ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/300593

แตกใบอ่อน : ม.44 ลักหลับ
ไม่รู้เป็นเจตนาหรือเรื่องบังเอิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงอาศัยจังหวะเวลาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่คนไทยทั้งประเทศกำลังใจจดจ่ออยู่กับงานพิธีสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มาใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ออกประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 47/2560 เรื่อง ข้อกําหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค
ตะวันออก หรือ อีอีซี (Eastern Economic Corridor – EEC) โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที
แต่ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใด ก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญมันอยู่ที่ข้อใหญ่ใจความของเนื้อหาคำสั่งดังกล่าวมากกว่า โดยในคำสั่งที่ 47/2560 มีสาระสำคัญอยู่ที่การกำหนด “อำนาจ” ในการจัดทำแผนนโยบายและแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินขึ้นใหม่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งหลักๆ มีอยู่ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจเป็นภาษาชาวบ้าน ก็คือ คำสั่งฉบับนี้เป็นคำสั่งให้ไม่ต้องนำกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองมาใช้บังคับในการจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบ สาธารณูปโภค หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ เป็นการ “ฉีก” ผังเมืองรวมที่ใช้ในปัจจุบันซึ่งเป็นผังเมืองที่จัดทำขึ้นโดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียกับการก่อเกิดของ “นิคมอุตสาหกรรม” ทิ้งไปทั้งหมด โดยให้อำนาจ “คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” เป็น
ผู้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแผนการใช้ประโยชน์ในที่ดินและจัดทำผังเมืองใหม่ขึ้นแทน
ถามว่าเรื่อง “ผังเมือง” มันสำคัญมากขนาดไหน
คำตอบก็ต้องบอกว่าสำคัญมากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะในจังหวัดที่มี “นิคมอุตสาหกรรม” ซึ่งที่ผ่านมามักต้องประสบกับปัญหาการรั่วไหลของ “มลพิษ” ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ จากโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เป็นระยะ ซึ่งแน่นอนว่า คนที่ได้รับผลกระทบก็ล้วนเป็นชาวบ้านที่อยู่อาศัยรอบๆ โรงงานเหล่านั้น ดังนั้นจึงมีความพยายามมาโดยตลอดจากฝ่ายชาวบ้านและภาคประชาชน ที่ต้องการ “จำกัด” การเติบโตและการขยายตัว รวมทั้งเพิ่มกระบวนการตรวจสอบควบคุมการปล่อย “มลพิษ” ของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งแน่นอนเช่นกันว่า การกระทำแบบนี้นักลงทุนไม่ชอบแน่
ปัญหาเรื่อง “ผังเมือง” จึงเป็นปัญหาที่คอยแยกขั้วระหว่างชาวบ้านกับนักลงทุน และอาจรวมถึงรัฐบาลที่อยากจะได้เม็ดเงินของนักลงทุนเพื่อมาปั้นตัวเลขทางเศรษฐกิจกันใจแทบขาด
และที่ผ่านมา กลุ่มนักลงทุนก็มักใช้เงื่อนไข “ผังเมือง” โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการขยายพื้นที่สีม่วง หรือพื้นที่เขตอุตสาหกรรม มาต่อรองกับรัฐให้ปรับผังเมืองใหม่ เพื่อแลกกับการเพิ่มการลงทุนอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา “เสียง” ของประชาชนจะค่อนข้างมีน้ำหนักความสำคัญมากกว่า เพราะไม่ว่ารัฐบาลจะเต็มใจหรือไม่ แต่ “กฎหมายผังเมือง” มีข้อกำหนดเกี่ยวกับขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียงในการจัดทำผังเมืองเอาไว้ ซึ่งเท่ากับเป็น “หลักประกัน” ให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อไม่ป้องกันการได้รับผลกระทบนั่นเอง
ด้วยกฎหมายผังเมืองฉบับเดียวกันนี้เอง จึงทำให้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาคนชลบุรีและระยอง ได้ “ผังเมือง” ฉบับใหม่ ที่ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งให้ความสำคัญต่อประเด็นการเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ลดพื้นที่อุตสาหกรรม และจัดสรรพื้นที่กันชนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนที่อยู่อาศัยมากขึ้น
คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับนี้จึงไม่ต่างไปจากการ “ลักหลับ” เพื่อทำลาย “หลักประกัน” ของประชาชนจนแทบไม่เหลือชิ้นดีไปนั่นเอง
มะลิลา