ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/302991

เร่งช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลด ขยายเวลาชำระหนี้สมาชิกสหกรณ์ภายในสิ้นเดือนพ.ย.
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 4,703.78 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด โดย กระทรวงเกษตรฯได้ดำเนินการ ดังนี้ 1.ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพายุตาลัสและเซินกา ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม ครัวเรือนละ 3,000 บาท (เพิ่มเติม) ในพื้นที่ 30 จังหวัด เกษตรกร 1.19 ล้านครัวเรือน วงเงิน 3,592.66 ล้านบาท และขยายระยะเวลาชำระหนี้แก่สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มสหกรณ์ร้อยละ 3 ต่อปี 6 เดือน ในพื้นที่ 36 จังหวัด สมาชิก 138,317 ราย วงเงิน 233.51 ล้านบาท ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน
2.การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยพายุทกซูรี หย่อมความกดอากาศต่ำ และร่องมรสุม ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบขยายจากช่วงพายุตาลัส และเซินกา ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม – 31 ตุลาคม โดยให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 3,000 บาท ครอบคลุม 39 จังหวัด เกษตรกร 250,000 ครัวเรือน วงเงิน 750 ล้านบาท พร้อมให้การสนับสนุนวัสดุปรับปรุงบำรุงดินและพันธุ์พืชระยะสั้น ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม
3.การช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่โครงการปรับเปลี่ยนระบบผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง วงเงิน 127.61 ล้านบาท มี 3 แนวทาง คือ การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวนาปี ไร่ละ 5 กิโลกรัม พื้นที่ 1.41 ล้านไร่ มีแผนดำเนินการในช่วงกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2561 การปล่อยปลาเข้าทุ่งในปี 2561 จำนวน 20.2 ล้านตัว วงเงิน 2.20 ล้านบาท มีแผนดำเนินการในเดือนกันยายน – ตุลาคม 2561 และการส่งเสริมอาชีพทางเลือก ได้แก่ การปลูกพืชหลากหลาย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชปุ๋ยสด และพืชอาหารสัตว์ มีแผนดำเนินการในเดือนตุลาคม 2560 – มิถุนายน 2561
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า หลังจากที่ไม่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้สามารถระบายน้ำจากจังหวัดนครสวรรค์และท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงไปได้ จากเดิมมีปริมาณน้ำสูงถึง 2,700 ลบ.ม./นาที ลดลงเหลือ 650 ลบ.ม./นาที ส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลดลงไม่น้อยกว่า 1 เมตร แต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลดลงเพียง 10 ซ.ม./วัน ขณะนี้กรมชลประทานได้ปรับแผนการระบายน้ำ โดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนในการระบายน้ำออกไป พร้อมกับใช้เครื่องผลักดันน้ำ ซึ่งการลดการระบายน้ำผ่านลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะลดแบบขั้นบันได และมีเป้าหมายอยู่ที่ 700 ลบ.ม. การระบายน้ำในทุ่งพื้นที่ลุ่มทั้ง 13 พื้นที่จะลดลงภายในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม สำหรับพื้นที่ภาคอีสาน ระดับน้ำบริเวณท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ได้ลดลง 28 ล้าน ลบ.ม./วัน ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ตั้งแต่ ลำน้ำพอง จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม ลดลงมาตามลำดับแต่ก็ยังสูงกว่าตลิ่ง ขณะนี้น้ำยังคงชะลอตัวอยู่บริเวณ จ.ร้อยเอ็ด และยโสธร โดยจะระบายออกให้ได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ที่อ.บางสะพาน มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ซึ่งกรมชลประทานได้สั่งการให้มีการเดินเครื่องสูบน้ำคู่ขนานกันไป และเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 7 จังหวัด คือ พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีฝนระดับปกติ แต่ได้เตรียมการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญ 3 แห่ง ไว้เพื่อรอรับฝนที่จะตกเหนืออ่างฯ คือ อ่างเก็บน้ำสะเดา อ่างเก็บน้ำคลองหลา และอ่างเก็บน้ำจำไหลซึ่งจะสามารถรองรับน้ำรวมกันได้ประมาณ 32 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำคัญที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งกรมชลประทานได้เตรียมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ วัชพืชทางน้ำภายในคลองอู่ตะเภา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือระบายน้ำไม่ให้เข้าท่วมตัวเมืองหาดใหญ่ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ไว้ทุกบริเวณที่เคยท่วมซ้ำซาก ทั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกจุด หากมีพายุดีเปรสชั่นหรือฝนตกหนัก สามารถเดินเครื่องทำงานได้ทันที