ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/309163

ภูมิบ้าน ภูมอเมือง : ‘ตลาดเก่าท่าม่วง’ ชุมชนวัฒนธรรมท่าน้ำริมแม่กลอง
ตลาดเก่าท่าม่วง
ชุมชนหลายแห่งนั้นล้วนมีวัฒนธรรมที่สร้างและพัฒนาการมาแต่อดีต ดังนั้นวัฒนธรรมชาวบ้านที่บอกความเป็นตัวตนของชุมชนท้องถิ่นที่มีลักษณะเกื้อกูล พึ่งพาอาศัยไม่อยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่แข่งขันหรือเอารัดเอาเปรียบกันจึงย่อมรักษาภูมิปัญญาของตนได้ดี โดยอาศัยความสัมพันธ์กับธรรมชาติและมีความเคารพนับถือ เวลาว่างนั้น คุณธีรภาพ โลหิตกุล ศิลปินแห่งชาติ ได้ชักชวนเพื่อนพ้องที่รักชอบงานสารคดีและรักการถ่ายภาพมาร่วมกันให้ความสำคัญกับชุมชนทางวัฒนธรรมผ่านมุมมองแล้วถ่ายทอดเป็นหนังสือ “นพมณีกาญจน์” ให้เห็นความงดงาม ครั้งนี้ได้ไปตามรอยกันที่ ชุมชนบ้านท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ชาวบ้านแจ่มชัดในวัฒนธรรมของตน ทำให้หลายคนตื่นและรับรู้ถึงเอกลักษณ์และคุณค่าของตัวเอง จนค้นพบจิตสำนึกอิสระของชุมชน เห็นคุณค่าของการรวมตัวเป็นชุมชน และซาบซึ้งในประวัติการต่อสู้ดำรงอยู่ร่วมกัน
อีกทั้งยังเห็นภัยของการครอบงำจากวัฒนธรรมแปลกปลอมจากภายนอก อำเภอท่าม่วงแห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๔๔๑ ที่บ้านท่าไม้รวก ตำบลม่วงชุม โดยเริ่มแรกเรียกอำเภอใต้ เนื่องจากเขตอำเภอนั้นติดกับ “วัดใต้” หรือวัดมโนธรรมาราม ต่อมาความเจริญของลำน้ำเปลี่ยนไปทำให้ผู้คนอพยพลงมาทางใต้ ด้วยบริเวณท่าไม้รวกเป็นลำน้ำคด ไม่สะดวกในการสัญจรของเรือ แพ จึงย้ายอำเภอมาตั้งใหม่บริเวณใกล้กับวัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ตั้งชื่อใหม่ว่า อำเภอวังขนาย ความเป็นมาของชุมชนตลาดที่มากกว่า ๑๑๗ ปี จนมีชื่อเรียกขานว่า “ตลาดนางลอย” นั้นหลังจากเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ ได้มีการบูรณะฟื้นฟูบ้านเรือนขึ้นมาใหม่บริเวณตลาดนางลอยเดิมและเรียกว่าตลาดท่าม่วงต่อมา พระวรภักดิ์พิบูลย์ นายอำเภอสมัยนั้นเห็นว่าอำเภอควรตั้งชื่อให้สอดคล้องกับสภาพจริงคืออำเภอตั้งอยู่ในตำบลท่าม่วงและอยู่ท้ายตลาดท่าม่วงซึ่งเป็นตลาดใหญ่ จึงเปลี่ยนชื่อจากอำเภอวังขนายเป็น อำเภอท่าม่วง ในปีพ.ศ.๒๔๘๒ แม้ว่าจะมีการย้ายที่ว่าการอำเภอมาอยู่ที่ตั้งปัจจุบันอีกครั้งเมื่อพ.ศ.๒๔๘๙ เนื่องจากอาคารที่ว่าการอำเภอเดิมเล็กคับแคบและชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถขยายได้ แต่ด้วยความที่เป็นย่านการค้าเก่าริมน้ำแม่กลองของเมืองกาญจนบุรี จึงเกิดชุมชนที่มีบทบาทและมีคุณค่าของประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตชุมชนของตน
ตลาดเก่าท่าม่วงนั้นเฟื่องฟูมากด้วยอยู่บนเส้นทางค้าริมน้ำแม่กลอง มีท่าเรือรับส่งสินค้า จำนวน 3 ท่า คือ ท่าบน ท่ากลาง และท่าล่าง ที่ใช้ในการรับ-ส่งผู้โดยสาร และขนส่งซื้อ-ขายสินค้าที่มาจากเมืองต่างๆเช่น จากกรุงเทพฯ สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทราโดยใช้ลำน้ำแม่กลองในการใช้เส้นทางเดินเรือล่องผ่านอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นชุมชนตลาดเก่าที่ยังคงวิถีชีวิตของชุมชนชาวจีน มีเรือนแถวไม้ของสถาปัตยกรรมเดิมๆ ของความเป็นเมืองท่าค้าขายที่กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลงและอาคารเก่าหลายแห่งทรุดโทรม จึงมีความพยายามของชุมชน ร่วมมือกันฟื้นฟูวิถีของย่านผ่านการมีส่วนร่วม จนเป็นความอิ่มใจของชุมชนที่ร่วมกันคืนชีวิตให้ย่านการค้าเก่า ในรูปแบบถนนสายวัฒนธรรมหลังจากซบเซามากว่า ๓๐ ปี จากการสำรวจนั้นพบว่ายังมีอาคารสำคัญด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์และผู้คนในอดีต มากกว่า ๙๐ รายการ อย่างบ้านปอเชียงอายุกว่า ๙๐ ปีนั้นปัจจุบันจัดเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนที่มีประวัติการค้ากับชาวญี่ปุ่นและตะวันตกช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในแผนพัฒนาเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนั้นทำให้ชุมชนได้ร่วมกำหนดอนาคตของย่านตลาดเก่าด้วยตนเอง ที่ชาวบ้านต้องร่วมกันถอดบทเรียนเพื่อนำมาเป็นข้อมูลสำหรับการเดินหน้าของชุมชนวัฒนธรรมแห่งนี้ต่อไป ชุมชนท่าม่วงนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ และละครหลายเรื่อง เช่น คู่กรรม ถ่ายทำเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗ อันธพาล ถ่ายทำเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๕ และภาพยนตร์เกาหลี Sunny ถ่ายทำเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗จึงเป็นตลาดเก่าที่สะท้อนวิถีแบบดั้งเดิมที่เหลืออยู่ได้และน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง