Star Retro : ‘แทน-ฐิติ’ ดาวร้ายในจอ นอกจอ มีเสน่ห์ปลายจวัก เป็นอาชีพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/301178

Star Retro : ‘แทน-ฐิติ’ ดาวร้ายในจอ นอกจอ มีเสน่ห์ปลายจวัก เป็นอาชีพ

Star Retro : ‘แทน-ฐิติ’ ดาวร้ายในจอ นอกจอ มีเสน่ห์ปลายจวัก เป็นอาชีพ

วันอาทิตย์ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

บทบาทหน้าจอที่ทุกคนคุ้นเคยเขาคือนักแสดงตัวร้ายยอดฝีมือ แต่หลังฉาก “แทน-ฐิติ พุ่มอ่อน” คือคุณพ่อสุดแนว ที่มีเสน่ห์ปลายจวักเป็นเลิศ สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้จึงถือโอกาสนำทุกท่านไปบุกครัวบ้านดาวร้าย เพื่อค้นหาที่มาที่ไปของตำนานดาวร้ายคนนี้กัน

บทบาทหน้าที่ ณ วันนี้

หลักๆ ที่ทำอยู่คือเปิดร้านอาหารชื่อ “บ้านดาวร้าย” ครับ อยู่ในหมู่บ้านสัมมากร และใช้บ้านตัวเองเป็นร้าน เปิดมาได้สองปีแล้วครับ เป็นอาหารฮาลาล เนื่องจากว่าเราเป็นมุสลิม เริ่มจากที่ว่าเมื่อก่อนงานแสดงเริ่มน้อยลงแล้วเราก็มีไปออกบูธที่เขาให้ดาราไปออกโดยที่เราก็คิดผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเป็นลูกชิ้นดาวร้าย ที่เป็นชื่อเสียงให้กับเรา ที่ตลาดนัดดาราช่อง 3 เราก็มาออกร้านตั้งแต่แรกๆ จนถึงปัจจุบันนี้เลยเราก็ใช้เป็นที่โปรโมทประกาศบอกข่าวเรื่องราวอย่างน้อยเขาก็เห็นหน้าเราเพื่อนฝูงในวงการก็ได้มาเจอกัน ทำลูกชิ้นอยู่ได้ประมาณหกถึงเจ็ดปีได้ครับ ออกบูธตามงานบ้างมีที่ประจำอยู่ที่เดอะพาซิโอ ลาดกระบัง

จุดเริ่มต้นของการเปิดร้านอาหาร

เราโตมากับร้านก๋วยเตี๋ยวที่บ้านพ่อแม่มีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว แต่มีชื่อเสียงครับ “โอ้โฮรสเด็ด” สมัยนั้นก็ถือว่าเป็นร้านที่มีชื่อเสียงอยู่ ประมาณสักสี่สิบปีย้อนลงไป ร้านจะอยู่แถวๆ คลองตันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ด แล้วหลังจากนั้นเราก็หยุดขายไปประมาณสามสิบปี เข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิงกันเกือบทั้งบ้าน น้องๆ ก็มาเล่นเป็นพระเอกนางเอกตอนเด็กๆ เราก็เลยไม่ได้สานต่อกิจการตรงนั้น แต่สูตรก๋วยเตี๋ยวก็ยังอยู่กับคุณพ่อนะ จนพอผมมาเปิดร้านอาหารเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเอาสูตรนั้นมาทำ คือเหมือนกับว่าเราโตมากับมันเราก็รู้สึกขยาดเจอทุกวันกินทุกวัน แต่ไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านไหนมันก็ไม่ถูกใจเหมือนร้านเรา เพราะว่าของเราคือจะไม่ใส่ผงชูรส พ่อก็จะดองพริกเองเป็นโอ่งๆจนตอนเปิดเราก็ไปได้สูตรก๋วยเตี๋ยวไก่จากกอง “ตะวันเดือด” ของ “พี่นก-ฉัตรชัย” มา ตอนนั้นถ่ายละครเรื่องอยู่ ซึ่งเราก็ได้กินแล้วมันอร่อยจริงๆ ถึงกับต้องเบิ้ลเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ต้มยำสูตรภาคกลาง เราก็เลยชอบแล้วแม่ครัวเขาก็หายไปจนมาเจอเขาอีกทีตอนไปถ่ายของกันตนาก็ดีใจมากคิดถึงก๋วยเตี๋ยวไก่เขามาก เขาก็เลยให้สูตรมา ผมเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว เขาให้สูตรมาทำผมจดมาเลยและมาทำกินกันในบ้านเวลามีงานเลี้ยงหรือพบปะกันพี่น้องเพราะว่าผมครอบครัวใหญ่ทุกคนก็ติดใจเพื่อนฝูงทุกคนชอบหมดเลย เขาก็บอกว่าให้เอามาออกร้านสิแต่ผมมองว่าการที่จะมาออกร้านแต่ละครั้งมันจะยุ่งยากเพราะว่าวัตถุดิบและอุปกรณ์มันเยอะ ก็เลยตัดสินใจเป็นลูกชิ้น เพราะว่าเป็นสูตรของคุณป้าด้วย

ถึงเวลาเปิดตัวเมนูเด็ด

สูตรต้นตำรับของครอบครัว

ตอนแรกที่เปิดเราก็เอาก๋วยเตี๋ยวไก่มาชูเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่บ้านดาวร้าย และมีสเต๊กที่ได้สูตรน้ำราดแบบไทยๆ ของเพื่อนคุณแม่มา และเราก็มีลูกชิ้น ผมทำแกงได้ก็จะมีแกงเนื้อฟักทองไข่เค็ม โรตีแกงเขียวหวาน บัวลอยไข่หวานสุตรดั้งเดิม เมนูจะเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ เราเอาเมนูเหล่านี้มารวมอยู่ในบ้านดาวร้ายที่เราถนัดที่เราทำได้ จนผ่านมาเกือบปีก๋วยเตี๋ยวเนื้อถึงเกิดขึ้นมาซึ่งตอนนี้มีก๋วยเตี๋ยวเนื้อโอ้โฮเข้ามาอยู่ในเมนูของร้านเราแล้วนะครับ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

ที่มาของคำว่า “ดาวร้าย”

คือตลอดอายุการทำงานในวงการบันเทิงส่วนใหญ่แล้วจะได้รับบทตัวร้าย ไม่รู้ว่ามันสะใจผู้กำกับ (หัวเราะ) หรือว่าเราแสดงออกมาแล้วถูกใจคนดู ตอนแรกที่จะเปิดร้านชื่อดาวร้ายมันก็แว่บไปแว่บมา แล้วเราก็เติมคำว่าบ้านเข้าไปไม่ใช้ว่าร้าน ใช้คำว่าบ้านเพราะว่ามันเป็นบ้านที่เราอยู่อาศัย ตกแต่งสไตล์เราบรรยากาศดีมีโซนสวน แล้วก็มีช้อปเพราะว่าเมื่อก่อนผมเคยขายเสื้อผ้าที่สวนจตุจักรสมัยยุคที่มีแมวมองมาทาบทาม เรามีแววในเรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัวก็เลยเอาเสื้อผ้าที่เราใช้หรือว่าที่เราซื้อมาหมุนเวียนเปิดเป็นช้อปวินเทจในร้านซึ่งเป็นรถตู้ พยายามคิดให้มันมีอะไรก็ได้รับการตอบรับดีนะครับแฟนคลับเยอะอยู่ในกลุ่มมุสลิม กลุ่มวัยรุ่น หรือว่าแฟนๆที่เขาเคยตามเราชอบไสตล์การแต่งตัวของเราก็เลยเอาจุดนี้มาเป็นจุดขายด้วย คำว่าดาวร้ายมันก็มีกิมมิกของมันนะเราเหมือนกับหาโอกาสให้กับมัน ซึ่งลูกชิ้นดาวร้ายผมก็มีน้ำจิ้มนางเอกที่เราใช้มาตลอดและมันก็ได้ใจคนทาน คือปู่ผมเคยสอนว่าอาหารชิมก่อนเติมคำนี้มันเป็นกุศโลบาย คือคุณลองชิมก่อนไหมคุณยังไม่รู้เลยว่ารสชาติเขาเป็นยังไงไปเติมเขาแล้ว ใส่ความชอบของตัวเองเข้าไปโดยที่คุณยังไม่รู้เลยว่าบางทีรสชาติมันอาจจะถูกใจคุณก็ได้มันก็เหมือนการมองคน คุณรู้จักเขาคุณได้ยินชื่อเสียงเขาว่าเขาเป็นดาวร้ายตัวโกงแต่พอคุณได้มาสัมผัสตัวเราได้มากินอาหารรสชาติเรามาสัมผัสตัวตนของเราความคิดคุณก็จะเปลี่ยน มันเหมือนชิมก่อนเติมนั่นแหละครับปู่ผมสอนลูกหลานว่าทำอาหารก็ต้องทำให้สะอาดโรคภัยไข้เจ็บมันจะได้ไม่กลับมาหาเรา เราไม่ใส่ผงชูรสด้วยนะ สิ่งเหล่านี้ผมทำด้วยความตั้งใจ ส่วนใหญ่แล้วพอลูกค้าได้มาเจอได้มาพูดคุยเขาก็มีแต่รอยยิ้มกลับไป บางคนกลับชอบนะในชื่อดาวร้าย มันเป็นสองสิ่งที่ทั้งดีและไม่ดีมาอยู่ด้วยกัน ดาวคืออยู่สูงคำว่าร้ายก็อร่อยร้ายเลยมันก็เป็นอะไรที่ผมสามารถเล่นกับมันได้ สนุกกับมันไม่เคยคิดว่ามันเป็นจุดด้อยเลย

จากดารานักแสดงสู่อาชีพพ่อค้า

ผมรู้สึกว่ายังไงมันก็คืออาชีพที่มันบริสุทธิ์อาชีพนึงแล้วเราก็เติบโตมากับอาชีพนี้ เราเป็นลูกพ่อค้าแม่ค้าเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะหนีอาชีพที่มันเป็นตัวตนเราไปทำไม จริงๆ ก็ไปลองมาหลายอย่างนะเครือข่ายนู่นนี่นั่นซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเรา สุดท้ายเราก็กลับมาตายรังด้วยอาชีพพ่ออาชีพแม่และเราก็มีความภูมิใจกับมัน แม้กระทั่งกับงานแสดงงานละคร เงินที่เราได้มาพูดง่ายๆ มันหายไปไวมากได้มาเราใช้ไป รายได้หลักของผมในยุคหลังนี้จะมาจากอาชีพค้าขายมากกว่าแล้วเรารู้สึกว่าการค้าขายอาชีพมันบริสุทธิ์เงินที่เราได้มาเราเห็นอะไรในเม็ดเงินมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเงินที่น้อยกว่าเพราะว่าเราไม่ได้มาเป็นกอบเป็นกำแต่ว่าถ้าเราออกอีเว้นท์ดีๆ มันก็ได้ มันก็เป็นงานบริการการขายรสชาติการให้เขา เขาก็ตอบแทนเรามาเพียงแต่ว่าแลกเปลี่ยนด้วยเงินเท่านั้นเอง รู้สึกว่าเป็นอาชีพรากเหง้าของพวกเราที่ไม่ได้น่าดูถูกดูแคลนอะไร ผมรู้สึกภูมิใจกับมันนะส่วนนักแสดงก็เป็นอาชีพรับจ้าง เพียงแต่ว่านักแสดงจะพิเศษกว่าคนอื่นก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรามาทำแล้วจะยังไง เรากลับรู้สึกว่าเราเป็นเหมือนแรงกระตุ้นอย่างเพื่อนนักแสดงด้วยกันหลายๆ คนที่เติบโตมาด้วยกันอยู่สูงกว่าเราแต่อยู่มาวันนึงต้องตกลงมา มันไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรี งานที่เขาต้องทำเลี้ยงชีพเขามันไม่มีก็ใช่ว่าเขาจะด้อยค่า อย่าง “โก้- นฤเบศร์” เขาก็มาปรึกษา เราก็ให้คำแนะนำและพอมีงานที่ไหนเราก็ไปด้วยกัน กลายเป็นว่าหลายๆ คนมองเราว่าเป็นต้นแบบ ผมถือว่าเป็นเจ้าแรกๆ เลยในการบุกเบิกขายของกิน

บทบาทหน้าจอน้อยลง แต่คุณภาพอัดแน่น

ยังมีงานแสดงเรื่อยๆ ครับ เพียงแต่ว่าบางทีไม่ได้เห็นผมในละคร คือผมไปเล่นหนังนอกหนังฝรั่งเศส โฆษณาที่ไปออนแอร์ต่างประเทศอีกมากมายที่เขามาใช้บ้านเราเป็นที่ถ่ายทำ ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับอย่างล่าสุดก็เพิ่งถ่ายละครของ “หนุ่ม-อรรถพร” เรื่อง “คู่ซี้
ผีมือปราบ” และมีรับเชิญของ “พี่นก-ฉัตรชัย” มีโฆษณาโตโยต้าชัวร์กับ “น้องแต้ว-ณฐพร” ส่วนเรื่องของร้านที่เปิดเราก็มีไว้เพื่อครอบครัวแล้วล่ะ เพราะว่าเรามีภรรยามีลูกที่ต้องดูแลถึงสี่คน เราก็ดูแลเขาไปเปิดร้านให้เขา อย่างน้อยๆ ก็ได้กินได้ใช้หมุนเวียนอยู่ในนี้ เป็นอาชีพที่ไม่ได้ไกลตัวเรา เราเคยทำเติบโตมากับมัน ลิ้นเรามีรสชาติอยู่และเป็นคนชอบทำอาหาร เราไม่ได้จบเชฟแต่มันอยู่ในสายเลือด รสชาติอาหารผมโอเคครับ ได้รับคำชมนะเข้าไปดูในเพจ “บ้านดาวร้าย” ได้เลยส่วนงานแสดงก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพราะทุกบทบาทที่ได้รับมา ณ ปัจจุบันก็ยังเป็นบทดีๆ เป็นตัวร้ายที่สำคัญประกบพระเอก เป็นตัวสร้างเรื่องเป็นตัวสำคัญ คือทุกคนที่เรียกผมไปเล่นเขารู้สึกว่าผมมีความสำคัญกับเรื่องนั้นๆ แล้วเราก็ยังคงคีฟมาตรฐานการแสดง ที่เป็นสไตล์ของเราเอาไว้ แม้แต่ผมไปเจอ “ชาคริต แย้มนาม” เข้าก็มาบอกเลยว่าผมคือไอดอลเขาเลย ก็ตกใจนะ คือเมื่อก่อนเราค่อนข้างจะมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครผมดีไซน์หมดแม้กระทั่งท่าตายก็คิดว่าเราจะนอนยังไง

ย้อนวันวานจุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดง

ไม่เคยคิดว่าจะเข้าวงการเลยเชื่อไหมครับ แต่ต้องบอกว่าผมเข้าวงการครั้งแรกตอนอายุแปดเดือน “อาท้วม ทรนง” เป็นคนชักนำเข้าสู่วงการ พ่อเล่าให้ฟังว่าอาท้วมพาไปถ่ายนมตรามะลิ มีรูปผมแปะอยู่ข้างกระป๋องนมตรามะลิที่ใช้เลี้ยงทารกจนผมเรียนอยู่ ป.4 ผมก็ยังเห็นรูปตัวเองอยู่ข้างกระป๋องนมอยู่เลย (ยิ้ม) ขายไปทั่วประเทศ ถ่ายกับ “คุณทอม เชื้อวิวัฒน์” ช่างภาพมือหนึ่งในสมัยนั้น หลังจากงานนั้นผมก็ไม่สบายหนักมากเพราะว่าในสตูแอร์มันเย็น พ่อเลยไม่ให้ถ่ายอีกเลยจนอายุสิบเก้าขายของอยู่ในสวนจตุจักร ก็มีพี่ที่เขามาเจอเลยชักนำเข้าวงการ แล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเป็นดารา แต่ว่ามันมาด้วยความไม่ตั้งใจ ในตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเราจะหาเงินอยากได้เงินผมเป็นลูกคนโตมีพี่น้อง 7 คน เราก็อยากที่จะเป็นกำลังให้ครอบครัว แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะใช้วงการนี้มาหลอกใครหรือว่าทำอะไรเสื่อมเสีย ก็เลยเริ่มงานแรกด้วยการถ่ายแบบมอเตอร์ไซค์ ตอนนั้นมี “ปิ๊บ-รวิชญ์”“เบิร์ด-พิทยา ณ ระนอง” หลายคนบางคนไม่ได้อยู่ในวงการนี้แล้ว สิบเจ็ดสิบแปดคน แล้วก็มาเจอ“พี่อุ๋ย-นนทรีย์” ในหนังโฆษณามอเตอร์ไซค์ตัวนี้เขาเป็นผู้กำกับคนแรกของผมการถ่ายแบบโฆษณามันดีอย่างที่มันฝึกแอ๊กติ้งเราทำให้คาแร็กเตอร์เราเด่นชัดขึ้นเพราะว่าแต่ละงานเขาก็จะบรีพการแคส ซึ่งเมื่อก่อนแคสงานแทบทุกวัน และมักจะได้นะก็เป็นคนโฆษณามาตลอดหลังจากนั้นก็มาถ่ายมิวสิกวีโอของ “อี๊ด ฟุตบาท” แล้วก็ถ่ายมิวสิกอีกเยอะมาก ทั้งของ “ต่าย-เพ็ญพักตร์” “ยู่ยี่” “แหวน-ฐิติมา” “กัมปะนี” จนตอนหลังก็เข้ามาเล่นภาพยนตร์เรื่อง “เร็วกว่าใจไกลเกินฝัน” แล้วก็มาถ่าย“คู่แท้สองโลก” ก็เดินสายเล่นภาพยนตร์และเล่นตัวร้ายมาแทบจะตลอด ตอนนั้นยังไม่ได้มีหนวดมีเครา ที่เริ่มไว้เคราคือตอนที่ผมได้ไปเล่นหนังฮาลาลโลกของมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ เรื่อง “ยูเทิร์น(U-TURN) จุดกลับใจ” รับบทเป็นโต๊ะอิหม่าม ซึ่งเล่นเป็นคนดีนะก็เป็นการพลิกบทบาทเหมือนกัน หลังจากนั้นก็เลยไว้หนวดเครามาและบังเอิญหน้ามันดูมีอะไร บวกกับการแต่งตัวของเราที่ออกจะฮิปสเตอร์หน่อยๆ ชอบแนววินเทจลุคมันก็เลยได้

เลือดศิลปินที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

การแสดงของผมในตอนนั้นจะบอกว่าจริงๆแล้วปู่ผมที่เป็นต้นตำรับอาหารท่านเคยเป็นจำอวด แล้วผมมาได้ทางแม่เพราะว่าแม่ผมเป็นลูกครึ่งฝรั่ง คุณตาเป็นฝรั่งเศส เราเลยมีหน้าตาที่มันอาจจะโดดเด่นขึ้นมาหน่อย คณะจำอวดของปู่ผมชื่อจิ๊มัดปะแด๊ะ แล้วปู่เคยประกวดได้ที่หนึ่ง ก็เลยรู้สึกว่าการแสดงของเรามันอาจจะถ่ายทอดมาโดยสายเลือด เรื่องความบ้าบิ่นในตัวที่มันมีอยู่เราก็ไม่ได้เคอะเขินอะไร แต่ความรู้เพิ่มเติมที่เรามาเก็บเกี่ยวระหว่างที่เราเป็นแสดง อ่านหนังสือบ้าง มีผู้ใหญ่ที่อาวุโสในวงการเขาแนะนำเราก็เก็บเกี่ยวและพัฒนาจนเป็นตัวเรา ซึ่งเราก็ชอบตั้งแต่แรกที่ได้ทำแล้วล่ะเพราะว่าได้ตังค์ด้วยมันเป็นอะไรที่ง่ายแค่เราใช้ตัวเองแสดงออกไปเท่านั้นเองก็เลยชอบมาตั้งแต่นั้น และมีงานมาตลอดก็คงไม่หนีไปไหนแล้วมั้งครับยึดอาชีพพ่อค้าขายอาหารเป็นหลัก ส่วนงานแสดงตอนนี้เป็นเสริมไปแล้ว จากเมื่อก่อนเป็นอาชีพหลัก

ผลงานสุดประทับใจ

ทุกวันนี้คนยังพูดถึงก็คือเรื่อง “ตี๋ใหญ่” เวอร์ชั่น “หนุ่ม-ศรราม” เพราะว่าเล่นเป็นลูกพี่ตี๋ใหญ่ทำให้เขากล้าสู้คน และล่าสุดเร็วๆ นี้ก็น่าจะเป็น “ชาติพยัคฆ์” ที่น่าภาคภูมิใจเพราะว่าเป็นเรื่องของชาติถึงแม้ว่าเราจะเล่นเป็นตัวร้าย แต่เราก็มีส่วนร่วม หลายเรื่องครับ และทุกงานที่ผมรับผมทำเต็มที่และผมมีความสุขกับมันภูมิใจกับทุกงานเมื่อเราทำเต็มที่แล้วเราก็ไม่รู้สึกเสียใจ มันก็มีบ้างแหละบางทีว่ามันน่าจะได้อีกนิดนึงนะ แต่เรารู้สึกว่าเราสนุกกับมันและภูมิใจกับงานของเรามาโดยตลอด เคยมีความคิดเบื่อวงการเหมือนกันนะครับ เคยคุยกับพี่อุ๋ยตอนที่เล่นหนังเรื่อง “ปืนใหญ่จอมสลัด” กับเขาว่าคงจะเป็นเรื่องสุดท้าย เขาก็บอกว่าพูดแบบนี้ไม่ได้นะเป็นนักแสดงเป็นคนสร้างความบันเทิงให้กับคนดู เราก็เลยเปลี่ยนใจใหม่ไม่เลิกก็ได้ งั้นเราก็เป็นของเราแบบนี้ (หัวเราะ) ก็เลยยังอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้

คุณพ่อลูกดก

มีลูกชายสองคนลูกสาวสองคน คนโตอยู่ม.3 แล้วครับ คนเล็ก ป.3 มีปีเว้นปี แต่จริงๆ ผมเคยแต่งงานแล้วเลิกกันไปกับภรรยาที่เป็นนางแบบคือ “ปู-จีน่า” แล้วเราก็มีลูกด้วยกันคนนึงเราก็ให้เขาไปซึ่งลูกก็อยู่มหา’ลัยปี 2 แล้ว ผมเป็นคุณพ่อที่สบายๆ ใจดีกับลูกลูก ลูกมาอ้อนหน่อยผมก็ตามใจแล้วแม่เขาจะไม่ค่อยตามใจลูกเราเป็นลูกแม่ลูกคนโตเลี้ยงน้องมาหลายคนช่วยแม่มา แม่เขาเป็นคนที่รักลูกเท่ากัน เพียงแต่ว่าสไตล์ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันก็สนุกดีนะ การที่เราจะเป็นคุณพ่อยังไงที่จะให้ลูกๆ ได้รับความรักที่เท่าๆ กัน โดยผมรู้สึกว่าใครขาดไปแต่ละคนก็ต่างสไตล์ การเป็นคุณพ่อบางทีมันก็เป็นความรับผิดชอบการเป็นหัวหน้าครอบครัวมันก็ต้องเต็มที่อ่อนแอไม่ได้พ่อเคยบอกว่าลูกผู้ชายไม่ได้เป็นกันง่ายๆ คือ ก็จริงนะเดี๋ยวนี้ผู้ชายมีคุณภาพหาได้น้อยมาก เป็นผู้ชายแท้ก็น้อยอีก เราทำเขาขึ้นมาเป็นภาระแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด

ความในใจฝากถึงแฟนๆ

มาอุดหนุนทักทายพูดคุยกันได้นะครับ ผลงานแสดงก็ยังมีอยู่ ลองติดตามดู หรือเข้ามาตามกันในเพจ“บ้านดาวร้าย” แล้วแวะมารับบรรยากาศ รับการต้อนรับจากผมเองโดยตรง แวะมาชิมอาหารสูตรดั้งเดิมที่ร้านได้ถ้าใครอยากจะดูไลฟ์สไตล์เรื่องแฟชั่นการแต่งตัวของผมก็เข้ามาฟอลโล่ไอจีกันได้ tan_m เวลาออกร้านไหนก็จะมีแจ้งในเพจ ตลาดนัดดาราก็จะมีทุกวันพฤหัส-ศุกร์สัปดาห์แรกของเดือน พบปะทักทายพูดคุยได้ครับ และคนที่ทำอาชีพเหมือนเราก็ต่อสู้นะครับเพราะว่าเศรษฐกิจถึงแม้ว่ามันจะตกต่ำไปบ้างแต่เราก็ต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ อยากให้อดทนและมีกำลังใจที่ดีกันไว้ครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับแม้กระทั่งตัวเอง (หัวเราะ)

เป็นการจบบทสนทนาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จากผู้ที่ถูกยกให้เป็น “ดาวร้าย” ของวงการบันเทิง “แทน-ฐิติ พุ่มอ่อน”

1 thought on “Star Retro : ‘แทน-ฐิติ’ ดาวร้ายในจอ นอกจอ มีเสน่ห์ปลายจวัก เป็นอาชีพ

Leave a comment