นักแสดงจากช่อง 7 สี “บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์ บุตรพรม”, “นาว-ทิสานาฎ ศรศึก” และ “เซฟฟานี่ อาวะนิค” ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรเผยความประทับใจจากเรื่องราว และสถานที่ประทับใจต่างๆ พร้อมน้อมนำแนวคิดคำสอนมาปฏิบัติตามอย่างจริงจัง โดยพระเอกหนุ่ม “บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์” จากละคร “หงส์เหนือมังกร” เล่าว่า

“ประสบการณ์ความประทับใจต่อพระองค์ท่านของผม มาจากการที่ได้สัมผัสกับความงดงามในแต่ละพื้นที่หนึ่งในที่ผมแวะเวียนไปเป็นประจำ เช่น อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หรืออ่างเก็บน้ำในบริเวณวัดญาณสังวราราม ใน จ.ชลบุรี นอกจากจะเป็นกุศโลบายด้านการทำนุบำรุงศาสนา ยังส่งผลดีต่อพื้นที่สำหรับการจัดเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรนอกฤดูฝน และช่วยบรรเทาอุทกภัยอีกด้วย นอกจากนี้โดยส่วนตัวผมได้น้อมนำพระราชดำรัส วิถีแห่งความพอเพียง ทั้งเรื่องการพึ่งพาตนเอง การจับจ่ายใช้สอยอย่างประหยัดมาใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตของผมอีกด้วย”

ด้าน “นาว-ทิสานาฎ” จากละคร “ละอองดาว” เผยว่า “ล่าสุดได้มีโอกาสไปชมงาน “นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ ยิ่งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านมากยิ่งขึ้น และทำให้ประชาชนตัวเล็กๆ อย่างเราได้สัมผัสถึงพระองค์ท่านในช่วงเวลาต่างๆ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่านที่เล่าเรื่องราวของพระองค์ท่านทั้งในมุมของความรักความอบอุ่นของครอบครัว ความห่วงใยในไพร่ฟ้าประชาชน รวมถึงพื้นที่ต่างๆ ที่พระองค์ทรงงาน เล่าเหตุการณ์ผ่านภาพถ่าย ดูแต่ละภาพแล้วน้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ยิ่งตอกย้ำให้นึกถึงคำสอนด้านต่างๆ ของพระองค์ท่านเสมอมา หนึ่งในคำสอนที่นาวหยิบมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตัวเองคือ ความเอื้ออาทร และการแบ่งปันต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ หากทุกคนมีน้ำใจแบ่งปันก็จะเป็นอีกหนึ่งทางที่ทำให้สังคมสงบสุขได้”

สุดท้าย “เซฟฟานี่” เล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า “การที่เซฟได้มีโอกาสเข้าไปทำกิจกรรมและเข้าชมในพื้นที่แห่งนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งที่แห่งนี้เป็นโครงการต้นแบบอีกแห่งหนึ่งในการแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน พลิกฟื้นมาเป็นวิถีเกษตรผสมผสานในหลายด้าน และยิ่งได้อ่านพระราชดำรัสท่านทรงฝากไว้ในโครงการนี้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2540 คือ “ที่เขาหินซ้อนหลายฝ่ายช่วยกัน ที่นี่จึงเป็นแม่แบบช่วยชาวบ้านได้ ที่อื่นเลยทำงานง่ายขึ้น แล้วเป็นไงก็ได้ประโยชน์ ชาวบ้านมีความสุขเราก็สุข ที่นี่ปลูกมันสำปะหลังยังไม่ขึ้นเลย เดี๋ยวนี้ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงไปมาก ยิ่งอ่านแล้วยิ่งทำให้น้ำตาไหล เพราะทำให้เราคนรุ่นหลังทราบว่าหลายๆ พื้นที่ในประเทศไทย ได้รับการพัฒนาจากพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านในแทบทุกพื้นที่ที่เราเคยผ่านเลยทีเดียว และหนึ่งในความหมายที่สัมผัสได้จากพระราชดำรัสของพระองค์ นั่นคือสอนให้พวกเรามีความรัก สามัคคี มีความพยายามจึงจะพาไปสู่ความสำเร็จต่างๆ ได้ค่ะ”