ครม.ไฟเขียว3มาตรการ เร่งแก้ราคายางดิ่งเหว ภาครัฐใช้เพิ่ม2แสนตัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/308480

ครม.ไฟเขียว3มาตรการ  เร่งแก้ราคายางดิ่งเหว  ภาครัฐใช้เพิ่ม2แสนตัน

ครม.ไฟเขียว3มาตรการ เร่งแก้ราคายางดิ่งเหว ภาครัฐใช้เพิ่ม2แสนตัน

วันพุธ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ครม.ไฟเขียว3มาตรการ

เร่งแก้ราคายางดิ่งเหว ภาครัฐใช้เพิ่ม2แสนตันช่วยดอกเบี้ย-ลดที่ปลูก ส่งให้บอร์ด‘กยท.’เคาะ

นายกฯเผยครม.ถกแก้ปัญหาราคายางพาราเน้นให้เพิ่มสัดส่วน การใช้ยาง ในโครงการภาครัฐ รมว.เกษตรฯเผย ครม.รับทราบ3 มาตรการแก้ปัญหายาง นำยางไปใช้หน่วยงานรัฐ 2 แสนตัน พร้อมกรอบวงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการซื้อยางแห้ง 20,000ล้านบาท รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ3‘กยท.’ เทงบ6,790ล้านบาท ลดพื้นปลูกยาง4แสนไร่ ‘คสช.’หนุนใช้ยางซ่อมถนนเพิ่ม

เมื่อวันที่ 12ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าในที่ประชุมครม.ได้มีการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือในระยะสั้นด้วยการดูดซับปริมาณยางออกจากตลาด โดยจะให้มีบริษัทเข้าไปรับซื้อยาง เพื่อนำไปแปรรูป และให้หน่วยงานของรัฐไปจัดซื้อนำมาใช้ในโครงการต่างๆซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ยางดีขึ้นได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ การลดปริมาณยางในตลาด จะให้สวนยางของรัฐหยุดการกรีดยางทั้งหมด แต่ต้องหามาตรการดูแลผู้กรีดยางด้วย และต้องดำเนินมาตรการตัดโค่นยางในพื้นที่บุกรุกที่เป็นของนายทุนทั้งหมด และในส่วนที่เป็นการบุกรุกของประชาชนจะให้คณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ เข้าไปหามาตรการดูแล

ส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นจดหมายเปิดผนึกให้รัฐบาลทราบถึงปัญหารายได้ครัวเรือนของประชาชนภาคใต้ที่ลดลง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นความหวังดีเพราะนายชวนเป็นคนดีซึ่งตนเปิดช่องทางให้นักการเมืองได้แสดงความคิดเห็น แต่ขอให้บอกวิธีการแก้ปัญหาเข้ามาด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงอีกว่ารัฐบาลนี้ได้ดูแลทุกปัญหาให้กับประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณให้กระจายไปสู่ระดับภูมิภาค ระดับจังหวัดและท้องถิ่น โดยไม่เลือกปฏิบัติและขอให้มองย้อนกลับไปดูถึงปัญหาของการจัดสรรงบประมาณที่บางครั้งไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภูมิภาค จึงทำให้ไม่สามารถพัฒนาไปได้พร้อมกัน

ครม.ไฟเขียว3มาตรการแก้ปัญหายาง

ด้าน นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังประชุมครม.ว่าที่ประชุมได้รับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราครบวงจร ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภาวะราคายางตกต่ำแก่เกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางใน 3 มาตรการ ตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรฯโดย มาตรการที่ 1.การให้หน่วยงานราชการทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงท่องเที่ยวฯ กระทรวงมหาดไทย รับซื้อยางพาราเพิ่มเติมจากเดิม 80,000ตัน เพิ่มมากขึ้นจากเป้าหมาย กระทรวงคมนาคมต้องการเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในการสร้างถนน ชุมชน 1.2-1.3 แสนตัน ในปี 2561

มาตรการที่ 2การจัดสรรงบประมาณชดเชยภาระดอกเบี้ยให้กับภาคเอกชนไม่เกินร้อยละ3 เมื่อเข้ารับซื้อยางพาราแห้งเพิ่มเติมจากชาวสวน เมื่อบริษัทเอกชน กู้เงินจากสถาบันการเงินวงเงินเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท ภาระดอกเบี้ยชดเชยประมาณ 600 ล้านบาท มาตรการที่ 3 แนวทางการลดพื้นที่ปลูกยางพารา 2 แสนไร่ แบ่งเป็นการให้ลดพื้นที่ในส่วนราชการลง 100 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 100,000 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่เกษตรกร รัฐบาลพร้อมลดปริมาณยางในพื้นที่เกษตรกรเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน เตรียมจ่ายเงินสนับสนุน 4,000บาทต่อรายไม่เกิน10ไร่ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ชาวสวนยางลดพื้นที่การกรีดยางในพื้นที่ราชการ ในช่วงระยะเวลา3เดือน(มกราคม-มีนาคม 2561)เพื่อชะลอปริมาณยางออกสู่ระบบ จำนวน 6,000ตัน

ส่งบอร์ดกยท.ถกก่อนชงกลับครม.

“เมื่อครม.รับทราบทั้ง3มาตรการ ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯไปเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)และคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ให้ความเห็นชอบ และกลับมาเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ยืนยันว่าแนวทางการช่วยเหลือยางพารา จะไม่ให้ต่ำกว่าต้นทุน50-60บาทต่อตันเมื่อนำข้อปฏิบัติด้านต่างๆในการดูแลชาวสวนยาง จะนำไปหารือกับ3ประเทศทั้งไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียในการชะลอรับซื้อยางพารา”นายกฤษฎาย้ำ

เร่งเพิ่มปริมาณการใช้ยางในไทย

มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ทั้งนี้สำหรับทั้ง 3 มาตรการที่ กระทรวงเกษตรฯเสนอเป็นไปตามข้อสั่งการของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2560 โดยให้การยางแห่งประเทศไทย(กยท.)ดำเนินการเสนอโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูดซับปริมาณผลผลิตยางในระบบ ลดปริมาณ การผลิตและเพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพารา ที่ปรับตัวลดลงโดยเร่งด่วนภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์

1.โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐเป้าหมาย 200,000ตันโดยกยท.เปิดจุดรับซื้อจากเกษตรกรขึ้นทะเบียนกับ กยท.วงเงิน12,240 ล้านบาท ใช้จ่ายจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 2561 เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ โดยส่งมอบให้หน่วยงานภาครัฐนาไปใช้ เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ลดผลกระทบที่ส่งผลต่อราคายางพาราภายในประเทศ

2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง(ยางแห้ง) เป้าหมายดูดซับยางออกจากระบบประมาณร้อยละ11ของผลผลิตยางแห้ง 350,000 ตัน จากผลผลิต ทั้งปีประมาณ3,200,000ตัน(ส่วนเนื้อยางแห้ง) ราคายางเป้าหมาย 65 บาท/กิโลกรัม (ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 เป็นราคาประกาศของตลาด กลางยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย) วงเงินด่าเนินการ 20,000 ล้านบาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี (ไม่เกิน 600 ล้านบาท) ด่าเนินโครงการ เดือนมกราคม 2561 ถึง เดือนธันวาคม 2562 ระยะเวลาในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 2 ปี

ปรับลดพื้นที่ปลูกยางปีละ2แสนไร่

3.โครงการควบคุมปริมาณผลผลิต มีปรับเป้าหมายการลดพื้นที่เป็นลดพื้นที่ปลูกยางปีละ 200,000 ไร่ และลดพื้นที่ปลูกยางแบบถาวร โดยการโค่นและปลูกแทนด้วยพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ตามความเหมาะสมกับพื้นที่ ปีละ 200,000 ไร่ เพื่อลดความเสี่ยงในการ และลดปริมาณผลผลิตของหน่วยงานภาครัฐที่มีสวนยาง หน่วยงานภาครัฐที่มีสวนยาง ประมาณ100,000ไร่ ลดปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดได้6,780ตันต่อสามเดือน โดยเป้าหมาย องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) มีเนื้อที่สวนยางประมาณ 89,000ไร่ กรมวิชาการเกษตรประมาณ 2,000ไร่และกยท. เนื้อที่เปิดกรีดจำนวน 30,111ไร่ รวมเนื้อที่ 121,111ไร่ ซึ่งมีพื้นที่หยุดกรีด 3 เดือน (มกราคม–มีนาคม 2561)

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยาง เข้าโครงการลดพื้นที่ปลูกยางแบบถาวร จำนวน 200,00ไร่ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาของกยท.เป็นเงิน3,287.28ล้านบาท ลดพื้นที่ปลูกยางแบบชั่วคราว จำนวน200,000ไร่ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนา ยางพาราของกยท.เป็นเงิน 3,200ล้านบาท และลดปริมาณผลผลิตของหน่วยงานภาครัฐที่มีสวนยาง รวมเนื้อที่121,111ไร่ ซึ่งมีพื้นที่หยุดกรีด 3 เดือน(มกราคม–มีนาคม2561)ใช้งบกลางของรัฐบาล จานวน 303ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์ยางพาราทั่วโลกช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผลกระทบต่อราคา(ปี 2555–2559) เนื้อที่ปลูกยางพาราของโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศผู้ปลูกยางพาราที่สำคัญของโลก ได้แก่จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทย มีพื้นที่ปลูกยางเพิ่มขึ้นจาก 68.45 ล้านไร่ ในปี 2555เป็น71.30 ล้านไร่ ในปี 2559หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.02ต่อปี สาหรับผลผลิตยางพาราของโลกเพิ่มขึ้นจาก11.66ล้านตัน ในปี 2555เป็น12.40ล้านตัน ในปี 2560 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.09 ต่อปี

คสช.สั่งเพิ่มสัดส่วนใช้ยางซ่อมถนน

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบอห่งชาติ(คสช.)เปิดเผยหลังการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ที่มี พล.อ.สสิน ทองภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก(รองผบ.ทบ.)ในฐานะรองเลขาธิการคสช.เป็นประธานการประชุมโดยที่ประชุม ยังคงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัย เน้นการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดและวางมาตรการป้องกันการเกิดน้ำท่วมซ้ำ ส่วนการเข้าคลี่คลาย ข้อเรียกร้องของเกษตรกรในระดับพื้นที่ให้ดำรงการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือตามมาตรการและกลไกการแก้ปัญหาที่รัฐบาลวางกรอบแนวทางไว้แล้วโดยรองเลขาธิการคสช.ย้ำให้ทุกส่วนงานเดินหน้าช่วยขับเคลื่อนนโยบายและโครงการของภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ชุมชน อย่างต่อเนื่อง

รองโฆษก คสช.กล่าวว่า ส่วนการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเรื่องการใช้ยางพารานั้นขณะนี้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกและหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาได้ดำเนินการสำรวจและวางแผนการซ่อมสร้างถนนที่ชำรุดและถนนที่เชื่อมต่อระหว่างชุมชนเพื่อพิจารณาเพิ่มปริมาณสัดส่วนการใช้ยางพารา เป็นส่วนประกอบในการซ่อมสร้างเส้นทางดังกล่าวซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนเพิ่มสัดส่วนยางพาราให้ได้มากที่สุดซึ่ง รองเลขาธิการคสช.เร่งรัดให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ให้สามารถเริ่มการก่อสร้างโดยเร็วเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางตามที่รัฐบาลมุ่งหวัง

Leave a comment