ย้อนรอยพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาเรือใบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/300763

ย้อนรอยพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาเรือใบ

ย้อนรอยพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาเรือใบ

วันศุกร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ โชว์การแล่นเรือใบ

“แล่นเรือใบ” เป็นกีฬาทางน้ำที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง และได้แสดงพระอัจฉริยภาพในกีฬาชนิดนี้ให้คนไทยและนานาชาติได้ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการต่อเรือใบด้วยพระองค์เอง ทรงแล่นเรือใบจากอ่าวหัวหินสู่อาวสัตหีบโดยพระองค์เองเพียงลำพัง และสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 พ.ศ.2510ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

เพื่อน้อมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจและมอบประสบการณ์นอกห้องเรียนให้กับเยาวชนไทย“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดกิจกรรม “ย้อนรอยพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาเรือใบ” นำน้องๆ เยาวชนจากสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ จำนวน 20 คน ได้มาเรียนรู้ถึงวิธีการแล่นเรือใบ โดยมีนักกีฬาแล่นเรือใบทีมชาติ มาแบ่งปันประสบการณ์และสอนน้องๆ อย่างใกล้ชิด ณ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พลเรือตรีวิพันธุ์ ชมะโชติ กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่าถึงพระอัจฉริยภาพของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในกีฬาเรือใบให้กับน้องๆ บ้านมหาเมฆฟังว่า “หนึ่งในหลายๆ ชนิดกีฬาที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 โปรดนั้น ทุกคนทราบดีว่าคือ กีฬาเรือใบ ทรงเป็นนักแล่นเรือใบที่ทรงมีพระปรีชาสามารถมากซึ่งในขณะนั้นเรือใบลำหนึ่งราคาหลายบาทอยู่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงต่อเรือใบด้วยพระองค์เอง และพระราชทานชื่อเรือใบลำนั้นว่า ราชปะแตน ทั้งนี้ พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาที่แท้จริง ในการแข่งขันครั้งหนึ่งระหว่างที่ทรงแล่นเรือใบอยู่กลางทะเลก็ทรงไปชนทุ่นเข้าซึ่งผิดกฎ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์นั้นไม่มีใครเห็น แต่พระองค์ทรงซื่อสัตย์แล่นเรือใบกลับเข้าฝั่งแล้วแจ้งคณะกรรมการว่าพระองค์ทรงทำผิดกติกาแม้จะไม่ตั้งพระทัย นั่นนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง

“ที่นับว่าเป็นเกียรติประวัติแก่กีฬาแข่งเรือใบของประเทศไทยก็คือ การแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อพ.ศ.2510 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในครั้งนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา ในขณะนั้น ทั้งสองพระองค์ทรงเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย ทรงทำคะแนนในการแข่งขันเรือใบประเภท โอเค ได้เป็นที่หนึ่งเสมอกัน ทำให้ทรงครองเหรียญทอง อันเป็นเหรียญเกียรติยศของชาวไทยทั้งชาติ และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ชาวทหารเรือทุกคนต้องจดจำคือ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2509 พระองค์ท่านทรงแล่นเรือใบฝีพระหัตถ์ประเภทโอเค ขนาด 13 ฟุต ชื่อ “เวคา”จากวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปยังฐานของนาวิกโยธิน ที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพียงลำพังพระองค์เดียวรวมระยะทางกว่า 60 ไมล์ทะเล ใช้เวลาทั้งสิ้น 17 ชั่วโมง ในฉลองพระองค์ชุดสนามทหารนาวิกโยธิน ทรงนำเรือข้ามอ่าวไทยและเสด็จฯ นำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้เหนือยอดก้อนหินที่ชายหาดของอ่าวเตยงาม ในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน”

ท็อป-กีระติ บัวลง นักกีฬาเรือใบทีมชาติไทย วัย 25 ปี ซึ่งรับใช้ชาติมานานถึง 12 ปี มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ให้น้องๆ ฟังด้วยว่า “รู้จักกีฬาเรือใบครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 9 ขวบ ผมเป็นเด็กมาจากอีสานมาเที่ยวทะเลครั้งแรกกับครอบครัวที่สัตหีบ พอดีสมาคมฯ มีเปิดสอนพื้นฐานก็ลองมาเรียนดูแล้วติดใจ ก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่กับญาติที่สัตหีบเพื่อฝึกกีฬาเรือใบอย่างจริงจังตั้งแต่เรียนชั้น ป.5 จนได้ติดทีมชาติ ในการฝึก
ก็ต้องใช้ทั้งความอดทน มีวินัย ต้องมีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจในการบังคับเรือบางครั้งคลื่นลมก็ไม่เป็นใจแต่จะทำอย่างไรให้เราสามารถทำคะแนน จึงต้องมีสติและคิดอย่างรอบคอบในช่วงเสี้ยววินาทีก็อาจทำให้แพ้ได้”

ทั้งนี้ กิจกรรม “ย้อนรอยพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาเรือใบ” น้องๆ เยาวชนจากสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ จำนวน 20 คน ได้เรียนรู้การบังคับเรือบนห้องเรียนจำลองกลางแจ้ง โดยได้ พี่ท็อป-กีระติ บังลง และ น้องปรุง-พันวา บุนนาค นักกีฬาทีมชาติ อายุเพียง 13 ปี มาสอนเทคนิคให้กับน้องๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้น้องๆ ยังได้ชมการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติอีกด้วย

พี่ท็อป-กีระติ บัวลง และน้องปรุง-พันวา บุนนาค สองนักกีฬาเรือใบไทย

พี่ท็อป-กีระติ บัวลง และน้องปรุง-พันวา บุนนาค สองนักกีฬาเรือใบไทย

Leave a comment