ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/297649

‘ของขวัญ’ ภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจ มอบให้คนไทยดูฟรี



ตอนแรก “The Letter” … ปรัชญา ปิ่นแก้ว กำกับภาพยนตร์ นำแสดงโดย ธรรมะ-ด.ช.ฐิรพจน์ ต่วนสวัสดิ์ กับเรื่องราวความคิดถึงในจินตนาการของเด็กน้อยบ้านไกลที่อยากจะส่งข้อความถึงพ่อที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด การติดตามจดหมายไปจนกว่าจะพบปลายทางนั้น นับเป็นการผจญภัยอันล้ำค่า ไม่ว่าพ่อในความคิดถึงจะอยู่ในที่แห่งใด แต่สำหรับเด็กน้อยผู้นี้ เขาเชื่อว่าจดหมายมักจะส่งถึงผู้รับเสมอ…
ปรัชญา ปิ่นแก้ว เผยว่า “ผมเล่าเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่อยากจะเขียนจดหมายถึงพระองค์ท่าน จากจดหมายฉบับนั้นก็จะบ่งบอกถึงความรู้สึกที่เค้าอยากจะแสดงความรู้สึกบางอย่างต่อพระองค์ท่าน มันทำให้เกิดเรื่องเกิดราว ออกเป็นแนวผจญภัยเล็กๆ ในมุมของเด็ก เด็กอาจมองเป็นเรื่องเล็กสำหรับเค้า แต่ในสายตาผู้ใหญ่มันเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน ตรงนี้มันทำให้หนังมันน่าจะมีความน่าสนใจตรงนี้ หนังผมจะเป็นการผจญภัยใสๆ เหมือนดูหนังดิสนีย์ แต่ว่าสิ่งที่เด็กได้รับหรือว่าความรู้สึกที่ได้รับในตอนท้ายนี่มันต้องยิ่งใหญ่ให้สมกับเรื่องราวที่เราพูดถึงพระองค์ท่าน โปรเจกท์นี้ผมว่าน่าสนใจที่เราจะได้ดูว่ามุมมองของผู้กำกับทั้งสี่คนนี้จะเล่าเรื่องออกมายังไง และที่สำคัญที่สุดคือโปรเจกท์นี้จะสร้างความแตกต่างจากหนังลักษณะนี้ที่เราเคยคุ้นตากันยังไงบ้าง”



ตอนที่ 2 “ดอกไม้ในกองขยะ” …นนทรีย์ นิมิบุตร กำกับภาพยนตร์ นำแสดงโดย เอ็ม-สุรศักดิ์ วงษ์ไทย, เฟรช-อริศรา วงษ์ชาลี,โอม-ธนาภัค จงใจพระ, พรีม-ชนิกานต์ ตังกบดี, ทัพอนันต์ธนาดุลยวัฒน์, ภูมิภัทร ถาวรศิริ ว่าด้วยเรื่องของความรักและความอบอุ่นของครอบครัวจะสามารถจรรโลงสังคมให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหรืออาชีพใด เช่นเดียวกับพนักงานเก็บขยะวัยกลางคนที่พยายามดูแลกันและกันในครอบครัวของเขาให้ดีที่สุด
นนทรีย์ นิมิบุตร เผยว่า “ดอกไม้ในกองขยะ ก็เหมือนความรักและความงดงามที่อยู่ในความสกปรก อยู่บนกองขยะที่ทุกคนไม่เอาสิ่งที่ทุกคนว่าน่ารังเกียจแต่มันมีความงดงามอยู่ในนั้น ถ้าครอบครัวเราอบอุ่น รักกัน ไม่ว่ามันจะเกิดอุปสรรคหรือเหตุการณ์เลวร้ายอะไรขึ้นก็ตาม ความรักจะทำให้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หนังเรื่องนี้ก็จะเริ่มต้นคิดแบบนี้ ถ้าเราพูดถึงคนที่เป็นตัวแทนขององค์กรเล็กๆ ในสังคมอย่าง “คนที่มีอาชีพเก็บขยะ” หน้าที่ความรับผิดชอบของเค้าคือจัดการของที่ทุกคนทิ้งให้มันเข้าที่เข้าทาง เค้ามีความเสียสละเพื่อพวกเราเพื่อไม่ให้บ้านเมืองสกปรก ผมรู้สึกอย่างนั้นก็เลยหยิบเอาชีวิตของเค้ามาพูดถึงในเรื่องนี้
ตั้งแต่การเขียนบท ช่วยกันคิดลงรายละเอียด การรีเสิร์ชต่างๆ จนถึงตอนถ่ายทำ ผมรู้สึกว่ามีความอบอุ่นประหลาดอย่างบอกไม่ถูก แรงบันดาลใจในการทำเรื่องนี้มันเต็มเปี่ยมจริงๆ ทุกนาทีที่เราทำงานก็จะพยายามที่สุดที่จะไม่พลาดอะไร พยายามช่วยกันคิดช่วยกันดูกระทั่งนักแสดงเองก็ต้องมานั่งคุยกันทุกฉากว่า แค่นี้เราว่าพอหรือยังหรืออยากจะลองแบบนี้อีกมั้ย เพิ่มอีกหน่อยมั้ย ทุกคนพยายามจะทำหนังเรื่องนี้ให้มันสวยงามที่สุด ช่วยกันดีไซน์ให้มันสนุกขึ้นกว่าบทที่เขียนไว้ ซึ่งตอนเป็นบทก็รู้สึกว่ามันโอเคแล้ว แต่พอทำงานจริงๆมันสนุกกว่าบทเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การเลือกมุมกล้อง การถ่ายทำ การไปเลือกโลเคชั่นในการทำงาน คือทุกคนก็จะช่วยกันทำให้หนังเรื่องนี้มันประสบความสำเร็จบนเวลาที่จำกัด”



ตอนที่ 3 “สัจจะธรณี” … ก้องเกียรติ โขมศิริ กำกับภาพยนตร์ นำแสดงโดย ม.ร.ว.มงคลชาย ยุคล, เอ-อัญชลี หัสดีวิจิตร,บีม-ณัชชาภัทร แสงฤทธิ์, แม็กกี้-ศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ พูดถึงหญิงสาวกับการเดินทางห่างไกลจากแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา เพื่อออกตามหารากเหง้าของผู้เป็นพ่อและตัวเอง จนได้เข้าใจในที่สุดว่าครอบครัวของเธอมาจากไหน และใครคือคนที่รักเธออย่างแท้จริง พร้อมทั้งได้พลังและศรัทธาแห่งชีวิตกลับคืนมา
ก้องเกียรติ โขมศิริ เล่าว่า “ตั้งแต่คุยกับพี่อุ๋ย-นนทรีย์-โปรดิวเซอร์เรื่องนี้ เราก็ไม่อยากทำเรื่องที่มันเศร้าอย่างเดียว อยากจะทำโปรเจกท์ที่มันเป็นเรื่องของการก้าวไปข้างหน้า การมอบของขวัญ การส่งต่อความดี การอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่อย่างเข้าใจถ่องแท้และเดินทางไปข้างหน้าอย่างมั่นใจด้วยองค์ความรู้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เคยมอบไว้ให้ผืนแผ่นดินนี้ เราก็นำความรู้เหล่านั้นมาพูดถึงในแง่ของการทำหนังว่าเราจะเล่าเรื่องของพระองค์ยังไงดี โดยที่ไม่ใช่แค่การตอกย้ำความสูญเสีย แต่มันคือการก้าวไปข้างหน้าและการบอกต่อ อันนี้ในฐานะคนทำหนังแล้วเราเชื่อว่ามันเป็นภารกิจที่จำเป็น
เรื่องราวก็จะพูดถึงว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราจะเดินทางหาตัวตนที่แท้จริงของเราเจอหรือไม่ บางทีมันไม่สำคัญเท่าเราเข้าใจหรือเปล่าว่าทั้งหมดมันคือการสมมติขึ้นทั้งนั้น แต่ดินต่างหากที่ไม่เคยโกหกใครในหลวงจึงพัฒนาดิน คอนเซ็ปต์หลักๆ ก็มาจากชื่อของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แปลว่า “พลังของแผ่นดิน” เราก็เลยรู้สึกว่าการเล่นเรื่องดินเนี่ย น่าจะเป็นการพูดถึงสิ่งที่มีอยู่และไปข้างหน้าอย่างมั่นคงมากกว่า การไปข้างหน้ามันอาจไม่ได้พูดถึงเชิงเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ถ้าเราเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้วเราก็จะไปข้างหน้าได้จริงๆ”



ตอนสุดท้าย “เมฆฝนบนป่าเหนือ” … ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล กำกับภาพยนตร์ นำแสดงโดย โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, อุ้ม-อิษยาฮอสุวรรณ, เฟม-ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล, สืบ-บุญส่ง นาคภู่ เล่าเรื่องคนเรายึดมั่นที่จะทำความดีเพื่อจะทำให้สังคมดีขึ้นได้หลายรูปแบบ โดยที่เราต้องไม่ยัดเยียดและไม่ย่อท้อ หนังจะเล่าเรื่องการออกค่ายของกลุ่มนักศึกษาไฟแรงที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งของชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมเรื่องราวความรักของวัยรุ่นที่มีเส้นบางๆ ของความเป็นเพื่อนกั้นกลาง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครยัดเยียดความรักให้ใครได้
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เผยว่า “เวลาเรานึกถึงพระองค์ท่าน เราก็จะนึกถึงโครงการต่างๆ นึกถึงความชุ่มฉ่ำอุดมสมบูรณ์ในทุกๆ ที่ที่ท่านไปถึงแล้วก็ทำให้พื้นที่ตรงนั้นอยู่ได้ แล้วก็นึกถึงชีวิตอะไรอย่างนี้แล้วพอเรานึกถึงเมฆฝนก็เชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างของวัยรุ่น อย่างอุดมการณ์ แรงความฝัน แรงศรัทธาอะไรบางอย่าง บางทีเค้าก็จะมีแรงวิ่งตามความฝัน วิ่งตามเมฆฝนพวกนี้ในชีวิตของเค้า ก็เอาประเด็นนี้มารวมกันจนเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา
บางสิ่งที่พระองค์ท่านได้เคยพูดไว้ว่า การที่เราจะไปพัฒนาที่ไหนสักที่หนึ่ง เราควรจะรู้ความต้องการของคนในพื้นที่นั้นๆ ว่าเค้าต้องการอะไร การพัฒนานั้นมันถึงจะได้ผลและยั่งยืน ประเด็นนี้แหละ เรารู้สึกว่า Conflict ในสังคมเนี่ย มันก็แก้ได้ด้วยการเรียนรู้จากที่ท่านได้สอนมาหรือได้เคยพูดเอาไว้
พอได้รับโจทย์มาก็ตอบรับทันที เราทำเรื่องนี้ด้วยใจจริงๆ พอได้ทำ ได้ไปรีเสิร์ชก็เข้าใจแก่นที่เราทำมากขึ้น ในสิ่งที่ท่านเคยสอนเราในฐานะพ่อของคนทั้งแผ่นดิน เราเข้าใจมากขึ้น สิ่งที่ท่านทำไว้เยอะมากและไม่ได้สูญหายไปไหน ก็ยังอยู่ในใจของเราทุกคน แล้วถ้าเราทำตามสิ่งที่ท่านสอนเอาไว้ ประเทศของเรา โลกของเรามันจะดีขึ้นถ้าเราไม่ย่อท้อไปก่อน สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนของขวัญที่พวกเราตั้งใจทำและส่งมอบให้กับคนดู นอกจากความบันเทิงแล้วก็คงจะได้รับแรงบันดาลใจและความทรงจำดีๆ กลับไปด้วย”
และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแต่งแต้มเสียงดนตรีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แก่ บอย โกสิยพงษ์ ผู้ประพันธ์เพลง Pass The Love Forward เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ของขวัญ”
“เพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งและอยากจะให้คนได้สานต่อแนวคิดเรื่องการส่งความรักต่อกันไปเป็นทอดๆ เพื่อที่จะให้จักรวาลนี้เต็มไปด้วยความรัก ถ้าเราส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ความเกลียดชังบนโลกของเราก็จะลดลงได้ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ผมก็ขอฝากเพลง “Pass The Love Forward ส่งต่อความรัก” ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ 9 ศิลปินคุณภาพมาร่วมกันขับร้อง มีการทำดนตรีเสริมเข้าไปเพื่อเติมต่อคอนเซ็ปต์ที่จะส่งต่อความรัก แต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่ามีความเป็นต้นฉบับอยู่ และมันก็เสริมกันดีกับโปรเจกท์ภาพยนตร์สั้นทั้ง 4 เรื่องนี้ที่เมื่อชมและฟังแล้วก็ช่วยกันส่งต่อความรู้สึกและพลังงานดีๆ ต่อไปเหมือนกับต้นกำเนิดที่ในหลวงท่านได้ส่งมาให้กับพวกเรา เราก็จะพยายามส่งต่อๆ กันไปเพื่อให้ประเทศไทยและโลกนี้มีแต่ความรัก”