ดันอุตสาหกรรม‘จระเข้’สู่ตลาดโลก ‘ประมง’เร่งถ่ายทอดองค์ความรู้การเพาะเลี้ยงตลอดสายการผลิต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/310915

ดันอุตสาหกรรม‘จระเข้’สู่ตลาดโลก ‘ประมง’เร่งถ่ายทอดองค์ความรู้การเพาะเลี้ยงตลอดสายการผลิต

ดันอุตสาหกรรม‘จระเข้’สู่ตลาดโลก ‘ประมง’เร่งถ่ายทอดองค์ความรู้การเพาะเลี้ยงตลอดสายการผลิต

วันอังคาร ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมประมง ได้จัดการประชุมเรื่องจระเข้ไทยก้าวไกลสู่จระเข้โลก เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเพาะเลี้ยงจระเข้จำนวนมาก ทั้งเพื่อการค้า การจัดแสดง หรือแม้แต่เป็นสัตว์เลี้ยง เพราะจระเข้เป็นสัตว์ที่สามารถนำอวัยวะมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งหนัง เนื้อ เลือด และไขมัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากหนังจระเข้ของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับและต้องการของตลาดระหว่างประเทศจำนวนมาก สามารถสร้างอาชีพและรายได้แก่ผู้เพาะเลี้ยง และผู้ประกอบการจระเข้ โดยการส่งออกในปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท และจากข้อมูลการสำรวจในประเทศมีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ ค้า และครอบครอง จำนวน 1,200 ราย มีจระเข้ที่เพาะเลี้ยงไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัว ซึ่งปัจจุบันมีคู่แข่งทางการค้าของไทยเกิดขึ้นมาก จึงจำเป็นต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการเลี้ยง และการผลักดันธุรกิจการส่งออกจระเข้ของไทยในตลาดโลก ควบคู่กับการอนุรักษ์ รวมทั้งกำหนดแนวทางการกำกับดูแลการเพาะเลี้ยงจระเข้ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและอนุสัญญาที่เกี่ยวข้อง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง จึงร่วมกับผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงจระเข้ จัดการประชุมดังกล่าว เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และข้อมูลด้านการอนุรักษ์ การเลี้ยง โรคระบาดที่เกิดกับจระเข้ และแนวทางการกำกับดูแลการเพาะเลี้ยงจระเข้ให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมจระเข้ตลอดสายการผลิตอย่างไรก็ตาม การอนุรักษ์ทรัพยากรจระเข้ในธรรมชาติ ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบันสภาพแหล่งที่อยู่อาศัยของจระเข้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่หากกรมประมงได้ทำการศึกษาวิจัย และสามารถดำเนินการปล่อยจระเข้คืนสู่ธรรมชาติในแหล่งที่มีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต และไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ย่อมส่งผลต่อการดำรงไว้ซึ่งชนิดพันธุ์จระเข้ในธรรมชาติ นอกจากการส่งเสริมด้านการค้าและการอนุรักษ์แล้ว การควบคุมและบริหารจัดการจระเข้ภายในประเทศ ก็ไม่สามารถละเลยได้ ผู้เลี้ยงและผู้ประกอบการต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย และไม่ส่งผลกระทบแก่ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง

“การที่จะทำให้ผลิตภัณ์จากจระเข้ของไทยได้รับการยอมรับจากตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยต้องพิสูจน์ให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะอนุสัญญาไซเตส ได้เห็นว่าประเทศไทยมีแหล่งที่จะอนุรักษ์ให้จระเข้พันธุ์ไทยได้อยู่อย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการที่กรมประมงร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ นำจระเข้ไปปล่อยในพื้นที่เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไว้ จะทำให้ประชาคมโลกมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นที่เห็นความตั้งใจจริงของประเทศไทยทั้งในเรื่องการค้าและการอนุรักษ์พันธุ์จระเข้ด้วย นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ประกอบการทั้งผู้เลี้ยงและผู้แปรรูป รวมถึงผู้ที่เข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ ให้ช่วยกันในการเป็นหัวขบวนเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรที่อยู่โดยรอบที่จะให้สถานประกอบการมีโอกาสได้เลี้ยงจระเข้เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เป็นการเติบโตที่กระจายตัว เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรรายย่อยด้วย ถือเป็นนโยบายที่สำคัญของทางรัฐบาลที่อยากเห็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรนำพาพี่น้องเกษตรกรรายอื่นที่ปลูกสินค้าเกษตรไม่ประสบผลสำเร็จ มาผลิตสินค้าเกษตรที่มีโอกาสที่มีความมั่นคงมากกว่าเดิม” นายลักษณ์ กล่าว

นายอรุณชัย พุทธเจริญ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพาะเลี้ยงจระเข้ทุกชนิด ถูกกำหนดให้เป็นกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุมตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ซึ่งกรมประมงมุ่งหวังที่จะผลักดันให้การเพาะเลี้ยงจระเข้และอุตสาหกรรมต่อเนื่องตลอดสายการผลิต เติบโตและมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตสู่ตลาดการค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดในการบริหารจัดการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และยังทำให้ผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันให้อุตสาหกรรมจระเข้ของไทยให้มีศักยภาพและความเข้มแข็งพร้อมที่จะก้าวสู่ตลาดโลกต่อไป

Leave a comment