ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/297673

รายงานพิเศษ : พระราชดำริแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเป็น “ปราชญ์แห่งน้ำ” ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในทุกด้าน เห็นได้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำมากกว่า 2,700 โครงการ ที่สามารถแก้ไขทั้งปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง คุณภาพน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรม จนปัจจุบันกลายเป็น “ศาสตร์พระราชา” ที่ถ่ายทอดและสืบสานไปชั่วลูกชั่วหลาน
กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งศึกษา วางแผน และก่อสร้าง ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ
ในพื้นที่ต้นน้ำ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริในการการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธารและพื้นที่ป่า ด้วยการสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น หรือ ฝายต้นน้ำ (CHECK DAM) โดยได้พระราชทานพระราชดำริความตอนหนึ่งว่า
“…ให้พิจารณาดำเนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถิ่น เช่น แบบหินทิ้งคลุมด้วย ตาข่ายปิดกั้นร่องน้ำกับลำธารขนาดเล็กเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน้ำและตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน้ำที่กักเก็บไว้จะซึมเข้าไปในดินทำให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้างต่อไปจะสามารถปลูกพันธุ์ไม้ป้องกันไฟ พันธุ์ไม้โตเร็วและพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบเพื่อฟื้นฟูที่ต้นน้ำลำธารให้มีสภาพเขียวชอุ่มขึ้นเป็นลำดับ…”
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ในทุกๆพื้นที่ที่กรมชลประทานเข้าไปพัฒนาแหล่งน้ำ จะต้องมีการปลูกป่าทดแทนบริเวณป่าเสื่อมโทรมไม่น้อยกว่า 2 เท่าของพื้นป่าเดิม รวมทั้งยังได้น้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” ในเรื่องฝายชะลอความชุ่มชื้น มาดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริเวณชายขอบป่า กรมชลประทาน ยังได้พัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพื่อให้เป็นเครื่องมือ
บริหารจัดการน้ำ ในการแก้ปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย คุณภาพน้ำ และรักษาระบบนิเวศน์ของลำน้ำ ตลอดจนสร้างอาชีพเสริมให้กับประชาชนในพื้นที่หลายโครงการ อาทิ
เขื่อนขุนด่านปราการชลอันเนื่องจากพระราชดำริ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ที่ทรงมีพระราชดำริเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2536 ให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการ และก่อสร้าง ที่ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เพื่อช่วยให้ราษฎรทางตอนล่างมีน้ำใช้ทำการเกษตร การอุปโภคบริโภค รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัย โดยได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี 2547
อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เปิดดำเนินการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 มีพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 44,000 ไร่ ช่วยป้องกันและบรรเทาอุทกภัย รวมทั้งเอื้อประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก
อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา หรือ โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งการก่อสร้างตัวอ่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถเก็บกักน้ำและช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม ให้กับพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนบุุรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์กว่า 111,300 ไร่
ส่วนพื้นที่กลางน้ำ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ ฝาย แก้มลิง สระเก็บน้ำ เป็นต้น อาทิ
โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตรสำหรับพื้นที่ชลประทานใหม่กว่า 174,500 ไร่ และเสริมความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับพื้นที่โครงการชลประทานเดิมในทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างอีก 2.2 ล้านไร่ ทั้งยังช่วยบรรเทาอุทกภัยทั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำเจ้าพระยา
นอกจากนี้ในพื้นที่กลางน้ำ ทรงมีพระราชดำริให้สร้างฝายขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ในลำน้ำ และทดน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตร แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ หลายแห่ง เช่น โครงการฝายแม่งาวพร้อมระบบส่งน้ำบ้านประชาภักดีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นต้น

ส่วนพื้นที่กลางน้ำที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ ได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้แก้มลิง ซึ่งเปรียบเทียบได้กับเมื่อเกิดน้ำท่วมก็ขุดคลองต่างๆเพื่อชักน้ำให้รวมกันแล้วนำมาเก็บไว้เป็นบ่อพักน้ำอันเปรียบได้กับแก้มลิง แล้วจึงระบายน้ำออกภายหลัง
สำหรับพื้นที่ปลายน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ แต่มักประสบปัญหาน้ำท่วม กรมชลประทาน ได้นำแนวพระราชดำริแก้มลิงมาใช้ โดยได้ดำเนินโครงการแก้มลิงในพื้นที่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่มีความเสี่ยงอีกหลายแห่ง อาทิ
โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมชลประทาน ได้ขุดลอกคลองธรรมชาติที่มีอยู่เดิมทั้งหมด พร้อมขุดคลองระบายน้ำสายใหม่คือ “คลองภูมินาถดำริ” ทำให้ในปัจจุบัน ปัญหาอุทกภัยของอำเภอหาดใหญ่ได้บรรเทาเบาบางลงไปเป็นอย่างมาก
โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี โดยการขุด“คลองภักดีรำไพ” แยกออกจากแม่น้ำจันทบุรีก่อนเข้าถึงตัวเมือง เพื่อผันน้ำส่วนเกินศักยภาพของแม่น้ำจันทบุรีที่จะรองรับปริมาณน้ำได้ ไม่ให้ไหลเข้าสู่ตัวเมืองจันทบุรี ซึ่งนอกจากจะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ยังสามารถใช้กักเก็บน้ำจืดได้อีกประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร

นอกจากนี้กรมชลประทานยังเตรียมขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อเปิดโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ ซึ่งจะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 17,400 ไร่
“กรมชลประทานจะนำพระราชดำริที่เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำของพระองค์ท่าน ทั้งที่ยังไม่ดำเนินการ และดำเนินการแล้วยังไม่สมบูรณ์แบบ มาสานต่อดำเนินการให้สำเร็จตามพระราชประสงค์ พร้อมทั้งน้ำศาสตร์พระราชา ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวน้ำมาศึกษาพัฒนาต่อยอดดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี” อธิบดีกรมชลประทานกล่าว