ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/315201

รายงานพิเศษ : รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้รัฐบาลยุคคสช. พ.ศ. 2557–ปัจจุบัน (3)
อีกประการหนึ่ง การแต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)ท่านได้เสนอแต่งตั้ง นายธีธัช สุขสะอาด เป็นผู้ว่าฯกยท. และแต่งตั้ง พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข มาเป็นประธานกรรมการ กยท. ไม่ทราบว่าท่านได้รู้จัก นายธีธัช และประวัติของนายคนนี้มากน้อยเพียงใด อดีตที่ นายธีธัช เคยเป็น ผอ.องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย ได้สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง มีความรู้ความสามารถในเรื่องยางอย่างไร
ตลอดระยะเวลาที่ นายธีธัช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกยท. เป็นช่วงที่ราคายางตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรชาวสวนยางจึงรวมตัวกันในรูปของสหกรณ์ สมาคม สหพันธ์ชาวสวนยาง และออกมาเคลื่อนไหวให้มีการปลด นายธีธัช รวมทั้งให้มีการตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสในการบริหารงานหลายๆ เรื่อง จนต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่หลังจาก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ พ้นตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ ไปแล้วไม่ทราบว่าผลการตรวจสอบออกมาเป็นอย่างไร
พล.อ.ฉัตรชัย ยังได้สร้างวีรกรรมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะจากไป คือ ย้าย นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ที่ท่านแต่งตั้งด้วยมือของท่านเอง พ้นจากปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแต่งตั้ง นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อดีตอธิบดีกรมชลประทาน เป็นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งมีเวลาทำงานเพียง 1 ปี คุณเลิศวิโรจน์ จะเกษียณอายุราชการใน
วันที่ 30 กันยายน 2561
ตลอดเวลา 2 ปี 3 เดือน 4 วัน (19 สิงหาคม 2558 – 23 พฤศจิกายน 2560) นับว่าเป็นช่วงตกต่ำที่สุด และมีการใช้งบประมาณมากที่สุดของกระทรวงเกษตรฯ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ได้มีการพัฒนาอาชีพการเกษตรที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
3.เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 เราก็ได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนที่ 3 ในยุค คสช. คือ นายกฤษฎา บุญราช ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการจากปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับรัฐมนตรีช่วย อีก 2 ท่าน คือ นายลักษณ์ วจนานวัช อดีตผู้จัดการธ.ก.ส.และ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โชคดีที่ได้ คุณกฤษฎามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ถึงแม้ผมจะไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แต่ได้ติดตามผลงานของท่านมาโดยตลอด และในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ผมได้มีโอกาสร่วมประชุมกับท่านหลายครั้ง ในฐานะที่ผมเป็นกรรมการของ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชนผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ท่านกฤษฎา บุญราช เป็นผู้ใหญ่ที่พูดน้อย มีหลักการ เป็นที่ยอมรับของ รมว.มหาดไทย และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย สามารถทำงานร่วมกับภาคเอกชนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การที่ท่านได้ปฏิบัติงานในภูมิภาคตั้งแต่ระดับอำเภอ จากนายอำเภอจนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด จนมาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านน่าจะมีความเข้าใจถึงสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องในชนบท ซึ่งรวมถึงพี่น้องเกษตรกร อันเป็นบุคคลกลุ่มใหญ่ในชนบทได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยุค คสช. ที่คนในภาคการเกษตรไม่ได้รับโอกาสมากนักในการเข้าไปร่วมทำงานกับ คสช.ไม่ว่าจะในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 11 ด้าน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คุณกฤษฎา บุญราช จึงน่าจะเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาเป็นผู้ขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงเกษตรฯ
สำหรับ คุณลักษณ์ วจนานวัช ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร ท่านมีพื้นความรู้ทางด้านการเกษตร และเศรษฐศาสตร์การเกษตรเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ท่านได้นำพาให้ ธ.ก.ส. ผ่านพ้นวิกฤติจากโครงการรับจำนำข้าวในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการรับจำนำ ซึ่งมีเกษตรกรจำนวนมาก และใช้วงเงินมหาศาล แต่ ธ.ก.ส. ก็สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในสภาพความเป็นอยู่ ความยากลำบากในการประกอบอาชีพ และความต้องการของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะเงินทุนและปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่จะเป็นเครื่องมือสนับสนุนประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกร ประกอบกับบุคลิกภาพที่อ่อนน้อม และผ่านงานใหญ่มามาก ท่านน่าจะเป็นกลไกอันสำคัญที่สามารถจะทำงานร่วมกับปลัดกระทรวง อธิบดี ข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนพี่น้องเกษตรกรได้เป็นอย่างดี
ส่วน คุณวิวัฒน์ ศัลยกำธร ผมไม่เคยรู้จัก แต่ในฐานะที่ผมเป็นนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเคยเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้รับทราบว่าท่านผู้นี้ มักดูถูกและสบประมาทพวกเราอยู่เสมอ และเมื่อคุณวิวัฒน์ ได้มาเป็น รมช.เกษตรฯ และมีที่ปรึกษาที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าทุกคนเข้ามาร่วมทำงานหลายท่านซึ่งต่างก็อ้างตัวเป็นปราชญ์ เป็นผู้รู้เรื่องการเกษตรที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ได้สร้างศูนย์ฝึกอบรมของตัวเอง รวมทั้งเครือข่ายและกำลังผลักดันที่จะให้มีการใช้ศูนย์เหล่านี้ ขับเคลื่อนงานของกระทรวงเกษตรฯ แทนที่จะดำเนินการผ่านศูนย์วิจัยและพัฒนา หรือ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและงบประมาณ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interests)
ผมเกรงว่า ด้วยวิธีการของท่าน อาจจะไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในระยะเวลาที่ผ่านมาเพียง 2 เดือน คุณวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีที่ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนมากที่สุด และที่ท่านพูดเร็วไปก็คือเรื่องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
ในฐานะที่ผมเป็นนักเกษตร อดีตข้าราชการสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และปัจจุบันผันตัวมาเป็นเกษตรกร ขอเอาใจช่วยท่านรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนที่ 3 ในยุค คสช. ให้นำพาพี่น้องเกษตรกรไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป
อนันต์ ดาโลดม
นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย