ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/300614

ผู้ว่าฯกยท.แจงเหตุราคายางตกต่ำ เล็งลดพื้นที่ปลูกปีละ4แสนไร่
“ผู้ว่าฯกยท.แจงราคายางต่ำ เพราะทั่วโลกปลูกเพิ่ม 12 ล้านไร่ ชี้ทางออกจากกับดักความยากจน ลดพื้นที่ปลูกปีละ 4 แสนไร่ ปลูกพืชผสมผสานและเพิ่มการใช้ยางในประเทศ”
1 พ.ย.60 นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)เปิดเผยถึงกรณีนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศ(สยยท.) ระบุถึงปัญหาราคายางพาราตกต่ำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั้น ว่าไม่เป็นความจริงช่วงนี้ราคาน้ำยางสด ยังไม่ถึง 3 กิโลกรัม 100 บาท แต่อย่างใดตอนนี้อยู่ที่ 43 บาท ขณะนี้ยางแผ่นรมควันชั้นสามโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 46-47 บาทต่อ กก. ส่วนตอนต้นปีราคาดีกว่าปัจจุบันเพราะภาคใต้เจอปัญหาอุกภัย และยางสต็อกโลกลดลง ทั้งนี้ ตนไม่ทราบการเคลื่อนไหวของสยยท.ที่จะตั้งโต๊ะล่ารายชื่อปลดตนจากตำแหน่ง เพราะเกษตรกรมีการตั้งกลุ่มขึ้นมามากหลายกลุ่มไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง รวมทั้งนายอุทัย และกลุ่มเกษตรกรที่ออกมาเรียกร้องเป็นประจำ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถาบันเกษตรกร ไว้กับ กยท. ซึ่งขอร้องว่า อย่าทำโดยอคติ ให้ใช้เหตุผล การเคลื่อนไหวให้ระมัดระวังเพราะความขัดแย้งเกิดขึ้นในประเทศจะไปส่งผลไม่ดีต่อราคาตลาดโลกด้วย โดยล่าสุด บอร์ด กยท.ได้เห็นชอบให้สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อดูดซับปริมาณยางแห้งออกจากตลาด
นายธีธัช กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสภาวะราคายางยังได้รับผลกระทบจากประเทศต่างๆขยายพื้นที่ปลูกยางมากขึ้นกว่าร้อยละ 50 โดยทั่วโลกปลูกมากถึง 12 ล้านไร่ ตั้งแต่ปี 2554 ราคายางพุ่งมากที่สุด จึงเกิดปรากฎการณ์ยางฟีเวอร์ โดยในปี2559 ประเทศผู้ปลูกยางรายใหม่มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เช่น กัมพูชา ร้อยละ 33 อินเดีย ร้อยละ 21 และเวียดนาม ร้อยละ 11 ทำให้ยางล้นตลาดและในอนาคตก็มีแนวโน้มสูงขึ้น หากไม่ปรับวิธีคิด ใช้วิธีการพยุงราคาจากรัฐแบบเดิม ก็ต้องเผชิญอยู่กับการขึ้นลงของราคาซ้ำรอยปัญหาเดิม ที่จะติดกับดักความยากจนของภาคเกษตร โดยในปี2561 ขับเคลื่อนโครงการสำคัญเพื่อสร้างเสถียรภาพราคาและความมั่นคงผู้ปลูกยาง เช่นลดพื้นที่ปลูกยางในพื้นที่ไม่เหมาะสมเพื่อจำกัดปริมาณยาง เป้าหมายปีละ 4 แสนไร่ เพิ่มรายได้เกษตรกรสวนยางด้วยระบบปลูกยางแบบผสมผสาน เสริมอาชีพอื่นให้กับเกษตรกร ที่โค่นต้นยางปลูกใหม่ และเพิ่มการใช้ยางในประเทศ โดยหน่วยงานรัฐแจ้งความประสงค์ใช้ยางมาแล้วแบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นน้ำยางข้น 9,916 ตัน ยางแห้ง 1,132 ตัน เป็นงบประมาณ 11,583 ล้านบาท
“สถานการณ์ราคายางในประเทศระยะเวลา2เดือนที่ผ่านมา ระดับราคายางมีการปรับตัวในทิศทางเดียวกันราคายาง 3 ตลาดของต่างประเทศ ทั้งโตเกียว เซี่ยงไฮ้ ไซคอม ที่มีการปรับลดทุกตลาด ซึ่งมาจากปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของโลกและการซื้อขายทำกำไรในตลาดล่วงหน้า โดยกยท.ทำหน้าที่ลดความผันผวนของราคาในมาตรการบูรณาการระหว่างรัฐและเอกชน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราไทย เป็นกลไกแก้ปัญหานำมาใช้ครั้งแรก เข้าซื้อยางในราคาชี้นำ ในตลาดกลาง กยท.ทั้ง 6 แห่ง พร้อมกับมาตรการสร้างเสถียรภาพยางโดยเพิ่มกำลังซื้อและบริหารจัดการตลาดเปิดประมูล ไม่สูงหรือต่ำกว่าราคากลางเกิน 2 บาทต่อกก. ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ยางพารา มีโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร วงเงิน 6.4 พันล้านบาท โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อรวมรวมยาง 10,000 ล้านบาท โครงการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการยาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท และทั้งนี้ กยท.ได้เสนอขอขยายเวลา การรับสมัครผู้เข้าร่วม โครงการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการกิจการผลิตภัณฑ์ยาง 15,000 ล้านบาท ทั้งหมดรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ซึ่งจะเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ในเดือนพ.ย.นี้”นายธีธัช กล่าว