ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/305829

ส่องเกษตร : ภารกิจที่ท้าทาย 3รมต.เกษตร
บรรดารัฐมนตรีใหม่ในครม.“ประยุทธ์ 5”กำลังจะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในช่วงเย็นของวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน หลังจากนี้จึงจะสามารถเริ่มต้นเข้าไปทำงานในแต่ละกระทรวงที่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งได้ ซึ่งก็คือวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป
ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ได้ปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีแบบยกทีม คือทั้งรัฐมนตรีว่าการ-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ “เพื่อนซี้”นายกฯลุงตู่ ถูกปรับออก แต่ไม่ตกงาน ยังได้รับตำแหน่งใหม่ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับตัวรัฐมนตรีช่วย-ชุติมา บุณยประภัศร ถึงพ้นจากเกษตรฯ ก็ยังได้ไปนั่งเป็นรมช.พาณิชย์แทน
ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ทีมรัฐมนตรีเกษตรฯชุดใหม่ ที่มากันเต็มพิกัดกว่าครม.ทุกชุดของลุงตู่ คือ มีรัฐมตรีว่าการ 1 คน บวกรัฐมนตรีช่วยอีก 2 คน ต่างจากครม.ประยุทธ์ 1 ถึงประยุทธ์ 4 ที่บางช่วงมีรัฐมนตรีว่าการโดดๆ เพียงคนเดียว หรืออย่างดีก็มีรัฐมนตรีช่วยให้อีก 1 คนเท่านั้น
ทีมรัฐมนตรีเกษตรฯชุดใหม่ทั้ง 1 รมว.กับอีก 2 รมช.นี้ ยังถือเป็นรัฐมนตรีประเภทสดๆ“ซิงๆ”ใหม่ถอดด้ามกันทั้งหมด มีที่มาหลากหลาย น่าสนใจยิ่งว่า ถ้านำความหลากหลายเหล่านี้มาผสมผสานใช้ทำงานให้ได้อย่าง“ลงตัว”คงเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรได้อย่างมาก
ทีมที่ประกอบด้วย รมว.คือ นายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นนักปกครองมาทั้งชีวิต กับ 2 รมช.คือ นายลักษณ์ วจนานวัช นักการธนาคาร อดีตผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธ.ก.ส.สถาบันการเงินของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นกลไกสนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาตลอด และนายวิวัฒน์ ศัลยกำธรหรือ“อาจารย์ยักษ์”หนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ลงสู่การปฏิบัติ และขับเคลื่อน “หลักกสิกรรมธรรมชาติ” โดยมีตำแหน่งประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง,ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
ว่าไปแล้ว 2 รมช.เกษตรฯคนใหม่ ดูจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาของเกษตรกรดี เพราะทำงานเกี่ยวข้องในแวดวงการเกษตรมาตลอด ขณะที่รมว.เกษตรฯ นายกฤษฎา บุญราช เสียอีก ที่ประวัติการทำงานไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรฯโดยตรงเลย ซึ่งผมเคยตั้งข้อสังเกตในคอลัมน์นี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่า อาจเป็นเพราะนายกฯบิ๊กตู่ต้องการนักปกครองที่เคยผ่านงานทั้งเป็นอธิบดีกรมการปกครอง,ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและจังหวัดยะลา ฯลฯ มาก่อน เพื่อใช้ประโยชน์ด้านงานมวลชนในการคลี่คลายปัญหาเกษตรกรในหลายพื้นที่ก็เป็นได้
ปรากฏว่า หลังนายกฤษฎาได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว นักวิเคราะห์ก็พากันมองในแนวนี้ โดยเน้นหนักที่ปมร้อน“ม็อบสวนยาง”เวลานี้ เป็นเรื่องแรกที่ต้องจับตาการแก้ไขของรมว.เกษตรฯคนใหม่ ซึ่งว่าไปแล้วการที่เคยเป็น “พ่อเมือง” 2 จังหวัดสำคัญภาคใต้ ทั้งเคยเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย มีข้อมูลว่าเขาสนิทสนมกับพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าสนามภาคใต้ดี รวมถึงแนบแน่นกับลุงกำนัน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตเลขาฯพรรค ปชป.ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำมวลชน กปปส.และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทนายนกเขา “นิติธร ล้ำเหลือ” ผู้มีบทบาทสำคัญในกลุ่มพันธมิตรฯต่อต้านระบอบทักษิณด้วย…น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญใช้ประโยชน์ในการคลี่คลายปมร้อน“ม็อบสวนยาง”ได้ ซึ่งก็เริ่มมีแกนนำม็อบสวนยางภาคใต้บางคนพูดถึงรมว.เกษตรฯคนนี้ ในแง่ดีทันที
อย่างไรก็ตาม แม้การผสานทีมงานที่หลากหลายของ 1 รมว.กับ 2 รมช.น่าจะทำให้ทิศทางการทำงานของกระทรวงเกษตรฯมีความแปลกใหม่ อาจทำงานต่างๆได้ดีขึ้น แต่ด้วยเวลาที่เหลือแค่ปีเศษ ก็เป็นข้อจำกัดให้ทำอะไรได้ไม่มากนัก
ยิ่งกว่านั้น ปัญหาสำคัญที่“ชี้เป็นชี้ตาย”ต่อ 2 รมว.เกษตรฯคนก่อนหน้านี้ ก็คือ เรื่อง “วิกฤติพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ” เป็นภารกิจที่ยากยิ่งต่อการแก้ไข ทั้งต้องร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สร้างกลไกการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพให้ได้…นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายทีมรัฐมนตรีเกษตรชุดนี้ยิ่ง
สาโรช บุญแสง