ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/310392

บี มาย เกสท์ : หนึ่งในขุนพลน่องเหล็กทีมชาติไทย ‘จุฑาธิป มณีพันธุ์’
เหมือนโชคชะตาลิขิต จากเด็กกะโปโลคนหนึ่งที่วิ่งเล่นไปวันๆ ในวัยสิบขวบ ที่ไม่รู้ว่ากีฬาขี่จักรยานคืออะไร จนเมื่อตนเองกลายเป็นม้ามืดชนะรายการแข่งขันจักรยานที่ บึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด บ้านเกิด มีผู้เห็นแววว่าน่าจะรุ่งในเส้นทางนี้ ร้อยตรี(หญิง)จุฑาธิป มณีพันธุ์ จึงเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง เก็บสะสมประสบการณ์จากการแข่งขันรายการต่างๆ จนกระทั่งเป็นหนึ่งในขุนพลน่องเหล็กของกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ที่สร้างผลงานนำเหรียญรางวัลมาสู่ประเทศไทยกว่า 10 ปี และยังคงมุ่งมั่นกับเส้นทางนี้อย่างไม่หยุดยั้ง
จุฑาธิป หรือ บีซ เล่าถึงวันแรกที่ได้รู้จักกับกีฬาจักรยานว่า คุณพ่อศุภกิจ มณีพันธุ์ คือผู้ชักชวนและโค้ชคนแรกของเธอและน้องชาย ให้เข้าแข่งขันรายการแรกที่บ้านเกิด ทั้งที่ไม่มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์ เมื่อเทียบกับนักกีฬาคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน หนักกว่านั้นเธอไม่เคยฝึกซ้อม แต่ด้วยความคิดอยากสนุกของตัวเองเท่านั้น เมื่อการแข่งขันจบลง เธอสามารถเข้าเส้นชัยคว้ารางวัลชนะเลิศในรุ่น 12 ปีหญิง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
“จำได้ว่าได้รางวัล 300 บาท น้องชายได้ 100 บาท แบ่งให้พ่อ 100 บาท ให้แม่ 100 บาท แล้วเก็บไว้เอง 100 บาท หลังจากนั้นผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งเป็นเจ้าของร้านจักรยานมาบอกพ่อว่า เด็กคนนี้น่าสนับสนุน เพราะขนาดที่ไม่เคยซ้อม ไม่เคยแข่งมาก่อน แต่สามารถปั่นชนะคนที่เขาเป็นนักกีฬาอยู่แล้วได้น่าจะเป็นนักกีฬาที่ดีได้ พ่อจึงกลับมาถามบีซกับน้องว่าจะเล่นไหม ด้วยความที่เราได้รางวัลมาด้วยก็คิดว่ามันคงจะสนุกในความคิดของเราตอนนั้น บีซกับน้องชายก็ตกลง พ่อก็เลยซื้อจักรยานเสือภูเขามือสอง แต่สภาพยังดีของญี่ปุ่น มาให้ซ้อมคนละคัน โดยที่พ่อเป็นโค้ชให้เอง ท่านก็ใช้วิธีศึกษาตำรา อ่านจากนิตยสารที่เกี่ยวกับจักรยานถึงเทคนิคต่างๆ แล้วมาสอนบีซกับน้อง โดยจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาซ้อมทุกวัน ปั่นวันละ 10 กิโลรอบถนนบายพาสร้อยเอ็ด ตอนแรกๆ ก็มีร้องไห้งอแง เพราะมันเหนื่อย แต่พอทำทุกอย่างให้เป็นกิจวัตร มีระเบียบ เรารู้ว่ามันคือหน้าที่ก็ทำได้ แต่พอไปแข่งแรกๆ คือไม่ได้รางวัล ก็กลายเป็นแรงฮึดว่าเราต้องทำให้ดีขึ้น”
เมื่อเลือกเดินเส้นทางสายกีฬา หลังจบประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ร้อยเอ็ด บีซ จึงเลือกมาศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร พร้อมกับเปลี่ยนจากจักรยานเสือภูเขา มาเป็นจักรยานประเภทลู่และถนน ซึ่งเธอต้องเรียนรู้เทคนิคใหม่ทั้งหมด
“ตอนแรกๆ ที่โค้ชให้เปลี่ยนมาขี่ลู่และถนน ใจบีซไม่เอาเลย เพราะคิดว่ามันยาก แต่โค้ชให้กำลังใจและทุ่มเทฝึกฝนเราอย่างดี พอไปแข่งทำให้บีซเป็นเจ้าของสถิติประเทศไทย และทำให้บีซได้ติดเยาวชนทีมชาติ ไปแข่งขันรายการแรกในฐานะนักกีฬาทีมชาติ ได้มาหนึ่งเหรียญทอง 500 เมตร ประเภทลู่ และหนึ่งเหรียญเงิน ปรินท์ ประเภทลู่ การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 26 ที่ประเทศมาเลเซีย ปี 2549 และรับใช้ทีมชาติมาจนถึงปัจจุบัน”
สำหรับจักรยานคู่ใจที่ใช้ในการแข่งขัน ปัจจุบันคือ Cervelo รุ่น S5 eTap ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ไบค์โซน (Bike Zone) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
“กีฬาที่ใช้อุปกรณ์เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขัน สมรรถภาพของอุปกรณ์ก็มีส่วนสำคัญในการคว้าชัยของนักกีฬาเหมือนกัน ซึ่งนักกีฬาบ้านเราส่วนใหญ่ก็เหมือนกับบีซที่มาจากต่างจังหวัดและไม่ได้มีฐานะดีพอที่จะซื้ออุปกรณ์เป็นของตัวเองได้ การมีภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนจึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักกีฬาอย่างมาก ซึ่งบีซเองก็ต้องขอบคุณไบค์โซนที่เห็นความสำคัญของกีฬาจักรยาน เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนาวงการจักรยานบ้านเรา ไม่เฉพาะแต่กีฬาจักรยาน ที่บีซอยากเห็นภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนอุปกรณ์โดยเฉพาะชนิดกีฬาที่อุปกรณ์มีราคาสูงอยากให้เข้ามาสนับสนุนนักกีฬาทีมชาติกันเยอะๆ ค่ะ”
กว่า 10 ปีกับการเป็น “นักกีฬาจักรยานทีมชาติ” สร้างผลงาน เหรียญรางวัลและชื่อเสียงให้กับประเทศไทย บีซ บอกว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องผ่านการฝึกซ้อม ความมีระเบียบวินัย ความมุ่งมั่นตั้งใจ และหลายครั้งก็ต้องเสียน้ำตา
“บีซเชื่อว่าไม่ว่าใครจะทำอะไร มีเป้าหมายอย่างไร ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ถ้าเราไม่ท้อ ไม่ล้มเลิก หลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาหวัง เพราะเขาล้มเลิกไปก่อน แต่สำหรับบีซ ชัยชนะคือสิ่งที่ดี แต่ความพ่ายแพ้จะทำให้เราเก่งขึ้น บีซผ่านความกดดันมาเยอะเพราะบีซคิดเสมอว่าเราไม่เก่ง แต่เรามีความตั้งใจมีความมุ่งมั่นเราจึงทำได้ บีซคิดเสมอว่าพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้ คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่เราต้องพัฒนาและทำลายสถิติตัวเองให้ได้ทุกครั้งที่ลงแข่ง
การได้มาเป็นนักกีฬาจักรยาน การได้ติดทีมชาติ มันไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจ แต่ความมุ่งมั่นส่งผลให้บีซมีทุกอย่างในวันนี้ จากเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง กลายมามีชื่อเสียง มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว ในฐานะนักกีฬาเรียกว่าเราอยู่ในจุดที่สูงสุดแล้ว ถามว่าเลิกได้ไหม ก็ได้นะ แต่ที่ยังไม่เลิก เพราะเป้าหมายจริงๆ บีซอยากมีส่วนในการพัฒนาวงการกีฬาจักรยานบ้านเรา อีกอย่างคือตอนนี้เรายังขาดนักกีฬาหญิงรุ่นใหม่ๆ จึงอยากอยู่ตรงไปเรื่อยๆ ร่างกายเรายังไปได้อยู่ แต่ถ้าอนาคตเลิกเล่นทีมชาติ ก็อยากเป็นโค้ช อยากถ่ายทอดประสบการณ์ที่เรามีให้กับน้องๆ เพื่อให้เขามาช่วยกันพัฒนาวงการกีฬาจักรยานด้วยกันต่อไป”
ขณะนี้ บีซ อยู่ระหว่างการเก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2018 ที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคม 2561 ณ ประเทศเวียดนาม บีซก็ฝากลูกอ้อนขอให้คนไทยช่วยเป็นแรงใจแรงเชียร์ให้เธอและทัพนักกีฬาไทยไปคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง ซึ่งตัวเธอบอกว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อนำความภาคภูมิใจมาสู่คนไทยเหมือนเช่นเคยอีกครั้ง
