Star Retro : ‘ไก่-สุปราณี’ กับหน้าที่ ‘แม่’ ต่างวาระ!?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/296308

Star Retro : ‘ไก่-สุปราณี’ กับหน้าที่ ‘แม่’ ต่างวาระ!?

Star Retro : ‘ไก่-สุปราณี’ กับหน้าที่ ‘แม่’ ต่างวาระ!?

วันอาทิตย์ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

คิวแน่นไม่แพ้นักแสดงนำ ต้องยกให้ “ไก่-สุปราณีเจริญผล” ผู้สวมบทบาท “คุณแม่” ในละครไทยหลายต่อหลายเรื่อง หลากหลายคาแร็กเตอร์ที่ได้รับการันตีได้ด้วยฝีมือและความรักที่เธอมีให้กับอาชีพนักแสดง แต่มากไปกว่านั้น เธอยังเป็น คุณแม่ในชีวิตจริง ให้กับลูกชายวัย 13 ปีอีกด้วย

บทบาท ณ ปัจจุบัน

อาชีพหลักที่เป็นมานานแล้ว ก็คือ นักแสดงค่ะ นานจนไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร(หัวเราะ) ตอนนี้มีถ่ายละครอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ที่เพิ่งปิดกล้องไปก็คือ “มือปราบข้าวสารเสก,เด็ดปีกนางฟ้า, เงาอาถรรพ์” ที่กำลังถ่ายทำอยู่ก็มีเรื่อง “นางร้าย, ข้ามสีทันดร” มีละครเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งช่วงหลังก็หันมารับบทแม่แบบเต็มตัว คือเล่นเป็นแม่นางเอก แม่พระเอก และส่วนมากมักจะได้รับบทเป็นคุณแม่ที่แสนดีเรียบร้อย แต่ตอนหลังเริ่มมีให้เปลี่ยนบทบาทมากขึ้นหน่อย มีให้เริ่มเป็นแม่แบบไม่ร้ายมาก แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อย คืออาจจะหวงลูก ขีดเส้นทางชีวิตให้เขา มีบทบาทที่หลากหลายมากขึ้นให้เรารับ อีกหนึ่งหน้าที่ก็คือถ้าวันไหนไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ไปถ่ายละคร ก็จะรับ-ส่งลูกเองค่ะ ด้วยความที่บทเราเล่นเป็นแม่ เราก็ไม่ได้ถ่ายทุกวัน บางทีเรื่องหนึ่งสามสี่คิวจบ แต่ก็มีคิวซ้อนกันบ้าง เพราะนักแสดงที่รับบทแม่ รุ่นๆเราอาจจะมีไม่กี่คน แต่จะบอกว่าพอมารับบทคุณแม่แล้วงานเยอะกว่าตอนสาวนะ (หัวเราะ) ซึ่งไก่เล่นเป็นแม่ของ “น้องแมท ภีรนีย์” มากที่สุด ไม่ต่ำกว่าสามเรื่องค่ะ เจอกันยังแซวกันเลยว่านี่เราเป็นแม่ลูกกันอีกแล้วเหรอ

ชีวิตครอบครัว

ไก่แต่งงานเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ตอนนั้นยังเป็นนักแสดงอยู่ค่ะ ยังรับงานแสดงอยู่ แล้วพอชีวิตเราเปลี่ยนผันไปมีครอบครัว ก็ยังมีงานอยู่เรื่อยๆ พอสักสองปีหลังจากแต่งงานก็ท้อง เลยหยุดไปคลอดลูก เลี้ยงลูกดูแลลูก จนเขาอายุได้ประมาณสามขวบ หลังจากนั้นก็ได้กลับมาเล่นละครโดยได้เริ่มบทแม่เลยเต็มตัวในเรื่อง “จำเลยรัก” เล่นเป็นแม่ “น้องแอฟ-ทักษอร”

ความรู้สึกแรกในการสวมบทบาทแม่

เป็นไปตามบทบาทที่ได้รับมาค่ะ อ่านบทไป เราก็เล่นไปตามฟิล ไม่ได้ปรับอะไรมาก เพราะเราก็มีลูกแล้ว อารมณ์ความเป็นคุณแม่คือเรามาเต็ม ส่วนตัวเราก็รู้จักกับ “น้องแอฟ” อยู่แล้ว และทีมของ “พี่จิ๋มมยุรฉัตร” เราก็สนิทสนมกัน ร่วมงานกันมาตลอด ก็เลยไม่ต้องปรับอะไรมาก แต่อาจจะมีปรับในเรื่องของการแสดง เพราะว่าเราหายไปนานหลายปี มันก็มีติดขัดไปบ้าง ถือเป็นการเปิดตัวรับบทแม่ครั้งแรก ซึ่งตอนที่ทางออฟฟิศของพี่จิ๋มโทร.มา ไก่ก็ยังถามอยู่ว่า มันโอเคแล้วเหรอที่เราจะเล่นเป็นแม่ คือไก่ไม่ได้รู้สึกว่าเราแก่พอที่จะเล่นเป็นแม่ได้แล้วหรือเปล่านะคะ แต่ไก่มีความรู้สึกว่าในวัยและในช่วงเวลาตอนนั้นเป็นช่วงของเราแล้วใช่ไหม เพราะว่า 2-3 ปีนั้น เราหายไป เราก็ไม่ได้รู้ไม่ได้ดูละคร เขาก็บอกว่าได้แล้ว พี่ไก่มาเล่นเลยแล้วเดี๋ยวจะยาว และก็จริง เพราะว่าตั้งแต่นั้นมาจนตอนนี้ก็น่าจะเกือบสิบปีแล้วที่รับบทแม่ เพราะตอนนี้ลูกไก่ก็ 12 จะ 13 ขวบแล้วค่ะ

วันที่ต้องเลือกระหว่างงานกับลูก

ปกติเป็นคนที่ทำงานตลอด ทำงานจนชิน คือถ้าท้องมีลูกก็คิดว่าเลี้ยงลูกสักปี แล้วค่อยกลับมาทำงาน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ พอถึงเวลาจริงๆ หาพี่เลี้ยงที่จะมาเลี้ยงลูกให้ก็ไม่ได้ มันไม่ใช่ง่ายนะ ก็เลยตัดสินใจเลี้ยงลูกเองดีกว่า เลี้ยงไปจนเพลิน กลายเป็น 2-3 ปีเลยค่ะ จนเขาเข้าอนุบาลหนึ่งเลย ตอนแรกตั้งใจว่าจะแค่ปีเดียว แล้วกลับมาทำงาน แต่พอไม่ได้ปุ๊บเราก็ไม่ได้มานั่งนับนั่งคิดแล้ว คือรอจนกว่าจะพร้อม คิดแค่ว่าเลี้ยงเขา เตรียมให้เขาเข้าโรงเรียนอนุบาลไป จนทางออฟฟิศพี่จิ๋มโทร.มาว่ามีละคร ไก่ก็เลยตัดสินใจรับและกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง

มุมมองของสามีและลูก

กับสามี “คุณป๊อป” เราคบกันมาตั้งยี่สิบห้าปีรวมตอนนี้นะคะ เพราะฉะนั้นกว่าเราจะแต่งงานกันก็เป็นสิบกว่าปีซึ่งเขาเข้าใจชีวิต เข้าใจในการทำงานของเราพอแต่งงานแล้ว ก็ยังคงทำงานแบบเดิมต่อมาอีก (หัวเราะ) คือเขารู้จักเราว่าเราทำอาชีพนี้ เขารู้จักเพื่อนเราคนทำงานในวงการหลายๆ คน เขาก็รู้จัก เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหา แล้วยิ่งกลับมารับบทเป็นแม่ ไม่ได้งานแน่นอะไร ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเราต้องขาดความเป็นส่วนตัว หรือไม่มีเวลาให้ครอบครัว สามีเขาก็ทำธุรกิจของเขาไป แล้วเราก็มีลูกด้วยกันแค่คนเดียวค่ะ“น้องขุนพล” ตอนนี้อายุ 12 จะ 13 แล้วค่ะ (แววทางการแสดง?) จริงๆเขาเป็นเด็กที่ชอบเรื่องพวกนี้นะคะ แต่เราก็ไม่ได้สนับสนุนอะไร อยู่โรงเรียนเขาก็จะมีกิจกรรม มีไปเล่นละครเวทีอะไรของเขา ซึ่งเขาชอบค่ะ ชอบทำกิจกรรมมาก แต่เรายังไม่ได้สนับสนุน เพราะมันเป็นช่วงเวลาเรียน ก็ให้เขาเรียนไป คนเราถ้ามันใช่ก็ใช่ไก่คิดแบบนี้ และถ้าวันหนึ่งเขาเดินมาบอกเราว่าอยากเล่นละคร ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะว่าอาชีพเราออกจะดูดี(ยิ้ม) ถ้าเขาชอบก็ไม่ได้ห้าม เพียงแต่ดูช่วงเวลาและช่วงนี้เขายังเด็ก ก็เรียนไปก่อน อยากให้เรียนซึ่งเขาแฮปปี้กับการที่แม่มาอยู่ตรงนี้ค่ะ เขาภูมิใจในตัวแม่ ชอบมาก เขาชอบในสายอาชีพของแม่

สิ่งที่เป็นห่วงในตัวลูกชาย

ตอนนี้เขาชอบเตะบอลมาก บาสก็เล่นที่โรงเรียน ช่วงวัยรุ่นก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราก็ห่วงเป็นธรรมดา หวังว่าเราเลี้ยงเขาอย่างใกล้ชิด คุณพ่อเขาก็ช่วยดูแล ดังนั้นเขาก็จะได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ ซึ่งไก่เป็นคนดุนะ เวลาเลี้ยงลูก คุณพ่อดูเหมือนไม่ดุ แต่จริงๆ ก็ดุทั้งคู่ค่ะ เรื่องระเบียบวินัยเด็กสมัยนี้ คือตอนที่เรายังเด็ก เราก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เร็ว ช่วยที่บ้าน แต่เด็กสมัยนี้สบาย เรื่อยๆ ตัวเขาเราบอกว่าเราไม่ขออะไรเลยนะขอแค่ให้เขาช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ไม่ต้องเดือดร้อนใคร และตั้งใจเรียนหนังสือ กิจกรรมอะไรเราก็สนับสนุนเต็มที่ ชอบเตะบอลก็ไป เสาร์-อาทิตย์ คือเขาเต็มที่กับการเตะฟุตบอลมาก

ย้อนวันวานเส้นทางบันเทิง

ไก่เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นนางแบบค่ะถ่ายโฆษณา ถ่ายแฟชั่นอยู่ประมาณ 2-3 ปี แล้วที่เข้ามาเล่นละครกับทางช่อง 3 ก็เพราะ “แม่ก้อย-ทาริกา” ซึ่งแม่ก้อยเห็นเราจากหนังสือ ก็เลยติดต่อให้มาลองเล่นละคร เล่นเป็นพี่น้องกันกับ “พี่บี-วรรณิศา” แต่ต้องขอโทษค่ะ จำชื่อเรื่องไม่ได้ซะแล้ว หลังจากนั้นก็มาเล่นเรื่อง “ทรายล้อมมุก” เป็นพี่น้องกันกับ “พี่บุ๋ม-รัญญา” เล่นละครเรื่องแรกตอนปี 2532 แล้วก็เล่นมาเรื่อยๆ ได้ไปเล่นกับทางกันตนาหลายเรื่อง อย่างเรื่อง “ทายาทอสูร” แล้วก็เรื่อง “บ้านผีเพี้ยน” ซึ่งเป็นละครตอนเย็น เป็นชีวิตวัยนักศึกษา เล่นคู่กับ “โอ๋-ไอศูรย์” ส่วนงานนางแบบถ่ายแบบถ่ายโฆษณาก็จะมีเยอะมากนะคะพอมาเล่นละครเราก็ชอบ แต่จริงๆ แล้วไม่เคยคิดเลยว่าจะมาทำงานในวงการ สมัยเด็กๆ จะเล่นขายของ เล่นเป็นนางพยาบาล ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเป็นอย่างนี้เลย ไม่ได้ตั้งเป้าเลยค่ะ แล้วพอดีว่ามีโมเดลลิ่งมาเห็นแล้วชวนไปถ่ายโฆษณา หลังจากนั้นพี่ช่างแต่งหน้าก็มีให้เบอร์หนังสือไป เราก็เลยมีงานถ่ายแบบมาเรื่อยๆ สมัยนั้นงานถ่ายแบบมีทุกวัน ในยุคของเราถือว่างานถ่ายแบบเฟื่องฟูมาก เพื่อนร่วมรุ่นก็มี “แอน-สิเรียม”, “นาตาชา คอฟแมน”

ผลงานที่ประทับใจ

จริงๆ ชอบทุกเรื่องนะคะ “ทรายล้อมมุก” ก็เป็นที่รู้จัก คนจำได้ว่าเราเล่นเป็นมุกที่นิสัยไม่ดี “ทายาทอสูร” คนก็รู้จักเยอะ แล้วพอมาในยุคหลัง เรื่องที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับเราเลยก็น่าจะเป็นเรื่อง “ร้อยป่าไว้ด้วยรัก” ของ “พี่คิง-สมจริง” ที่เริ่มมีฤทธิ์มีเดช เพราะว่าเป็นเมียหลวง สามีไปมีเมียน้อย เราก็เลยมีพัฒนาการความร้ายมากขึ้น เพราะว่าโดยคาแร็กเตอร์ส่วนตัว เท่าที่คุยกับผู้จัดฯ ส่วนมากเขาก็มักจะวางให้เราเป็นแบบเรียบๆ และเป็นคาแร็กเตอร์ที่เราเล่นมา สร้างมาจนคนเชื่อ บางครั้งแอบพูดเล่นๆ ว่ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ (หัวเราะ) พี่คิงก็จัดให้เลย เป็นการเปิดตัวว่าเราสามารถเล่นเป็นคุณแม่ที่เหวี่ยงวีนได้นะคะ หลังจากนั้นก็มีมาเรื่อย ที่คนเริ่มเห็น อาจจะไม่ถึงกับร้ายจัด แต่ว่าก็มีพัฒนาการทางการแสดงมากขึ้น และจริงๆก็ประทับใจทุกเรื่องที่เล่นมานะคะ เพราะว่าแต่ละเรื่อง จะมีบทบาทให้เราเล่น แม้บางเรื่องจะแค่รับเชิญ แต่เราก็มีความสำคัญมาก

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจในฐานะนักแสดงชาวไทย

ได้มีโอกาสไปเล่นเป็นแม่ของ “ลีมินโฮ” ในซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง “ซิตี้ฮันเตอร์” ตอนแรกก็งงนะว่าใช่เหรอ ติดต่อฉันเหรอ มีจริงหรือเปล่า แล้วไก่ไม่รู้จักลีมินโฮ (ยิ้ม) เชยหรือเปล่า(หัวเราะ) น้องก็บอกว่า F4 เกาหลีไง เล่นไปเลย คุยกันจนกระทั่งเขายกกองมาถ่ายทำที่เมืองไทย และโปรดิวเซอร์เขาเคาะแล้วว่าเป็นเรา ทางโปรดักชั่นเฮาส์จากบ้านเรา ส่งรูปไก่ไป เป็นรูปจากละครและเหมือนกับว่าโปรดักชั่นเฮาส์เขาเคาะแล้วว่าเอาคนนี้นะ เขาก็พยายามคุยกับเรา แต่เราก็งงว่าใช่หรือเปล่า ทำไมต้องเป็นเรา ดาราเมืองไทยมีตั้งมากมาย ผลสุดท้ายกองมาถ่ายแล้วที่บ้านนกอินทรีย์ ไก่ก็ไปดูถึงนั่นเลยนะว่าจริงหรือเปล่า แล้วปรากฏว่าจริง กองใหญ่โตมาก ก็โอเคค่ะ ได้ไปถ่ายไปอยู่ที่สังขระบุรี 5 วัน และได้ไปถ่ายที่เกาหลีด้วย

ร่วมงานกับทีมงานเกาหลี

งานเขาเป็นงานชิ้นใหญ่มาก ยิ่งมาเมืองไทยเขาใช้ทีมงานแบบดับเบิลเลยค่ะ เหมือนกับว่าทุกส่วนในทุกหน้าที่ของกองเมืองไทย เขาก็เอาทุกหน้าที่เป็นคนไทยมาช่วยซัพพอร์ต แล้วมืออาชีพมาก ยิ่งลีมินโฮหันไปเมื่อไหร่ คือทำไมหล่อตลอดเวลา(หัวเราะ) แล้วเราได้เล่นเป็นแม่ ซึ่งเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก เหมือนเป็นแม่นมเขา แต่เวลาในกอง เราก็แค่เซย์ฮัลโหลค่ะไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย ด้วยต่างคนต่างชาติคนละภาษา แต่ไก่ก็รู้สึกว่าเขาสมแล้วที่เป็นซุป’ตาร์เกาหลี เราเองในฐานะนักแสดงคนไทยที่ได้ร่วมงานกับเกาหลีในครั้งนี้ก็รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ถือว่าได้มีโอกาสไปทำงานกับทีมที่เราก็รู้อยู่แล้วว่า หนัง-ซีรี่ส์เขาดังแค่ไหน เป็นครั้งแรกครั้งเดียว ซึ่งก็รออยู่นะคะหวังว่าจะมีมาอีก

จากความเคยชิน กลายเป็นอาชีพ

ไก่คงแสดงไปเรื่อยๆ ค่ะ ดูสิ..ไอดอลเรา“มี๊-พิศมัย” ก็ยังทำอยู่เลย มี๊เก่งมากนะคะ เพราะไก่เล่นละครกับมี๊ เราเดินทางไปด้วยกันบ่อย ไก่รู้สึกว่ามี๊คล่องกว่าไก่อีก ขึ้นรถไปด้วยกันอย่านึกว่ามี๊จะหลับนะคะ ไม่มีค่ะ ดูทางให้สุดฤทธิ์เลย เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวามี๊บอกทุกอย่าง คล่องมาก มี๊อายุขนาดนี้ยังคล่องอยู่เลยเราอายุแค่สี่สิบกว่าเอง เราก็ต้องทำไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนยังยินดีและต้อนรับเราอยู่ คืออาชีพเรา ที่ทำมาตลอด จะ 30 ปีแล้วนะคะ ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดงก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเราจะไปทำอาชีพอะไร หรือปัจจุบันจะทำอาชีพอย่างอื่น ไก่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอะไร มันชินจนกลืนมาเป็นอาชีพไปแล้วค่ะ มีงานเราก็ทำไป มีน้อยก็ทำน้อย และอยู่บ้านเลี้ยงลูกไป ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ

เคล็ดลับการยืนหยัดในวงการ

ที่มีงานเรื่อยๆ อาจจะเป็นคาแร็กเตอร์ที่ตรงกับเรา เพราะเดี๋ยวนี้ผู้จัดละคร เขาก็ต้องดูแล้วดูอีก ว่าใช่ไม่ใช่ งานละครการแข่งขันสูงมาก แต่สำหรับตัวเรา ก็ต้องมีวินัยในการทำงาน นัดกี่โมงบางทีเราไปถึงก่อนด้วยซ้ำ เราต้องตรงต่อเวลา ต้องมีความอดทน คือไม่ใช่ถ่ายเราเสร็จแล้วจะต้องเสร็จเลย เพราะในกองมันมีหลายซีน ดาราตั้งหลายคน เราก็ต้องรู้จักรอ จะมาอารมณ์เสียก็ไม่ได้นะ อาชีพนักแสดง เราถูกซื้อเวลามาแล้ว เหมือนที่มี๊เคยพูดไว้ มี๊อยู่ทั้งวัน ให้รอมี๊ยังไม่บ่นเลย รู้สึกว่านี่คือคนที่อยู่ในอาชีพนี้จริงๆ ไก่ก็รู้สึกว่าเราเป็นแบบนั้น เพราะเราไม่เคยรู้สึกว่าจะหงุดหงิดที่ต้องมารอ เรารู้สึกว่าเราชิลๆ แม้ว่าตอนเช้าเราจะถ่ายเสร็จแล้ว และเขาให้รอมาถ่ายอีกทีหลังเที่ยงรอยาวเลยนะ เราก็รอได้ เพราะวันทำงานคือวันที่เราจะไม่มีนัดใดๆ ถ้าเรารู้ว่าเราต้องอยู่ทั้งวัน และเราก็ต้องรู้จักอ่านบท ทำการบ้าน เตรียมตัวเราให้พร้อม จะได้ไม่เป็นปัญหาของกองถ่าย ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไก่ยังคงมีงานอยู่จนถึงทุกวันนี้ค่ะ

สุดท้ายไก่ก็อยากจะขอบคุณแฟนๆ ทุกท่านนะคะ ที่ยังให้การสนับสนุนไก่ด้วยดีเสมอมา ก็จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดี เจอะเจอกันก็เข้ามาทักทายได้ค่ะ ยินดีมากๆ

และนี่คือ อีกหนึ่งคนบันเทิงคุณภาพที่การันตีด้วยความสามารถเฉพาะตัว “ไก่-สุปราณี เจริญผล”

กุหลาบสีเงิน

Leave a comment