ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/294741

เกษตรฯแจงรื้อสวนส้มสปก.เชียงใหม่ ย้ำเดินหน้างวางแนวทางแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จทั้งระบบ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกรณีมีคำสั่งตาม ม.44 ว่าด้วยเรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เข้าทำการรื้อสวนส้มในพื้นที่ ส.ป.ก. ของ จ.เชียงใหม่ ว่า เบื้องต้นมีการรื้อถอนพื้นที่ 120 ไร่ เพื่อปลูกบ้านและทำการเกษตรตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยหลังจากมีการตรวจสอบเอกสารการเข้าครอบครองสวนส้มในพื้นที่ ส.ป.ก.เชียงใหม่ พบว่าผู้ครอบครองไม่ได้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และผู้นำเอกสารมาแสดงก็ไม่ใช่เกษตรกร จึงยึดคืนพื้นที่ 5,960 ไร่ พร้อมปิดประกาศให้รื้อถอน/ย้ายออกภายใน 30 วัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้เข้าพูดคุยกับ ส.ป.ก. และ สวนส้ม ได้ความว่า ฝ่ายสวนส้มยินดีที่จะยกสวนส้มพร้อมอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ ส.ป.ก. เพื่อนำไปจัดสรรให้เกษตรกรได้ดำเนินกิจการสวนส้มในรูปแบบสหกรณ์การเกษตร โดยเกษตรกรเป็นผู้บริหารและผู้ใช้ประโยชน์จากสวนส้มต่อไป ซึ่งสวนส้มจะรับซื้อผลผลิตจากสหกรณ์การเกษตรที่จัดตั้งขึ้นในรูปแบบเกษตรพันธะสัญญาตามที่จะมีการตกลงกันระหว่างสวนส้มกับสหกรณ์ต่อไป
สาเหตุที่ต้องพิจารณาเป็นเกษตรพันธะสัญญานั้น มีหลายปัจจัย เช่น ข้อจำกัดในการทำสวนส้ม เทคนิคการดูแลส้มเฉพาะ ซึ่งเกษตรจำเป็นต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้ การป้องกันโรคระบาดในสวนส้ม และตลาดเดิมของสวนส้มเป็นตลาดระดับบน ยังต้องอาศัยสวนส้มในการเชื่อมโยงผลผลิตของสหกรณ์กับตลาดเดิม อีกทั้งในภาพรวมมีการใช้เงินทุนที่สูงมาก ซึ่งเกษตรกรที่เข้ามาใหม่ หรือการจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นมาใหม่นั้นไม่มีเงินทุนในการดำเนินการ จึงจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเงินทุนจากสวนส้มในรูปแบบเกษตรพันธะสัญญา และด้วยสาเหตุดังกล่าวนั้น ส.ป.ก. จะสามารถนำไปจัดสรรให้เกษตรกรที่ยากไร้ ขาดที่ทำกิน ซึ่งเกษตรกรที่เข้ามาใหม่จะมีอาชีพทันที และสวนส้มจะไม่เสียหายทางเศรษฐกิจมากนัก ถือเป็นทางเลือกที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกร และ เป็นทางที่สวนส้มเองมีความยินดี
พร้อมกันนี้จะมีการดำเนินการนโยบายการแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ โดยการทำงานบูรณาการจากทุกหน่วยงานในรูปแบบ คทช. (คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) คือ การพัฒนาที่ดินให้มีความพร้อมในการพักอาศัยและทำการเกษตร โดยมีการส่งเสริมอาชีพการเกษตร และ การจัดตั้งสหกรณ์การเกษตร ดังนั้นในพื้นที่ ส.ป.ก. ที่ยึดคืนได้เริ่มต้นจะพัฒนาก่อน โดยได้จัดแบ่งพื้นที่สวนส้มทั้ง 5,958 ไร่ ออกเป็น 6 รูปแบบ ได้แก่ 1.พื้นที่พักอาศัยพร้อมพื้นที่ทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ รวม 600 ไร่ / 2.พื้นที่ Buffer Zone เพื่อป้องกันยาฆ่าแมลง/โรคระบาด รวม 769 ไร่ / 3.พื้นที่ที่จะเป็นถนน/พื้นที่ส่วนกลาง รวม 769 ไร่ / 4.พื้นที่แหล่งน้ำ รวม 352 ไร่ / 5.พื้นที่สวนส้ม เหลือ 4,061 ไร่ / และ 6.ถากถางสวนส้ม ในเนื้อที่ 947 ไร่ ซึ่งได้เลือกพื้นที่ที่เป็นต้นส้มใกล้หมดอายุ หรือ มีผลผลิตน้อย
โดยในส่วนของพื้นที่พักอาศัยพิจารณาเห็นว่า เกษตรกรควรมีที่พักอาศัยพร้อมพื้นที่ทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ รายละ 2 ไร่ ซึ่งจะต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่มีทั้งพืชระยะสั้น ไม้ผล ปศุสัตว์ ประมง เพื่อให้มีรายได้ตลอดปี พร้อมกับจะมีการแบ่งเป็น 5 ชุมชน ชุมชนละ 50-70 ครัวเรือน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านความแออัด โดยแต่ละชุมชนกระจายตัวรอบสวนส้ม เพื่อสะดวกการดูแลสวนส้มของตนเอง และการเดินทาง
นอกจากนี้ จะมีการส่งเสริมอาชีพการทำสวนส้มกับเกษตรกรรายใหม่ที่ไม่เคยทำสวนส้มมาก่อน โดยการนำเกษตรกรบางส่วนจากสวนส้มเดิมเข้ามารับการจัดสรรที่ดินและสอนการทำสวนส้ม และสำหรับการพิจารณาเกษตรกรที่จะเข้ารับการจัดสรรที่ดินเป็นอำนาจหน้าที่ของ คทจ.เชียงใหม่ ซึ่งมี ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานฯ