ส่องเกษตร : บทเรียนจากโครงการ 9101

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/291703

449007

ส่องเกษตร : บทเรียนจากโครงการ 9101

วันพุธ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

หลายสัปดาห์ก่อน เคยนำจดหมายคุณอนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย อดีตข้าราชการระดับสูง ลูกหม้อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เขียนแสดงความเป็นห่วง“โครงการ 9101 กับความหวังพลิกฟื้นฐานะเกษตรกรไทย”มาลงเผยแพร่ในคอลัมน์นี้ มาวันนี้ต้องขอเขียนถึงโครงการ 9101 อีกครั้ง เพราะปรากฏข่าวไม่สู่ดี ที่น่าจะสอดรับกับสิ่งที่คุณอนันต์เขียนไว้ จึงต้องมาขยายกันต่อ

ขอย้ำว่า “9101”เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรรัชกาลที่ 10 ใช้งบประมาณกว่า 22,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกตำบล รวมทั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอีก 882 ศูนย์ เป้าหมายเพื่อพลิกฟื้นฐานะเกษตรกรทั้งชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ผู้เลี้ยงสัตว์หรือชาวประมงให้พ้นความยากจน โดยเน้นกิจกรรม 8 สาขาด้วยกัน

จดหมายคุณอนันต์ก่อนหน้านี้ แสดงความเป็นห่วงว่า โครงการที่เร่งรัด มีเวลาดำเนินการสั้นมากสำหรับโครงการใหญ่ การรวบรวมสมาชิกจึงไม่ผ่านกระบวนการที่ให้เกษตรกรเข้าใจหลักการและเป้าหมาย ขณะที่โครงการจัดสรรงบฯให้ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท มีเงื่อนไขต้องจ่ายเป็นค่าแรงให้ผู้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณ แต่ด้วยเวลาสั้น กิจกรรมส่วนใหญ่จึงเป็นข้อเสนอผู้นำชุมชนร่วมกับข้าราชการ ไม่ผ่านขั้นตอนการทำประชาคม จึงขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนที่แท้จริง ดังนั้นส่วนใหญ่จะเน้นทำปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งทำได้ง่าย แต่กิจกรรมอื่นๆ ตามนโยบายกระทรวง เช่น การจัดการฟาร์ม จัดการศัตรูพืช การแปรรูป ปศุสัตว์ขนาดเล็กและประมงมีน้อยมาก เพราะทำยากและต้องใช้เวลา โครงการ 9101 จึงน่าจะสำเร็จประการเดียวคือ อัดฉีดเงินลงไปในชนบทจ่ายเป็นค่าจ้างแรงงานเกษตรกรที่เข้าร่วม แต่ด้านความยั่งยืนของกิจกรรมคงไม่เกิดขึ้น

และเพราะการเร่งรัดโครงการดังที่คุณอนันต์ว่า ตอนนี้ก็เกิดปัญหาขึ้น จนเป็นข่าวจาก“สำนักข่าวอิศรา”ว่า มีหลายจังหวัดโดยเฉพาะสุรินทร์ ทั้งยังที่อยุธยาและอุบลฯ เป็นต้น มีประชาชนร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่จัดการโครงการเองหมด โดยให้ผู้รับเหมามาประมูลงาน แล้วจัดหาอุปกรณ์มาให้ชาวบ้าน ทั้งที่ยังไม่มีการประชุมวางแผน หรือรับสมัครคนทำงาน

“โครงการนี้เป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรฯกำหนดให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันเพื่อผลิตปุ๋ยไว้ใช้เอง วัตถุประสงค์คือ ลดรายจ่ายในครัวเรือนและจ้างแรงงาน ในหมู่บ้านเป็นคนทำปุ๋ย งบฯ กว่า 2 ล้านบาท(เป็นค่าแรงครึ่งหนึ่งและวัสดุอุปกรณ์ครึ่งหนึ่ง) แต่ปรากฏว่า ในการดำเนินการจริง คณะกรรมการและกลุ่มชาวบ้านไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง กลับเป็นเกษตรอำเภอที่ไปให้ผู้รับเหมามาประมูลงานแล้วจัดหาอุปกรณ์มาให้ชาวบ้าน” หนังสือร้องเรียนระบุ

ทั้งให้รายละเอียดที่ส่อความไม่ชอบมาพากลว่า“กรรมการชุมชนไม่ได้เป็นคนสั่งซื้อขี้วัวขี้ไก่จากผู้รับเหมาที่เกษตรอำเภอหาให้ แต่เอกสารต่างๆของโครงการ ผู้รับเหมาจัดทำขึ้นเองทั้งหมด และให้กรรมการเซ็น อ้างว่าเป็นงานเร่งด่วน อีกทั้งราคาปุ๋ยผู้รับเหมาขาย กก.ละ 4 บาท ซึ่งแพงกว่าปุ๋ยที่ชาวบ้านทำขายเองคือ กก.ละ 2 บาท แต่เกษตรอำเภอ อ้างว่าปุ๋ยของชาวบ้านไม่พอ ไม่แห้ง ทำให้ต้องซื้อจากพ่อค้า ทั้งที่ การดำเนินการกันเองภายในกลุ่มยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ผู้รับเหมานำของมาลงให้เลย ซึ่งเป็นการเร่งรัดชาวบ้าน และปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ได้เร่งให้กรรมการชุมชนเซ็นเอกสารสั่งซื้อ โดยอ้างว่าจังหวัดเร่งให้เบิกเงินให้ผู้รับเหมา ทั้งที่ กรรมการยังไม่ตกลงว่าจะรับซื้อขี้วัวขี้ไก่ดังกล่าวหรือไม่”

เรื่องนี้มีการร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ผ่านศูนย์ดำรงธรรม และตอนนี้อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบ โดยเจ้าหน้าที่ส่วนกลางจากกระทรวงเกษตรฯเข้ามาตรวจสอบแล้ว

รายงานของสำนักข่าวอิศรายังให้รายละเอียดเจ้าหน้าที่เกษตรที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนถ่ายภาพเอกสารหลักฐานต่างๆที่ชัดเจนมาก ฉะนั้นถ้าสอบจริงๆ ไม่ยากและไม่น่านานที่จะได้ข้อสรุปออกมา

ถึงตรงนี้ นอกจากกระทรวงเกษตรฯควรรีบจัดการแก้ไขความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นกับโครงการนี้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่“ไม่บังควร”อย่างยิ่งแล้ว ยังนับเป็นบทเรียนที่ควรใส่ใจอีกครั้งว่า การทำโครงการใหญ่ๆที่มีความสำคัญต้องรอบคอบให้มากที่สุด ให้เวลาคนในชุมชนอย่างเพียงพอ ไม่ควรเร่งรีบเกินไป จะเกิดปัญหาได้ อย่ารีบร้อนเพียงเพราะต้องการเร่งสร้าง“ผลงาน”มากกว่าที่จะยึดประโยชน์เกษตรกรอย่างแท้จริง แล้วความเร่งรีบยังเปิดช่องให้เกิดการหาผลประโยชน์โดยมิชอบเอาง่ายๆด้วย

ซึ่งจะทำให้โครงการที่มีเจตนาและความตั้งใจดีๆ นอกจากจะไม่บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้แล้ว ยังจะสร้างความเสื่อมเสียได้

สาโรช  บุญแสง

Leave a comment