีเสียชีวิต หลังจากถูกกัดโดยแมวจรจัดที่ป่วย ซึ่งวินิจฉัยว่าเสียชีวิตด้วยโรค SFTS(Severe Fever with Thrombocytopenia Syndrome) หรือโรคติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงที่มีเห็บเป็นพาหะ โดยสันนิษฐานว่าน่าจะมีสาเหตุมาจาก “เห็บ” ในแมว
เมื่อข่าวนี้กระพือออกไป ความวิตกก็เริ่มเกิดขึ้นในหมู่คนรักแมว ความจริงจะเป็นอย่างไร วันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ จาก รศ.น.สพ.ดร.สนธยา เตียวศิริทรัพย์ เกี่ยวกับเห็บและโรค SFTS ครับ
“เห็บ” เป็นปรสิตภายนอกที่สามารถพบได้ทั่วไปในสุนัข และอาจพบได้บ้างในแมว แต่ปรสิตภายนอกที่พบใน “แมว” นั้นมักจะเป็น “หมัด” มากกว่า
วงจรชีวิตของ “เห็บ” มี 3 ระยะต่างๆ คือ 1.ไข่ 2.ตัวอ่อน 3.ตัวกลางวัย และ 4.ตัวเต็มวัย เห็บทุกระยะต้องกิน “เลือด”เป็นอาหาร
เห็บที่พบในประเทศไทยนั้นมีหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่นั้นจะพบได้ในสัตว์ป่า ส่วนเห็บที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยงนั้นมีเพียงชนิดเดียวคือ “เห็บสีน้ำตาล” หรือ “Brown dog tick” ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Rhipicephalus sanguineus
เห็บสีน้ำตาลนั้น เป็นพาหะที่นำเชื้อโรคพยาธิเม็ดเลือดหลายชนิดสู่สัตว์เลี้ยง เห็บจะได้รับเชื้อเมื่อไปดูดเลือดจากสัตว์เลี้ยงที่เป็นโรค หลังจากนั้นเชื้อจะเข้าไปพัฒนาและเจริญอยู่ภายในร่างกายของเห็บ เมื่อเห็บไปดูดเลือดสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง เห็บก็จะถ่ายทอดเชื้อผ่านทางน้ำลายของเห็บเข้าสู่ร่างกายของสัตว์ เชื้อบางชนิดก็จะติดต่อสู่สุนัขจากการที่สุนัขกินเอาเห็บติดเชื้อเข้าไป

สำหรับโรค SFTS หรือ Severe Fever with ThrombocytopeniaSyndrome นั้น “ยังไม่พบว่ามีการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ในประเทศไทย” ทว่ามีรายงานเกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสนี้ใน 3 ประเทศในเอเชีย คือ “จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้” โดยมีอัตราการตายที่ร้อยละ 12-30
อาการส่วนใหญ่ที่พบในคนคือ มีไข้ อาเจียน ท้องเสีย การทำงานของอวัยวะต่างๆ เสียไป เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ ค่าของเอนไซม์ตับเพิ่มสูงขึ้น โดยพบการติดเชื้อนี้ได้ในสัตว์หลายชนิด
การติดต่อของโรค อาศัย “เห็บ” เป็นพาหะ และยังสามารถติดต่อโดยตรงจากคนสู่คนผ่านทาง “เลือดและสารคัดหลั่ง” ด้วย ล่าสุดมีรายงานการติดเชื้อจากแมวมาสู่คนผ่านทางการกัดของแมวที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ขอเน้นว่า ยัง “ไม่พบว่ามีการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ในประเทศไทย” รวมทั้ง “ยังไม่พบว่ามีรายงานการติดเชื้อไวรัสนี้ในเห็บสีน้ำตาล” (เห็บที่พบในสัตว์เลี้ยงบ้านเรา) อีกด้วย
ดังนั้นเจ้าของสัตว์เลี้ยง “อย่าเพิ่งกังวล” เกี่ยวกับการติดเชื้อโรคนี้จากแมว แต่สิ่งที่ควรระวังน่าจะเป็น “โรคพิษสุนัขบ้า” (ที่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นสุนัขและแมวเป็นพาหะ) มากกว่า ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะไม่มีคนตื่นตระหนกจนกระทั่งนำแมวไปปล่อยตามวัดและที่สาธารณะกันนะครับ
แต่ถึงแม้ว่ายังไม่พบว่ามีการนำเชื้อจากสัตว์เลี้ยงมาสู่คนผ่านทางเห็บในประเทศไทยก็ตาม แต่การป้องกันและกำจัดเห็บในสัตว์เลี้ยงนั้นก็ยังมีความสำคัญมากครับ เพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพที่ดีซึ่งจำเป็นต้องอาศัยหลายวิธีร่วมกัน ได้แก่ การกำจัดเห็บบนสัตว์เลี้ยง การกำจัดเห็บในสิ่งแวดล้อม และการป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงได้รับเห็บเข้ามาใหม่
สำหรับยาและสารเคมีที่นำมาใช้ในการกำจัดและควบคุมเห็บในสัตว์เลี้ยงและในสิ่งแวดล้อมนั้นก็มีอยู่หลายชนิด บางอย่างก็มีอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงด้วย อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงและเจ้าของสัตว์ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนการเลือกใช้นะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย