ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/302573

pet care : การถ่ายพยาธิให้กับน้องหมาและน้องแมว ควรทำเมื่อไหร่และบ่อยแค่ไหน?
สวัสดีครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้คุยกันถึงอันตรายของพยาธิในคนไปแล้ว สัปดาห์นี้ เรามาคุยกันต่อ ถึงการถ่ายพยาธิให้กับน้องหมาและน้องแมวกัน โดยข้อมูลต่อเนื่องจาก ผศ.สพ.ญ.ดร.วรพร สุขุมาวาสี จาก หน่วยปรสิตวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ครับ
● เราควรเริ่มพาสัตว์เลี้ยงไปถ่ายพยาธิได้เมื่อใด และควรทำบ่อยแค่ไหน?
ล่าสุด Tropical Council for Companion Animal Parasites (TroCCAP; http://www.troccap.com/) แนะนำว่า ลูกสุนัขและลูกแมวทุกตัวควรได้รับการถ่ายพยาธิไส้เดือนและพยาธิปากขอ เริ่มตั้งแต่อายุ 2 สัปดาห์ และให้ยาต่ออีกทุก 2 สัปดาห์จนอายุครบ 8 สัปดาห์
หลังจากนั้น จึงเริ่มการป้องกันพยาธิโดยใช้ยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับพยาธิไส้เดือนและพยาธิปากขอ “เป็นประจำทุกเดือน” เพื่อจัดการกับการติดเชื้อใหม่ที่อาจเพิ่งรับมาได้ โดยเฉพาะในสัตว์ที่มีโอกาสรับเชื้อจากสัตว์ตัวอื่นและสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบสำหรับป้องกันพยาธิในทางเดินอาหาร เช่น ยากินแบบเม็ด แบบเคี้ยว ยาหยดที่ผิวหนัง (บริเวณระหว่างไหล่) เป็นต้น บางผลิตภัณฑ์นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดพยาธิในทางเดินอาหารแล้ว ยังมีการป้องกันพยาธิหัวใจ และ/หรือป้องกันปรสิตภายนอกร่วมด้วย

สำหรับแม่แมวและแม่สุนัขที่กำลังให้นมลูก ควรได้รับยาถ่ายพยาธิพร้อมกับลูกสัตว์ด้วย ส่วนการถ่ายพยาธิในแม่หมาที่ติดเชื้อขณะตั้งท้อง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดตัวอ่อนของพยาธิไส้เดือนจากแม่สู่ลูกผ่านทางรกและน้ำนม
● คำแนะนำเพื่อให้ “สัตว์เลี้ยง” “เจ้าของ” และ “คนรอบข้าง” ปลอดภัย เราควรดูแลสัตว์เลี้ยงของเราอย่างไร ?
ควรป้องกันไม่ให้สุนัขและแมว “ล่าเหยื่อ” โดยให้อยู่ภายในบริเวณบ้าน ไม่ออกไปรับเชื้อจากสิ่งแวดล้อมที่มีสัตว์จรจัดอาศัยอยู่ ควรให้อาหารที่ปรุงสุกแล้วแก่สัตว์เลี้ยง งดให้เนื้อสัตว์ดิบ และควรนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจอุจจาระ (หรือนำอุจจาระที่เพิ่งถ่ายสดๆ ใส่ถุงไปให้คุณหมอตรวจ) อย่างน้อยทุก 3 เดือน ในขวบปีแรก และประจำปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการให้ยาป้องกัน และความร่วมมือของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของในการให้ยา ควรกำจัดอุจจาระจากสนามหรือกระบะทรายทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่พยาธิพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะติดโรค หากตรวจพบว่าสัตว์เลี้ยงติดพยาธิ นอกจากการถ่ายพยาธิแล้ว สัตวแพทย์จะให้การรักษาตามอาการควบคู่ไปด้วย
● นอกจากการถ่ายพยาธิในสัตว์เลี้ยงเป็นประจำแล้ว ควรป้องกันการติดเชื้อในคนอย่างไร
การติดต่อของพยาธิปากขอและพยาธิไส้เดือนสู่คนนั้น มากับ “ดิน”
ไข่พยาธิไส้เดือน มีเปลือกหนา สามารถพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะติดโรคได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ พยาธิออกไข่จำนวนมากปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่น ดินที่ชื้น และไข่มีความทนทานสูง จึงอยู่ได้นานหลายปี การกำจัดไข่พยาธิไส้เดือนในสิ่งแวดล้อมนั้นทำได้ยาก ยาฆ่าเชื้อทั่วไปมีประสิทธิภาพไม่ดีในการฆ่าพยาธิระยะนี้ แต่สามารถช่วยลดจำนวนเชื้อลงได้ หากสัตว์เข้ามาขับถ่ายในสนามเด็กเล่นที่มีดินมีทรายได้ ควรระมัดระวังไม่ให้เด็กเล็กกินดินหรือทราย รวมทั้งป้องกันการไม่ให้นำสิ่งของหรืออาหารที่ปนเปื้อนดินหรือทรายเข้าปาก ควรปิดกระบะทรายหลังจากเล่นเสร็จแล้วให้มิดชิด หรือมีประตูกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขและแมวเข้ามาขับถ่ายในสนามเด็กเล่น หลังจากที่เด็กเล่นเสร็จแล้วต้องล้างมือถูสบู่ให้สะอาดโดยเฉพาะตามซอกเล็บ นอกจากนี้ ขณะที่นั่งบนดินหรือทรายที่ชื้น ควรมีเสื่อหรือผ้ายางปูรองพื้น ควรใส่ถุงมือและรองเท้าในขณะทำสวน และผู้ที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับดินชื้นเป็นระยะเวลานาน ควรป้องกันด้วยการสวมใส่วัสดุที่มีชั้นป้องกันน้ำได้ เพื่อไม่ให้พยาธิไชเข้าผิวหนัง หากพาสัตว์เดินเล่น ต้องใช้สายจูง และควรเก็บอุจจาระทิ้งทันทีหลังจากที่สัตว์ขับถ่าย เพื่อเป็นการลดจำนวนไข่พยาธิและตัวอ่อนในสิ่งแวดล้อมลง ดังนั้น “ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเลี้ยงด้วยความรับผิดชอบ ไม่ปล่อยให้สัตว์ไปขับถ่ายในที่สาธารณะ” ผักและผลไม้ควรล้างให้สะอาดเพื่อลดการปนเปื้อนของดินที่อาจมีไข่พยาธิไส้เดือน
สุดท้ายนี้ อาจารย์วรพร ได้ฝากถึงท่านผู้อ่านทุกท่านว่า การป้องกันการติดโรคพยาธิจากสัตว์จากการกินนั้น ก็ยังคงใช้หลักการเดิม คือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” นั่นเอง ขอให้ทุกท่านเลี้ยงเจ้าตูบเจ้าเหมียวอย่างมีความสุข ปลอดภัยและไกลโรคกันนะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย