Rookies : ‘นิ้ง-ศรัณยา’แรงผลักดันจากเพื่อน ส่งเด็กขี้อาย กลายเป็นดารา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/311715

Rookies :  ‘นิ้ง-ศรัณยา’แรงผลักดันจากเพื่อน  ส่งเด็กขี้อาย กลายเป็นดารา

Rookies : ‘นิ้ง-ศรัณยา’แรงผลักดันจากเพื่อน ส่งเด็กขี้อาย กลายเป็นดารา

วันเสาร์ ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

วันนี้ขอพามาทำความรู้จักกับนักแสดงน้องใหม่จากวิก 3 พระราม 4 “นิ้ง-ศรัณยา จำปาทิพย์” สาววัยใส ที่ออกตัวว่ามีวันนี้ได้เพราะเพื่อน!? ส่วนที่มาที่ไปเป็นอย่างไรนั้น ลองฟังจากคำบอกเล่าของเจ้าตัวกันค่ะ

“นิ้ง” ในวัยเด็ก

เป็นเด็กขี้อาย ไม่พูด แล้วก็อ่อนไหว ร้องไห้ง่าย ไม่มีแววทางด้านการแสดงเลยค่ะ เพราะว่าไม่ชอบกิจกรรมทางโรงเรียนด้วยความเขิน เวลาครูบอกว่าใครอยากเต้นไหม ก็จะไม่แสดงตัวเลย ถึงเราจะอยาก แต่เราก็จะไม่ เป็นคนนิ่งมากเลย ตอนเด็กๆ คือจะไม่พูดเลย จนเหมือนแบบทุกคนที่บ้านคิดว่าเป็นใบ้ (หัวเราะ) แต่จริงๆ คือเราไม่พูดเองมากกว่า

เพื่อนคือผู้ผลักดัน

เพราะเพื่อนเลยค่ะ ที่ทำให้เรากล้าแสดงออกขึ้น คือครั้งแรกที่แคสก็อายเหมือนกัน เกร็ง แล้วก็แบบบทนี้ต้องทำธรรมชาตินิ้งก็ท่องเลยค่ะ เลยไม่ผ่าน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรียนอยู่ ม.6 หรือมหาวิทยาลัย ปี 1 อะไรแบบนี้ ซึ่งเราก็เรียนอยู่ที่ปราจีนฯด้วย นานๆ ค่อยมาแคสที และแล้วก็ได้งานแรกเป็นพรีเซ็นเตอร์ โตโยต้า เข้ารอบ 20 คน แล้วก็มีโอกาสได้ไปแคสหนัง ได้เล่น MV มาเรื่อยๆ ได้เล่นหนังกับพี่พจน์ แล้วพี่ผู้จัดการส่วนตัว ก็เลยพามาแคสกับทางช่อง 3 แล้วก็ได้ไปเรียนการแสดง ซึ่งเหนื่อย เพราะว่าช่วงนั้นก็เรียนมหา’ลัยด้วย แล้วก็ขึ้นมาเรียนทุกอาทิตย์ เหนื่อยค่ะเราต้องใช้แรงเยอะ

เมื่อต้องลงสนามจริง

โอ้โห! เครียดเลยค่ะ เห็นบทแล้วแบบ ตกใจ เล่นไม่ถูกตื่นเต้น มันเกร็งไปหมด แม้ว่าเราจะเรียนการแสดงมาแล้วนะคะ แต่ด้วยความที่เราเองก็ใหม่มาก และบางคนก็ว่าละครมันยาก มันต้องมีความต่อเนื่องของตัวละคร ไม่ใช่สั้นๆ แล้วก็จบ คือแบบต้องมีระยะ ตัวละครเป็นยังไงเจออะไรมาแล้ว หรือว่ายังไม่เจออะไร ต้องทำการบ้านกับตัวละครตัวนั้น ด้วยอารมณ์ตอนนั้นคือหนูเครียดไปเอง เครียดไปไกล เรียนหนังสือด้วยอีก เครียดจนร้องไห้ แต่ว่าก็ได้พี่ๆ ในกองช่วยสอนเยอะเลย “พี่กอบสุข” ก็เหมือนจะดุแต่ว่าจริงๆ ทุกคนใจดีเป็นกันเอง และให้กำลังใจเรามาก เพราะร่างกายหนูไม่ไหวจริงๆ เลยถือว่าเรามาเล่นเรื่องแรก “บุญหล่นทับ” แล้วเป็นอะไรที่ยากมาก คือเราต้องเล่นเป็นลูกคุณหนูด้วยค่ะ ฉลาดเรียนหมอ ซึ่งมันห่างไกลจากตัวจริงของหนูมาก แต่โชคดีที่คนที่เล่น
เป็นเพื่อนหนูในเรื่องนี้ เป็นคนที่เรียนแอ๊กติ้งมาด้วยกัน ก็เลยเหมือนสนิทกันอยู่แล้ว พอไปเล่นก็ไม่เกร็งค่ะ แต่พอเข้ากับผู้ใหญ่นี่ตอนแรกจะเกร็งและกลัว แต่เขาก็สอน หลายๆ ท่านเข้าใจและช่วยแนะนำช่วยสอนเรา

จากสิ่งที่ยากกลายเป็นความชอบ

ชอบเลยค่ะ ชอบที่ตัวเองได้ทำอะไรที่ชีวิตนี้เราก็คงจะไม่ได้ทำ ไม่ได้เป็น ซึ่งมันสนุกมากๆ แม้ว่าเราจะเครียด แต่ก็ไม่ท้อ อยากทำให้ออกมาดีที่สุด เพราะกว่าเราจะเข้ามาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราต้องผ่านการแคส การทดสอบบทมาก่อน จนกระทั่งมาถึงละครเรื่องที่ 2 “เด็ดปีกนางฟ้า” ของ “พี่ไก่-วรายุทธ” พอรู้ว่าได้เล่นละครของพี่ไก่นี่ คือหนูตื่นเต้นมากค่ะ เดินเข้าไปกองแบบเกร็งๆ ตอนไปแคสเขาก็ถามว่า บทที่ส่งให้ อยากเป็นตัวไหน แล้วรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้นิสัยเป็นยังไง ก็เลยแคสบทตัวละครชื่อ “ผักกาด”แล้วก็ได้ เพราะมันใกล้ตัวเรา

บทบาทกับอาชีพในฝัน

ในเรื่องคือได้เล่นเป็นแอร์โฮสเตส ซึ่งตอนเด็กๆ ก็แอบมีความฝันว่าอยากจะทำอาชีพนี้เหมือนกันค่ะ แล้วพอได้สัมผัสคนใกล้ตัวที่เป็นแอร์ จากคนที่ลูกหลานเขาเป็นแอร์แล้ว รู้สึกโหดมาก ไม่ใช่ว่าแค่คุณไปยืนสวยแล้วก็เสิร์ฟ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องสดชื่นตลอดเวลา คือหนูเป็นคนที่เวลาเหนื่อยหน้าหนูก็จะรู้ว่าเหนื่อย จะแสดงออกทันที คือตาจะลอยไปเลย อีกอย่างคือหนูต้องนอนเยอะๆ แต่แอร์โฮสเตสได้นอนน้อยมาก ต้องอดทนจริงๆ ส่วนละครเรื่องที่ 3 คือซีรี่ส์ลูกผู้ชาย ตอน “ปัทม์” รับบทเป็น “หนูตุ่น” เป็นเด็กสดใสร่าเริง เอาแต่ใจเล็กน้อย ตามประสาลูกคนเดียวของที่บ้าน แต่เป็นคนที่มีความคิด ช่างพูดช่างสงสัย ชอบช่วยเหลือคนอื่น ขี้สงสารเห็นอกเห็นใจคนอื่น คือจิตใจดีค่ะ แล้วตัว “ปัทม์” พระเอกของเรื่องเขาเคยช่วยชีวิตเราเอาไว้ ทำให้เราเกิดความประทับใจ และเห็นปัทม์เป็นทั้งพี่ชายและฮีโร่ ตั้งแต่นั้นมาหนูตุ่นก็จะคอยอยู่เคียงข้างปัทม์ตลอด คอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจปัทม์ ในช่วงแย่ๆ ของชีวิต รับรู้ทุกอย่างที่ปัทม์ต้องเจอ ถึงแม้บางทีจะมีงอนไม่เข้าใจไม่พอใจกันบ้าง แต่ลึกๆ ก็ห่วงและรักปัทม์เสมอ

ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเต็มตัว

ด้วยความที่เรายังใหม่ ก็จะตื่นเต้นและกดดันค่ะ แต่ก็พยายามทำการบ้านให้เยอะๆ เพื่อให้ผิดพลาดน้อยที่สุดเวลาอยู่หน้างาน แล้วในเรื่องเราจะต้องเล่นหลายช่วงวัย เราก็ต้องทำการบ้านในทุกช่วงวัย เพื่อให้ทุกช่วงวัยมีความแตกต่างกัน เนื้อเรื่องเป็นพีเรียด คำพูดบางคำก็จะพูดแตกต่างกับสมัยนี้บ้าง บางทีเราก็จะติดคำพูดสมัยนี้ ก็ต้องปรับต้องแก้ ซึ่งในการทำงานทุกคนจะคอยช่วย คอยให้คำปรึกษา คอยสอนทำให้งานออกมาดี และบรรยากาศในกองก็สนุกไม่เครียดค่ะ

ความเห็นจากครอบครัว

ที่บ้านก็ไม่ได้ห้ามอะไร เรื่องเรียนหรือว่าเราอยากจะเป็นอยากจะทำอะไรเขาปล่อยให้เราเลือกได้เลย พอเข้ามาทำงานตรงนี้เราก็เต็มที่ทั้งงานและเรียน และปกติหนูก็ไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็มีเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วก็ทำงานก็เลยมีเวลามาโฟกัสการเรียนนิดเดียวก็เลยต้องตั้งใจขึ้นเวลาเพื่อนไปเที่ยวกันก็จะอิจฉาบ้างที่เราไม่ได้ไปด้วย แต่ตอนนี้ก็เรียนจบแล้วเพิ่งรับปริญญาไป ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ด้วยเขามีส่วนช่วยหนูเยอะมากค่ะ เอาแบบจริงๆ ถ้าไม่มีเพื่อนบางทีตอนนี้หนูอาจจะติดอยู่หลายตัวอาจจะยังเรียนไม่จบก็ได้ ขอบคุณเพื่อนทุกคนเลยค่ะ แม้ว่าเราจะจบช้ากว่าเขา ก็แอบเสียใจร้องไห้เล็กๆ แต่ก็เพราะเป็นตัวเราเองด้วยแล้วตอนนั้นเราก็รู้ว่าเราไม่มีเวลาอยู่แล้ว แต่มันก็น้อยคนที่จะมาอยู่ตรงนี้ได้

วันนี้ของเรากับเพื่อนๆ

เพื่อนก็ขำค่ะ (ยิ้ม) มีแอบแซวๆ แล้วก็ถามว่ามีงานละครอะไรบ้างเขาจะตามดูอะไรแบบนี้ เขาดีใจไหมที่เรามาถึงตรงนี้ หนูว่าก็คงจะมีบ้าง แต่ว่าเราก็ไม่ได้แสดงออกกันเท่าไหร่

ฝากถึงแฟนๆ

ก็อยากจะให้ติดตามผลงานด้วยนะคะ แล้วก็ดูการพัฒนาการของหนูไปเรื่อยๆ จะตั้งใจทำเต็มที่ค่ะ

กุหลาบสีเงิน

Leave a comment