ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/298436

รายงานพิเศษ : ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเขาน่าน ผ่านการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงด้วยระบบสหกรณ์
จากปัญหาการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าต้นน้ำเพื่อทำการเกษตร และไม่มีระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำ จนทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่จังหวัดน่าน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลของแต่ละอำเภอในจังหวัดน่าน ที่ประสบปัญหานี้ จึงได้ขอรับการสนับสนุนไปยังมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อสนับสนุนให้เป็นโครงการขยายผลโครงการหลวง(ปัจจุบันเรียกโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง) ในเขตพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ให้มีความมั่นคงทางอาหาร มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน โดยใช้องค์ความรู้และกระบวนการเรียนรู้ของโครงการหลวง ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน ภายใต้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางของโครงการหลวง โดยการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในลักษณะโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง
นายสมเกียรติ ส่วนบุญ ผู้อำนวยการกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดน่าน กล่าวว่า สำนักงานสหกรณ์จังหวัดน่าน ได้รับนโยบายจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อดำเนินการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชประสงค์จะช่วยชาวเขาให้สามารถช่วยตนเองในการปลูกพืชที่มีประโยชน์ และมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการดำรงชีพ มุ่งเน้น ให้พออยู่ พอกิน และพัฒนาไปสู่การอยู่ดี กินดี โดยการให้ความร่วมมือและช่วยเหลือสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน) ผ่านโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงในจังหวัดน่าน ในการส่งเสริมการนำระบบสหกรณ์ไปใช้ โดยการจัดตั้งกลุ่มเตรียมสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง เพื่อฝึกให้เกษตรกรรู้จักวิธีดำเนินงานของระบบสหกรณ์และเกิดทัศนคติ เห็นความสำคัญของการมีสหกรณ์ ที่จะช่วยอำนวยประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น ประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านการใช้เครื่องมือ เครื่องจักรมาช่วยในการขายพืชผลให้ได้ราคาสูงขึ้น ดีกว่าต่างคนต่างขายและยังช่วยให้ได้เงินทุนมาให้สมาชิกกู้ยืม เนื่องจากแหล่งการผลิต การขนส่งพืชผลไปขายยังตลาด ทำให้เห็นถึงพลังของการรวมกลุ่ม ซึ่งจะเกิดอำนาจในการเจรจาต่อรอง เงินกู้ให้ความเชื่อถือสหกรณ์มากกว่าเกษตรกรรายบุคคล นอกจากนี้ระบบสหกรณ์ยังเป็นพื้นฐานของการ สร้างระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย
ที่ผ่านมา ได้มีเกษตรกรชนเผ่าต่างๆในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงในจังหวัดน่าน รวมตัวกัน เพื่อช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยเน้นในด้านการส่งเสริมเกษตรกรรมที่ทดแทนการทำไร่ข้าวโพด โดยบูรณาการร่วมกับโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงในแต่ละพื้นที่ นำเอารูปแบบสหกรณ์เข้ามาทดลองใช้และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ จำนวน 4 สหกรณ์ ด้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรขยายผลโครงการหลวงขุนสถานบ้านแสนสุข จำกัด อ.นาน้อย (ขุนสถาน) 2.สหกรณ์การเกษตรขยายผลโครงการหลวงถ้ำเวียงแก จำกัด อ.สองแคว (ถ้ำเวียงแก) 3.สหกรณ์การเกษตรขยายผลโครงการหลวงน้ำแขว่ง จำกัด อ.นาหมื่น (น้ำแขว่ง) และ 4.สหกรณ์การเกษตรขยายผลโครงการหลวงน้ำแป่ง จำกัด อ.ท่าวังผา (น้ำแป่ง)
ปัจจุบันทั้ง 4 สหกรณ์ มีสมาชิกรวมกัน จำนวน 265 ราย ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การผลิต การตลาดรวมจนถึงเงินอุดหนุนในการจัดจ้างเจ้าหน้าที่ช่วยปฏิบัติงานสหกรณ์ แก่สหกรณ์ผ่านสำนักงานสหกรณ์จังหวัดน่าน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยในแต่ละสหกรณ์มีพัฒนาการที่แตกต่างกันไป สำหรับสหกรณ์ที่มีพัฒนาการที่ดีที่สุด คือ สหกรณ์การเกษตรขยายผลโครงการหลวงขุนสถานบ้านแสนสุข จำกัด อ.นาน้อย (ขุนสถาน) ซึ่งปัจจุบันสมาชิกสามารถพึ่งพาตนเองได้แล้ว มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบมากขึ้น รวมทั้งสามารถคิดต่อยอดโครงการต่างๆเพื่อทำงานร่วมกับโครงการหลวงได้อีกด้วย ซึ่งในปีที่ผ่านมาสหกรณ์สามารถรวบรวมผลผลิตพืชผักจากสมาชิกรวม 4 ชนิด ได้แก่ พริกหวาน มะเขือเทศเนื้อ มะเขือเทศเชอร์รี่ และแตงกวาญี่ปุ่น ได้ผลผลิตประมาณ 189,744 กิโลกรัม เพื่อส่งไปยังโครงการหลวงร้อยละ 95 ที่เหลือเป็นผลผลิตที่เสียหายจากโรค และผลผลิตตกเกรดจะขายให้กับพ่อค้ารายย่อย สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับสมาชิก ส่งผลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
และจากการที่สหกรณ์การเกษตรขยายผลโครงการหลวงขุนสถานบ้านแสนสุข จำกัด อ.นาน้อย (ขุนสถาน) มีเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติขุนสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ จึงมีแนวคิดในการพัฒนาสหกรณ์ในเชิงท่องเที่ยว โดยการให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเก็บผลผลิตพืชผัก ผลไม้ จากโรงเรือนพลาสติกของสมาชิก มารับประทานหรือนำไปประกอบอาหารได้ เป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับสมาชิกอีกทางหนึ่ง
